ตอนที่ 7 แม่นางมีนามว่าอะไร

1301 คำ
ตอนที่ 7 แม่นางมีนามว่าอะไร คำพูดจากชายเบื้องหน้าดังขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ส่งผลให้ไป๋อวี่ซีจำเป็นต้องเลื่อนสายตาไปมองอย่างช่วยไม่ได้ บุรุษรูปงามแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพียงแรกพบสบตาร่างกายถึงกับชาไปชั่วขณะ "คุณหนูผู้นี้ได้ยิน.." "เชิญนั่งเจ้าค่ะ" เธอจ้องมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย รู้สึกได้ว่าน้ำลายไหลออกจากริมฝีปาก เมื่อได้สติอวี่ซียกมือตนเองขึ้นมาเช็ดมุมปากด้วยท่าทางเขินอาย โชคยังดีที่ใบหน้าของเธอนั้นยังอยู่ภายใต้หมวกสานใบใหญ่ ไม่เช่นนั้นต่อหน้าชายผู้นี้คงทำเรื่องน่าขายหน้าไปเสียแล้ว เธอมองไปรอบร้านอีกครั้งถึงเห็นว่าที่แห่งนี้โต๊ะเก้าอี้เต็มทุกตัว พอทำให้เข้าใจได้ว่าเหตุใดบุรุษรูปงามเช่นนี้ถึงมาขอร่วมโต๊ะ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ทำได้เพียงแค่ต่างคนต่างกินอาหารที่ตนเองสั่งมา "มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง.. ขอบคุณแม่นางมาก" "ข้าไม่ชอบติดหนี้ใคร ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณชายเพียงแต่ข้าขอปฏิเสธ" ในขณะที่ทานอาหารไปเธอก็ยังคงลอบสังเกตชายที่อยู่ชั้นบนไปตลอดเวลา จนมั่นใจได้ว่าชายคนที่เห็นนั้นคือท่านเจ้าเมืองของเมืองนี้ เมื่อทางนั้นเริ่มเคลื่อนไหวนางจึงต้องตัดใจจากขาหมูน่องโตตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ "ข้าขอตัว" แต่ไม่รู้ว่าชายผู้นี้จงใจหรือเป็นเรื่องบังเอิญ ในตอนที่นางลุกขึ้นเพื่อที่จะสะกดรอยตามชายผู้นั้น บุรุษรูปงามที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ลุกขึ้นด้วยเช่นกัน ปึก! ทำให้ทั้งคู่ชนกันอย่างแรงจนอวี่ซีนั้นเกือบล้มหงายหลัง โชคยังดีที่พ่อหนุ่มรูปหล่อผู้นี้รับนางเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงไปนอนจูบพื้น แต่เหมือนโชคของนางร้ายตัวท็อปอย่างเธอจะใช้หมดไปเสียแล้วกระมัง เพราะตอนที่ชายผู้นั้นรับตัวเธอเอาไว้ใบหน้าของเขาได้เข้ามาในหมวกสานของเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองดวงตาคู่กลมด้วยความรู้สึกหลากหลาย หากเป็นยุคปัจจุบันคงเรียกอาการเหล่านี้ว่ารักแรกพบเห็นจะได้ ใบหน้าที่แม้แต่ดาราอันดับหนึ่งของประเทศยังสู้ไม่ได้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเคลิบเคลิ้มจนแทบลืมตัว "อะแฮ่ม! ขออภัยแม่นาง.. ล่วงเกินแล้ว" "มะ.. ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าขอตัว" "เดี๋ยว!" แต่ยังไม่ทันที่ไป๋อวี่ซีจะได้เดินออกจากตรงนั้น เขากลับเรียกเธอเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขาม "คุณชายท่านนี้มีอะไรกับข้างั้นหรือ" "ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรงั้นหรือ ข้าขอทราบได้หรือไม่" หญิงสาวมองบุรุษผู้นี้ด้วยความตกใจผ่านหมวกสานใบโต ตั้งแต่เกิดมาจน24ปี เธอไม่เคยรู้สึกถึงการรุกหนักจากผู้ชายที่ดูจริงใจเท่านี้มาก่อน หากเป็นแค่คำถามก็อาจจะคิดว่าเป็นการถามไถ่มนุษย์โลกทั่วไป แต่ใบหน้าและแววตาที่ดูหวานเยิ้มราวกับคนคลั่งรักนั่นคืออะไรกัน "เพียงแค่คนผ่านทางเกรงว่าไม่จำเป็น.. หากมีบุญวาสนา หากได้พบกันคราวหน้าข้าจะบอกชื่อกับท่าน" ไป๋อวี่ซีเอ่ยเพียงแค่นั้นพร้อมทั้งเดินออกห่างจากโต๊ะมาสองสามก้าว "ได้! หากครั้งหน้าพบกันอีกคราคงเป็นบุญวาสนาของเราสอง ข้าจะขอถามชื่อแม่นางอีกครั้ง" ••••• "ท่านอ๋อง.." "อยู่ที่นี่อย่าเรียกข้าว่าท่านอ๋อง.. เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปจัดการไปถึงไหนแล้ว" เหิงเยว่มองตามสตรีผู้นั้นไปจนสุดสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกชะตากับสตรีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของนางช่างงดงามหาใครเปรียบ ดวงตากลมโตเป็นประกายสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากบางได้รูปแม้ไม่ถูกแต่งแต้มด้วยชาดราคาแพงแต่กลับดูน่ามอง ช่างเป็นใบหน้าที่ชวนหลงใหลยิ่งนัก "สืบได้ความแล้วขอรับ" "เช่นนั้นก็ดี โม่ฉินเจ้าไปจัดการเถอะ" "ขอรับ" เยว่อ๋องสั่งองครักษ์ให้ไปจัดการหาหลักฐานการทุจริต พลางคิดไปถึงหนังสือร้องเรียนและขอความช่วยเหลือที่ถูกส่งเข้าไปในราชสำนัก โชคดีที่ก่อนออกมาขอร้องฮ่องเต้ว่าอย่าป่าวประกาศเรื่องการมาของตนรวมถึงชายา ทำให้หาหลักฐานได้ง่ายยิ่งนัก "ยุงก็กัดยากันยุงก็ไม่มี ครีมทาผิวก้ไม่มี แย่แล้ว ๆ ผิวเป็นจุดด่างดำหมดแล้วอวี่ซี!" ในตรอกแคบ ๆ ใกล้จวนเจ้าเมือง ไป๋อวี่ซีที่แอบซุ่มดูสถานการณ์อยู่เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ นานหลายชั่วยามที่นางเฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อรอดูช่องโหว่ของท่านเจ้าเมืองหนาน แต่จนแล้วจนรอดหลังจากที่ท่านเจ้าเมืองกลับมายังจวนก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าออกที่แห่งนี้เลยสักคน จวบจนตะวันลับขอบฟ้าก็ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการเลยสักอย่าง ฟรึ่บ! ด้วยความมืดสลัวผสมกับความเงียบ ปลายหางตาของนางมองเห็นเงาดำเงาหนึ่งกระโดดข้ามกำแพงรั้วของจวนเจ้าเมืองเข้าไปด้านใน "ใครกัน ขโมยงั้นเหรอ" ฟรึ่บ! แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้หายสงสัย ได้มีเงาดำอีกเงากระโดดข้ามกำแพงจวนตามไปติด ๆ เป็นไปได้มากกว่าทั้งสองเงานั้นจะเป็นพวกเดียวกัน แต่จากที่คาดเดาหากเป็นแขกท่านเจ้าเมืองไม่น่าจะต้องใช้วิธีเช่นนี้ จึงเป็นไปได้มากว่าทั้งสองคนเมื่อครู่ก็อาจจะเป็นศัตรูของเจ้าเมือง แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าสองคนนั้นเห็นจะเป็น.. "โหว~ ไม่มีสลึงยังกระโดดตัวปลิวกันขนาดนั้น ถ้ามีสลึงไม่ลอยบนฟ้าได้เลยงั้นเหรอ" และเพราะว่าชีวิตจริงนางก็เป็นเพียงแค่ดารานักแสดง เมื่อประสบกับชีวิตจริงการลอยตัวเช่นนั้นไม่มีทางทำได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้ที่เข้าไปนั้นคือผู้ใดแต่การบุกรุกเคหสถานยามวิกาลย่อมไม่ใช่สหายแน่นอน "รอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน" ••••• "อู่ถังเจ้าว่าเหตุใดคุณหนูยังไม่กลับมา จะเกิดอันตรายกับคุณหนูหรือไม่" "ยังไม่ครบสามชั่วยามตามที่คุณหนูสั่ง" "ข้ารู้.. เพียงแต่ข้าไม่ไว้ใจ" "หากเป็นเช่นนั้นเจ้าจะไปดูที่จวนเจ้าเมืองหรือไม่" "ไป" ทั้งสองพยักหน้าให้การพร้อมกับตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังจวนเจ้าเมือง เมื่อสองชั่วยามก่อนอวี่ซีสั่งให้เมี่ยวเมี่ปรากฏไปที่จวนสกุลเฉิง บอกเรื่องราวทั้งหมดให้กับเฉิงเหว่ยเพื่อให้เขาตามหาที่ซ่อนเสบียงทำให้ต้องแยกย้ายกันทำงาน และมาพบกับที่รถม้าในอีก3ชั่วยามต่อมา "แต่หากเราไปแล้วคุณหนูมาที่นี่ไม่เจอเราจะทำอย่างไร" สองเท้าของหญิงสาวเตรียมจะวิ่งขึ้นรถม้า แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เกินเวลาที่คุณหนูของนางตั้งไว้จึงเริ่มเป็นกังวล "เช่นนั้นเรารออยู่ที่นี่อีกหน่อย อีกหนึ่งก้านธูปก็จะครบเวลาที่เรานัดกันไว้หากคุณหนูยังไม่มาเราจะไปที่จวนเจ้าเมืองทันที"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม