บทที่3 นางมารร้ายของอาชา

1738 คำ
“อ้าว อาชาเข้ามาในครัวทำไมล่ะลูก ด้านในคนตั้งเยอะแยะและก็ร้อนอบอ้าวด้วย” คนเป็นแม่เอะใจลูกชายตัวดี ร้อยวันพันปีเห็นอาชาเข้ามามองอยู่ตรงหน้าห้องครัวซะที่ไหนกัน “ผมหิวข้าวมากแล้วละครับก็เลยต้องออกมาดู กลัวว่าลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่จะก่อเรื่องอาละวาดแม่ครัวที่นี่เหมือนวันก่อนๆ ผมไม่อยากโทรเรียกรถดับเพลิงมาดับไฟอิจฉาริษยาของคนแถวนี้นะครับ” 'จะกล่าวหาพราวตรงๆ ก็พูดออกมาเถอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไง' พราวฟ้าแอบเบะปากมองบนแก่ผู้ชายปากเสีย เธอไม่เข้าใจว่าอาชาเป็นพระเอกในนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง ปากเสีย หน้าตาเข้มดุดัน น่าจะเหมาะเป็นตัวร้ายดีกว่า พระเอกอะไรไร้ความโรแมนติกสิ้นดี ไม่เหมือนพระเอกซีรีย์เกาหลีที่อบอุ่น รักนางเอกคนเดียว “คงไม่ต้องเรียกรถดับเพลิงมาแล้วละค่ะคุณอาชา เพราะฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผล ที่เห็นใครก็ต้องอาละวาดไปทั่ว ฉันว่าน่าจะเรียกรถโรงพยาบาลมากดีกว่านะคะ เพราะใครบางคนกำลังชักดิ้นชักงออยู่แถวนี้” เรื่องอะไรจะยอมให้ถูกกล่าวหาฝ่ายเดียว อาชาเจอนางมารร้ายต่อปากต่อคำกับเขามากขึ้นแอบอึ้ง เขารู้สึกเสียหน้าก่อนขอตัวหลีกออกไป “หนูพราวนี่ก็เก่งขึ้นนะที่ทำให้ลูกชายของแม่ต้องหน้าชาวาบแบบนั้น ถ้าหากหนูพราวแต่ก่อน คงไปอาละวาดกับเอิงเอย ผู้หญิงที่สนใจสามีของหนูแน่นอน” “ทำไมล่ะคะคุณแม่ พราวแต่ก่อนไม่กล้าเถียงกับสามีปากดีของตัวเองที่ไม่สนใจเมียตัวเองเลยเหรอคะ” พราวฟ้าคิดในใจ เพราะปกตินางร้ายจะต้องไม่ยอมใครถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นสามีก็ตาม หรือว่าจะเก่งแค่นางเอกในเรื่องแค่คนเดียว “แต่ก่อนหนูพราวรักอาชา สามีของหนูมาก เรียกได้ว่าทั้งรักทั้งหลง ไม่ว่าอาชาจะดุจะว่า จะกล่าวหาอะไรก็แล้วแต่ หนูพราวก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำสามีของหนูเลย แต่กลับไปหาเรื่องกับหนูเอิงเอย ศัตรูหัวใจของหนูพราวนะ แต่เอ๋ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมหนูพราวไม่รู้ล่ะ” “เอ่อ สงสัยพราวคงลืมล่ะมั้งค่ะคุณแม่ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ชอบลืมบ่อยมาก กับข้าวเสร็จแล้วค่ะคุณแม่ เดี๋ยวพราวยกออกไปตั้งโต๊ะนะคะ” “ไม่เป็นไรจ้ะหนูพราว หนูพราวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยลงมาทานข้าวพร้อมกัน” “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ อย่าลืมของโปรดของพราวนะคะ ห้ามใครมากินข้าวไข่เจียวชะอมของพราวได้นะคะคุณแม่” เธออุตส่าห์ตั้งใจทำซะดิบซะดี ถ้าไม่ติดขัดว่าแม่สามีสั่งให้ทำข้าวไข่เจียวชะอมอีกจานให้แก่สามีปากเสียของเธอล่ะก็ เธอคงไม่ทำให้เขาหรอก “จ้ะหนูพราว” “เดี๋ยวกุ้งพาคุณหนูพราวไปนะคะ” “พี่กุ้งไม่ต้องไปหรอกจ้ะ พราวไม่ใช่เด็กอมมือแล้วสักหน่อยที่จะต้องมีคนตามคอยดูแลอยู่ตลอด พราวชินแล้วที่ไปไหนมาไหนคนเดียว พี่กุ้งช่วยพวกพี่เขายกอาหารไปก็แล้วกัน” หลังจากพราวฟ้าส่งยิ้มอ่อนหวานพลางเดินออกจากห้องครัวโดยไม่บ่นสักคำว่าเหม็นกลิ่นอาหารที่ติดตัว สร้างความอึ้งแก่เอมอร ท่าทีของลูกสะใภ้เปลี่ยนไป จากร้ายกลายเป็นดี “เมื่อกี้หนูพราวเรียกเธอว่าอะไรนะ กุ้ง” “เรียกพี่กุ้งค่ะคุณหญิง กุ้งเองก็แปลกใจกับท่าทีของคุณหนูพราวที่เปลี่ยนไป แต่ก่อนคุณหนูพราวเรียกกุ้งว่านังกุ้งอยู่ตลอดเวลา” “แต่ถ้าหนูพราวเป็นหนูพราวแบบนี้ตลอดก็ดีนะสิ อาชา ลูกชายของฉันจะได้หันกลับมาสนใจหนูพราวเสียที” .............. ไหนๆ พราวฟ้าก็ได้มาทะลุมิติมาเกิดใหม่ในนิยายที่เธออ่านแล้ว หญิงสาวขอเดินสำรวจในบ้านหลังใหญ่นี้เสียหน่อยว่าจะใหญ่โต สวยงามสมกับที่เธอจิตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ “มีประตูหลังบ้านอีกประตูหนึ่งหรอกเหรอเนี่ย แอบออกไปดูดีกว่า” ด้วยความแสบซนของเธอผลักประตูหลังบ้านออกกว้าง พลันสายตากลับเป็นตากุ้งยิงเมื่อเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น 'โอ้ว แม่เจ้า ซิกแพคเป็นลูกๆ ตายแล้ว สามีของพราวรดาทำไมกร้าวใจได้ขนาดนี้' พราวฟ้าสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงต้องออกไปอาบน้ำตุ่มที่หลังบ้าน ถอดเสื้อผ้าโชว์กล้ามแน่นเหมาะสมกับเป็นเจ้าของฟาร์ม เธอกำลังเคลิบเคลิ้ม มัวเมากับซิกแพคกล้ามแน่น ทว่า... “เฮ้ย! เธอ” “กรี๊ด ช่วยด้วยค่ะ มีคนแก้ผ้าอาบน้ำโล่งแจ้งอยู่หลังบ้านแถวนี้ อุ๊บ อู๊ย (ปล่อยนะ)” ไวทันความคิด อาชารีบเข้ามาปิดปากม้าดื้อพยศเพศเมียเอาไว้ พราวฟ้ายิ่งดิ้นหนักเมื่อตัวเองตกอยู่ในซิกแพคของเขาตรงหน้าเต็มตา “บอกให้หยุดแหกปากร้องไง พราวรดา” “อี๊ย อู้ (รีบเอามือนายออกจากปากฉันสิ ปากนายเค็มชะมัด)” ภรรยาแต่งสุดแสบตัดสินใจใช้ฟันกัดมือหนาใหญ่ของเขาเต็มแรง อาชาเพิ่งเคยเจอฤทธิ์นางมารร้ายดื้อพยศรีบปล่อยมือออกมาทันที “โอ๊ย เป็นหมาบ้าหรือไง ถึงได้กัดคนขนาดนี้ ดูสิมีรอยเขี้ยวหมาบ้าอยู่ตรงมือฉันอยู่เลย จะเป็นพิษสุนัขบ้าไหมวะเนี่ย” “นี่คุณหาว่าฉันเป็นหมาบ้าไล่กัดคนไปทั่วอย่างนั้นเหรอ ใช้อะไรคิด คุณอาชาปากเสีย” คนอย่างพราวฟ้าไม่ยอมถูกว่ากล่าวหาลอยๆ ฝ่ายเดียว “ใช่นะสิ นับวันยิ่งทำตัวเป็นหมาบ้าขึ้นทุกวัน เมื่อวานเธอก็ไปเอาเรื่องกับเอย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้หรอก” ในสายตาของอาชา ผู้หญิงตรงหน้าคือพราวรดา นางมารร้ายของตัวเองที่เกลียดชังน้ำหน้าสุดขีด “ฉันไม่ใช่หมาบ้าอย่างที่คุณอาชากล่าวหา แต่เป็นคุณต่างหากที่เป็นคนบ้า มายืนแก้ผ้าอาบน้ำบนตุ่มน้ำนี้ หรือว่าคุณอยากให้พวกสาวๆ มาเห็นซิกแพคของคุณหรือยังไง ซิกแพคแบบนี้ไม่เห็นน่าจะดูเลยสักนิด” “พราวรดา! ของของฉันมันคงไม่ทำให้เธอสนใจเลยสินะ ใช่ไหม” ริมฝีปากได้รูปหยัดยิ้มมุมปากก่อนจะรั้งร่างหญิงสาวปากดีตกเข้ามาอยู่ภายใต้อ้อมแขนของเขาอีกครั้ง “ว้าย! คุณอาชา คุณจะมาทำแบบนี้กับพราวไม่ได้นะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” นี่เป็นครั้งแรกของชีวิตสาวโสดเต็มวัยอย่างพราวฟ้าที่ใจเต้นแรง เวลาอยู่ใกล้ซิกแพคของเขา “ฉันจะพิสูจน์ว่าเธอไม่หวั่นไหวอะไรเลยเหรอที่มีผู้ชายหน้าตาดีๆ มีซิกแพคล่ำเข้ามาแนบชิดใกล้ตัวเอง ปกติเธออยากจะเข้ามาหาฉันจะตายไปไม่ใช่เหรอ พราวรดา” “ฉัน ไม่รู้สึกอะไรเลย ปล่อยได้แล้ว” พราวฟ้าอดกลั้นอารมณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจ หญิงสาวผละออกจากตัวแกร่งของผู้เป็นสามีสมรส “คนที่คุณอาชาจะทำแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นคุณเอิงเอยเท่านั้น คุณจะมาทำอย่างนี้กับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากเธอรู้ เธอคงจะเสียใจ” เธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ แค่มาเกิดใหม่ในร่างนางร้ายก็ทำให้เนื้อหานิยายเรื่องนี้ผิดเพี้ยนไปพอสมควร “พราวรดา เธอเป็นอะไรของเธอกันแน่” อาชาแปลกใจกับกิริยาแปรเปลี่ยน ปกติพราวรดาเกลียดชังเอิงเอยจนแทบอยากจะกำจัดไปให้พ้นๆ ทาง แต่ตอนนี้กลับเข้าข้างเอิงเอย คนที่เขารัก(แต่ก่อน)เสียอย่างนั้น “หรือว่าตอนบ่าย เธอล้มฟาดหัวพื้นจนหัวสมองกระทบกระเทือนจนผิดเพี้ยนไปหมด” . . . พราวฟ้าอาบน้ำแต่งตัวชุดใหม่ เธอเลือกเปิดดูเสื้อผ้าของพราวรดาแอบตกตะลึง ชุดนอนแต่ละชุดแทบจะเห็นสัดส่วนโค้งเว้า เนื้อผ้าเบาบางแถมกระโปรงสั้นจงใจอวดขาเรียวอ่อนขาว “เธอสวยมากขนาดนี้ ทำไมเธอถึงตาถั่วไปหลงไอ้ผู้ชายปากเสียคนนั้นด้วย หล่อก็ไม่หล่อ ผิวก็สีแทน พราวรดา ถ้าเป็นฉันนะ หึ! อย่าหวังว่าจะเห็นขาอ่อนฉัน” “คุณหนูพราว เอ่อ...” กุ้งว่าจะขึ้นมาตามคุณหนูจอมวีนเหวี่ยง ชอบแต่งตัวเสื้อผ้าสั้นตลอดเวลา ทว่า “พี่กุ้งมาพอดีเลยค่ะ คือพราวขอยืมเสื้อผ้าของพี่กุ้งสักชุดได้ไหมคะ คือพราวไม่ชอบแต่งตัวชุดนอนเบาบางแบบนี้แถมไม่เคยใส่ด้วย พี่กุ้งนะคะ” “ถ้าคุณหนูพราวต้องการแบบนั้น เดี๋ยวพี่กุ้งจะเอามาให้คุณหนูใส่ชั่วคราวไปก่อนนะคะ” คนใช้สนิทปรับอารมณ์ไม่ทัน ตอนบ่ายวีนเหวี่ยง อาละวาดไปทั่ว พอตกเย็นกลับดูเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน เรียกเธอว่าพี่กุ้ง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นหัวเธอเลยสักนิด “เป็นนางร้ายในโทรทัศน์ต้องทำสีหน้ายังไงนะ ไม่เคยดูละครไทยด้วยสิ” พราวฟ้าเข้ามานั่งโต๊ะแป้งเครื่องสำอางเยอะแยะที่เธอไม่เคยใช้สักตัวเดียว ใบหน้าดวงกมลมองตัวเองผ่านหน้ากระจกตรงหน้า เธอลองทำหน้าเบะปากใส่ตัวเองพลางชี้หน้าด่านางเอกที่แย่งพระเอกของเธอไป “เอิงเอย เธอกล้ามากที่จะมาแย่งคุณอาชาไปจากฉันไป ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่ แต่อยากได้ก็เอาไปเถอะ ฉันยกเอาไปให้เลย ผู้ชายอะไรปากยังกับกรรไกร” พราวฟ้าคิดว่าเป็นนางมารร้ายไม่ได้เท่าที่ควรเป็นสักเท่าไหร่ เป็นนางร้ายทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้ อยู่ดีๆ เธอรู้สึกสงสารนางมารร้ายคนนี้ขึ้นมาจับใจ “พระเอกในนิยายไม่ได้มีแค่คนเดียวเสียหน่อย ทำไมต้องไปตบตีแย่งกันด้วย?!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม