ตอนที่ 7 : ท้าทาย
ไฟไม่ได้สนใจในความสงสัยของเธอ แถมยังหยิบบุหรี่ราคาแพงออกมาจุดพร้อมกับสูบต่อหน้าต่อตาหญิงสาวในจังหวะที่เธอยังเงยขึ้นมามองการกระทำของเขา สายตาคมมองวิวชั้นสองของบ้านอย่างสบายอุรา ต่อให้ตอนนี้สายมากแล้วแต่ยังมีลมเย็นๆพัดผ่านทำให้อากาศไม่ร้อน ไม่นานสายตาคมก้มมองสิ่งที่อยู่ด้านล่างปรากฏว่าแก้วกาแฟนั้นได้หายไปพร้อมกับหญิงสาว
ริมฝีปากยกยิ้มด้วยความสะใจที่ได้แกล้งเธอ หัวรั้นแบบเธอต้องเจอคนแบบเขาถึงจะสาสมและสำนึก
"ให้มันรู้ซะบ้างว่าเธอกับฉันต่างกันขนาดไหน ฉันมีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายชีวิตเธอได้เลยนะ หมอฟ้าใส"
เท้าเรียวเล็กเดินอ้อมมาทางหลังบ้านอีกครั้งและเปิดประตูหลังบ้านแทนการเข้าประตูหน้าบ้าน คิดว่าโครงสร้างบ้านน่าจะสร้างครัวไว้แถบนี้และมันก็จริงอย่างที่คิด ประตูนี้ตรงถึงครัวได้เลย และสามารถทะลุผ่านในบ้านได้ ทำให้ฉันเห็นการตกแต่งของบ้านหลังนี้ ถึงจะมองผ่านๆแต่ก็รู้ว่าทุกอย่างถูกจัดสรรอย่างลงตัว เป็นระเบียบเรียบร้อยทุกตารางนิ้ว ขนาดห้องครัวยังใหม่เอี่ยมราวกับบ้านใหม่
แก้วกาแฟถูกล้างและคว่ำไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าหวานมองไปรอบตัวอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินออก คงไม่โดนชี้นิ้วสั่งอะไรอีกนะ ฉันอยากพักผ่อนเต็มที
เมื่อเดินออกมาและเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นสองของตัวบ้าน กลับไร้เงาผู้ชายคนนั้นแล้ว
"เป็นผีหรือไงผลุบๆโผล่ๆ" ฟ้าใสพึมพำกับตัวเองและมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่อยู่แล้ว เลยตัดสินใจเดินออกจากบ้านหลังนี้
"สวัสดีครับคุณหมอเจอคุณไฟแล้วใช่ไหมครับ"
"เจอแล้วค่ะ ฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าหมอกลับก่อน"
"คุณไฟสั่งให้ลุงมาบอกคุณหมอว่า ปวดขาอยากได้ยาแก้ปวดครับ"
"คะ?" เสียงหวานขานเสียงหลง นั่นแปลว่าฉันต้องย้อนไปที่โรงพยาบาลเพื่อสั่งจ่ายยาให้เขา และกลับมาบ้านหลังนี้อีกนะเหรอ พอมองหน้าคุณลุงที่ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนทำให้ฉันเลือกที่จะพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
เขาไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพแล้วหมอไม่ให้ยาแก้ปวดเลยเหรอไง หรือเขาจงใจปั่นประสาทฉัน
ใบหน้าหวานหันไปทางตัวบ้านอีกครั้ง และเงยขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องกระจกบานใหญ่ถูกปิดผ้าม่านไว้อย่างมิดชิด ความรู้สึกเหมือนมีใครแอบมองอยู่บริเวณนั้น แต่คงคิดมากไปเอง
"งั้นฝากบอกเขาหน่อยนะคะ ตอนเย็นหมอจะเอายามาให้ ถ้าเขาปวดขาจนทนไม่ไหวคงไม่เอาตัวเองขึ้นไปข้างบนง่ายขนาดนั้นแถมยังสูบบุหรี่ลอยหน้าลอยตา"
"เอ่อ...คือ"
"หมอไปก่อนนะคะ" ฉันก้มหัวให้คุณลุงเล็กน้อยและเดินไปเอารถจักรยานคันเก่าเพื่อขี่กลับห้องพัก ระยะทางจากบ้านเขาไปห้องพักของฉันมันไม่ใช่ใกล้ๆเมื่อเทียบกับการปั่นจักรยาน รถยนต์ขับอาจใช้เวลาประมาณสิบนาที แต่ปั่นจักรยานใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง จะให้ฉันเทียวไปเทียวมามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น ต้องขี่ไปตามถนนที่มีรถผ่านไปผ่านมามากพอสมควร ไม่รู้ว่าคราวซวยถูกรถชนจะมาหาตอนไหน
คำสั่งของคุณเหมือนว่าบ้านฉันอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามอย่างนั้นแหละ ปวดให้ตายไปเลยยิ่งดี ชีวิตฉันจะได้สงบ
เป็นความคิดที่อยู่ในสมองแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกไปให้เขารับรู้ กลัวหมาบ้าจะแผลงฤทธิ์อีก ทำได้แค่ยอมและอดทนเพื่อให้เขาพอใจ
สายตาคมกริบมองคนตัวเล็กขี่จักรยานออกจากบริเวณบ้านจนลับสายตา ในจังหวะที่เธอเงยมองขึ้นมาเมื่อกี้ทำให้เขาผงะไปเล็กน้อย แต่มั่นใจว่าเธอไม่รู้ว่าเขายืนมองเธออยู่ตรงนี้
ครืด ครืด...
เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังทำให้ชายหนุ่มหันไปมองและเดินไปหยิบก่อนจะกดรับสาย
"อืม" เสียงในลำคอทักทายปลายสาย
(เย็นนี้ให้คนรถไปรอรับเลยไหมครับ) ลูกน้องคนสนิทถามทันทีเมื่อเจ้านายหนุ่มรับสาย เพราะปกติแล้วเจ้านายจะนอนที่บ้านพักตากอากาศเพียงหนึ่งคืน หรืออยู่ไม่เกินสองวันและจะกลับมากรุงเทพ และการที่ให้รถรอรับเป็นเรื่องปกติที่ทำแบบนี้มายาวนาน แต่ต้องโทรสอบถามเจ้านายหนุ่มก่อนเพื่อความชัวร์
"กูยังไม่กลับ"
(ครับ?)
"มีอะไรที่น่าสงสัยงั้นเหรอ กูอยู่บ้านตัวเองผิดตรงไหน"
(ไม่มีครับ แล้วขาของคุณไฟดีขึ้นหรือยังครับ เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งานที่นี่เพื่อไปดูแลคุณไฟ)
"ไม่ต้อง กูดูแลตัวเองได้"
(ครับ ทายาแก้ฟกช้ำและกินยาลดการปวดนะครับ หมอที่รักษาคุณไฟบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่แผลถลอกและอาจมีรอยช้ำบ้างเป็นเรื่องปกติ ไม่นานก็หาย)
"กูโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วไม่ต้องมาย้ำ ทำงานที่กูสั่งไปก็พอกูน่าจะอยู่ที่นี่สักพักถือว่าพักร่างกายและรักษาตัวเอง ไม่จำเป็นคุยเรื่องงานก็ไม่ต้องโทรมา ถ้ากูจะกลับกรุงเทพเดี๋ยวกูบอกเอง"
ไฟกดตัดสายทันทีหลังจากบอกกับลูกน้องคนสนิท ก่อนจะโยนโทรศัพท์เครื่องหรูลงบนที่นอนและเดินไปหยิบถุงยาจากโรงพยาบาลในกรุงเทพขึ้นมาดู
ปั่ก
ถุงยาจากโรงพยาบาลถูกโยนทิ้งถังขยะอย่างไร้เยื่อใย
"ขาฉันใส่เฝือก และกระดูกเคลื่อน ไม่ใช่ฟกช้ำดำเขียว ต้องรักษากว่าจะหายดีอีกนาน" ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมองขาตัวเองที่มีผ้าพันไว้เหมือนกับใส่เฝือก และบนที่นอนมีเฝือกข้อเท้าที่สามารถถอดออกได้วางไว้เพื่อบดบังสายตาไม่ให้เธอรู้ เธอเป็นหมอต้องสังเกตแน่ว่าแค่พันผ้าไม่ได้ใส่เฝือกจริง
หลายชั่วโมงต่อมา
มือหนาวางไอแพดลงหลังจากนั่งเคลียร์งานภายในห้องนั่งเล่น คิ้วหนาขมวดเป็นปมเพราะไร้เงาหญิงสาวทั้งที่เขาสั่งให้ลุงคนสวนบอกว่าต้องการยาแก้ปวด แต่ป่านนี้เขายังไม่เห็นเธอเอามาให้
"ให้ผมเทกับข้าวให้เลยไหมครับ อาหารร้านประจำของคุณไฟ"
ไฟหันไปมองลุงคนสวนที่เดินเข้ามาบอก บ้านหลังนี้มีเพียงลุงคนสวนเท่านั้นที่คอยดูแล ส่วนอาหารการกินเขามีร้านประจำอยู่แถวนี้แค่บอกลุงจะไปสั่งให้และกลับมาใส่จานให้เสร็จสรรพ ลุงคนสวนแกรู้ทุกอย่างเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เหมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนเลยไว้ใจที่จะให้ดูแลบ้านหลังนี้
"ลุงได้บอกผู้หญิงคนนั้นตามที่ผมบอกหรือเปล่าครับ"
"บอกครับ แต่คุณหมอบอกจะมาตอนเย็น เอ่อ..."
คิ้วหนาเลิกขึ้นอีกครั้งเมื่อลุงมีสิ่งที่อยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูด
"บอกมาได้เลยครับ เธอคงไม่ได้บอกแค่นั้นใช่ไหมครับ"
"คุณหมอบอกว่า…ถ้าเขาปวดขาจนทนไม่ไหวคงไม่เอาตัวเองขึ้นไปข้างบนง่ายขนาดนั้นแถมยังสูบบุหรี่ลอยหน้าลอยตา…ลุงไม่ได้แต่งเติมเลยนะครับ คุณหมอพูดแบบนี้ทุกคำ"
"หึ" ไฟหัวเราะในลำคอรู้สึกถูกใจในคำพูดของเธอซะเหลือเกิน และพยักหน้าให้ลุงออกไปทำงานของตัวเอง เดี๋ยวที่เหลือเขาจะจัดการเอง
"ท้าทายดีนิ"
โรงพยาบาลชุมชน
กริ๊ง กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์ภายในโรงพยาบาลดังลั่นส่งเสียงให้บุคลากรของโรงพยาบาลยกหูรับสาย
"โรงพยาบาลชุมชนรับสายค่ะ"
(ต้องการต่อสายหาหมอฟ้าใส)
"วันนี้หมอฟ้าใสไม่เข้าโรงพยาบาลค่ะ"
(ผมเป็นตัวแทนของคุณไฟ อยากจะแจ้งหมอฟ้าใสเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีที่วินิจฉัยผิดพลาด หมายศาลจะออกเร็วๆนี้ รบกวนแจ้งคุณหมอฟ้าใสให้ทราบด้วย)
"ค่ะ แล้วจะแจ้งหมอ...ขอโทษค่ะ หมอฟ้าใสเข้าโรงพยาบาลพอดี กรุณาถือสายรอสักครู่นะคะ"
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลได้ยินเสียงพูดคุยที่ระบุชื่อฉันอย่างชัดเจน ทำให้เท้าเรียวเล็กก้าวไปบริเวณเคาน์เตอร์ของโรงพยาบาลเป็นจังหวะเดียวกันกับเจ้าหน้าที่เรียกฉันให้เข้าไปพูดคุยพอดี
การที่ฉันมาโรงพยาบาลตอนนี้เพราะจะมาเอายาให้เขานั่นแหละ ไม่ได้มีตารางเข้าเวรอะไร ประจวบเหมาะกับมีคนต้องการคุยกับฉันพอดี
"เกี่ยวกับคดีคุณไฟค่ะ ดิฉันว่าหมอควรให้เบอร์ส่วนตัวนะคะ ไม่ควรให้ทางนั้นติดต่อเข้าโรงพยาบาล แค่นี้ทางโรงพยาบาลก็เสียหายมากพอแล้ว"
น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรและเธอกำลังบอกว่าฉันคือตัวปัญหาในโรงพยาบาลนี้ ฉันไม่ได้ตอบโต้เธอกลับและเลือกที่จะเอาหูโทรศัพท์มาพูดคุยเอง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเอ่ยปากพูดคุยกับคนที่โทรเข้ามา
"หมอฟ้าใสพูดนะคะ ถ้าคดีของคุณไฟหมอกำลังอยู่ในขั้นไกล่เกลี่ยค่ะ ถ้ามีอะไรรบกวนติดต่อเบอร์หมอส่วนตัว สะดวกจดเบอร์หมอไหมคะ"
(อืม)
คำตอบกลับมาเพียงสั้นๆทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเล็กน้อย ทำไมปลายสายดูไม่มีมารยาทในการพูดคุยเลย น้ำเสียงคุ้นๆถึงเป็นเพียงคำตอบรับในลำคอ แต่สุดท้ายฉันได้บอกเบอร์ปลายสายก่อนจะวางสาย
ครืด ครืด...
ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมองเบอร์แปลกที่โชว์หราอยู่ตรงหน้า ตัดสินใจกดรับสายคิดว่าน่าจะเป็นเขาคนนั้นที่โทรเข้ามาเมื่อกี้
"สวัสดีค่ะ..."
(โอกาสของฉันไม่ได้มีให้เธอบ่อยๆ อย่าท้าทายอำนาจของฉัน ฉันให้เวลาเธอยี่สิบนาที ต้องเห็นเธออยู่ที่หน้าบ้านฉัน)
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเสียงนั้นได้แทรกเข้ามาพร้อมกับคำขู่ ทันทีที่เขาเอ่ยปากพูดรู้ได้ทันทีว่าคือใคร ทำให้นึกถึงเสียงตอบรับในลำคอก่อนหน้านี้ที่ฉันเอะใจ