ตอนที่ 5
ทุจริต
"กระหม่อมไม่เข้าใจเลยขอรับ ว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงอยากหย่ากับพระชายา"
"เจ้าสงสัยความคิดข้างั้นหรือ"
"มิกล้า ๆ เพียงแต่กระหม่อม.."
"ช่างเถอะ ฮ่องเต้รับปากกับข้าแล้วว่าหากไปช่วยชาวเมืองที่ประสบภัยได้จะรับปากออกพระราชโองการให้ข้า"
"แต่กระหม่อมได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้พระชายาไปดูชาวบ้านที่นั่นด้วยนะขอรับ"
ไม่รู้ว่าเพียงเพราะช่วยชาวบ้าน เหตุใดฮ่องเต้ถึงส่งสตรีที่ไม่รู้จักเรื่องราวเหล่านี้ให้ออกไปเช่นนั้น แม้นางจะเติบโตมาจากที่นั่นแต่นิสัยและความสามารถของนางแล้วนอกจากไปเป็นภาระจะทำสิ่งใดได้อีก
'หากเจ้าอยากได้พระราชโองการหย่าพระชายา ไว้เจ้ากลับมาจากเมืองหนานแล้วค่อยว่ากัน อ่อ.. เพราะมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาบ่อยครั้งเรื่องผู้ประสบภัยและยังไม่มีผู้ใดไปจัดการ ชายาของเจ้าเดิมทีนางก็เป็นคุณหนูจากเมืองหนานย่อมรู้ภูมิทัศน์ดี ข้าจึงให้นางออกไปช่วยชาวบ้านในฐานะเยว่เฟยของเจ้า เจ้าก็ไปช่วยนางหน่อยแล้วกัน'
"ก็แค่ไปแก้ปัญหาอุทกภัยจะไปยากอะไรกัน ข้าก็อยากรู้นักว่าสตรีเช่นนางจะแก้ปัญหาอะไรได้"
•••••
"คุณหนู ข้างหน้าอีกสองลี้จะถึงเมืองหนาแล้ว คุณหนูจะกลับจวนไป๋ก่อนหรือไม่ขอรับ"
ไป๋อวี่ซีนั่งมองออกไปนอกรถม้า ภูมิทัศน์ที่เคยเห็นเป็นครั้งแรกแต่ในความทรงจำกลับไม่ใช่ครั้งแรก ภาพของเด็กผู้หญิงที่ถูกเฆี่ยนตีจากผู้ที่น่าจะเป็นบิดา ภาพที่ถูกด่าทอจากผู้ที่น่าจะเป็นมารดา ในความทรงจำที่เกี่ยวกับจวนแห่งนี้จากที่เห็นไม่มีอะไรน่าอาวรณ์เลยสักนิด
"ไม่"
"คุณหนู~"
เธอมองสาวใช้ที่มีท่าทางแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วง หญิงสาวยกมือขึ้นไปลูบหัวนางเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้
"ข้าไม่เป็นอะไร.. เรามาเพื่อช่วยราษฎรเรื่องอื่นที่ผ่านมาข้าไม่จดจำแล้ว"
"เจ้าค่ะ"
หลังจากนั้นรถม้าเดินทางมาสู่เมืองหนาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มและมีแม่น้ำล้อมรอบเมืองนี้จึงเกิดอุทกภัยบ่อยครั้ง และยังไม่เคยมีใครสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างเด็ดขาดเสียที
"ถึงแล้วขอรับ"
ไป๋อวี่ซีเดินลงมาจากรถม้าแต่ต้องรู้สึกใจหายเมื่อเห็นภาพตรงหน้า บ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้างเพราะผู้คนถูกอพยพ ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ให้เชยชม
"ที่นี่หมายความว่าอย่างไร"
"หยุด~ พวกเจ้าเป็นใครกันมาทำอะไรที่นี่"
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คำตอบ ทหารนายหนึ่งที่ขี่ม้าลาดตระเวนได้มาหยุดถามทั้งสาม ไป๋อวี่ซีดึงป้ายหงส์สีทองซึ่งเป็นตัวแทนจวนอ๋องมาแสดงตน
"คารวะท่านเยว่เฟย กระหม่อมมีตาหามีแววไม่"
"ไม่ต้องมากพิธี.. ชาวบ้านอพยพไปที่ใดเจ้าพาพวกข้าไปได้หรือไม่"
"เชิญตามกระหม่อมมาทางนี้ขอรับ"
ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็เดินทางมายังจุดหมายที่อยู่นอกเมือง ซึ่งเป็นจุดพักของประชาชนที่ถูกอพยพออกมา แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือเหตุใดชาวบ้านถึงดูโทรมและหิวโซเช่นนั้น
"เร็ว ๆ ดิวะ!"
คนชรา เด็กเล็ก และชาวบ้านที่เดินถือถ้วยใบเล็กที่เทียบเท่าถ้วยน้ำจิ้มชาบูในปัจจุบันไปรับข้าวที่อยู่ในหม้อใบเล็ก ๆ จากทหาร
"ขอข้าอีกหน่อยได้หรือไม่ ตาแก่ของข้าเดินมาไม่ไหวแล้ว"
"ยัยแก่นี่! ถ้าเดินมาไม่ไหวก็ไม่ต้องกิน! ท่านเจ้าเมืองให้ข้าวพวกแกกินทุกวันก็ดีเท่าไหร่แล้ว ออกไป! คนต่อไป"
"โถ่~ ขอยายเพิ่มสักหน่อยเถอะนะพ่อหนุ่ม ตาแก่เดินมาไม่ไหวแล้วจริง ๆ"
เพล้ง!
"ถ้าวุ่นวายนักก็ไม่ต้องกิน!"
ทหารนายนั้นปัดถ้วยของหญิงชราจนตกแตก มิหนำซ้ำยังผลักนางจนล้มไปกองกับพื้นจนผู้คนแตกตื่น
"ฮ่า! ฮ่า! ให้รู้ซะบ้างว่ามีฐานะต่ำต้อยแค่ไหน ใครไม่เชื่อฟังก็ไสหัวไปซะ!"
"นี่มัน!"
อวี่ซีกำมือแน่นเตรียมจะเดินเข้าไปแต่ถูกองครักษ์กันเอาไว้
"อู่ถังเจ้าจะห้ามข้าทำไม"
"จากที่กระหม่อมทราบมาเสบียงของที่นี่เหลือเพียงแค่ไม่กี่ส่วน และคนที่จ่ายเสบียงนั้นเป็นจวนเจ้า หากคุณหนูเข้าไปตอนนี้เกรงว่าชาวบ้านจะไม่ปลอดภัยขอรับ"
"จะเป็นไปได้อย่างไร ก่อนข้าออกมาฝ่าบาทบอกข้าว่าราชสำนักส่งเบี้ยหวัดมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือราษฎร จะไม่มีเสบียงได้อย่างไร"
"ท่านเยว่เฟย.. เป็นเรื่องจริงขอรับที่เราไม่เหลือเสบียงแล้ว ส่วนเรื่องเบี้ยหวัดล้วนเป็นจวนเจ้าเมืองที่จัดสรรทั้งหมด"
"ทุจริตสินะ มีทุกยุคทุกสมัยเสียจริง"