ตอนที่ 8 : ยอมให้จับของหวง
พรึบ
รถจักรยานคันเก่าถูกพิงไว้กับต้นไม้และรีบลนลานวิ่งเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ด้วยท่าทีเร่งรีบ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ รู้ว่าไม่ทันตามเวลาที่เขากำหนดแต่ฉันทำเต็มที ที่ต้องตัดสินใจทำตามคำสั่งของเขาเพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย และไม่อยากให้โรงพยาบาลต้องเสียหายเพราะหมอแบบฉัน
ทั้งที่มั่นใจในการตรวจของตัวเอง และคำวินิจฉัยของตัวเอง แต่ใครจะเชื่อล่ะ ทุกคนเชื่อแต่เขา เชื่อภาพเอกซเรย์ แม้แต่ฉันเองยังไขว้เขวตอนที่ดูภาพเอกซเรย์นั้นเลย ฉันอยากให้เขาลงแค่ที่ฉันคนเดียว ไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับโรงพยาบาลอีก เลยจำยอมทำตามความต้องการของเขา หวังว่าเขาจะเลิกวุ่นวายที่โรงพยาบาลสักที
เฮ้อ...
เสียงเหนื่อยหอบดังขึ้นเบาๆพร้อมกับก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง เลยไปถึงสิบนาที ยังไงซะมันไม่มีทางที่จะมาถึงนี่ภายในยี่สิบนาทีได้ ฉันขี่จักรยาน ไม่ใช่ขับรถยนต์
"เธอมาสาย"
เสียงเข้มดังมาจากในบ้านก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มดีที่เขาไม่ใส่ชุดคลุมเหมือนตอนเช้าอีก
"อยากจะด่าฉันยังไงก็เชิญ แต่ขอให้ลงแค่ที่ฉันคนเดียวอย่าไม่พอใจฉันแล้วโทรเข้าโรงพยาบาล ส่วนนี่ยาแก้ปวดของคุณ" ฟ้าใสพูดร่ายยาวและยกถุงยาให้เขาได้เห็นก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะ
"ฉันปั่นจักรยานมาไม่มีทางทันในเวลายี่สิบนาทีอยากให้คุณเข้าใจฉันด้วย" ฟ้าใสพูดต่อและจ้องมองใบหน้าคมคายอย่างไม่เกรงกลัว
"ไม่ใช่เพราะเธออยากลองดีกับฉันหรอกเหรอ ฉันสั่งให้เธอเอายามาให้ตั้งแต่เช้าแล้ว"
"แต่ฉันปั่นจักรยานไปมาไม่ไหว คุณก็รู้ว่าฉันพึ่งออกเวร ยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ"
"นั่นมันตัวเธอ" ไฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจ้องมองใบหน้าหวานที่เผยความเหนื่อยล้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้ตอบโต้เขากลับแต่จ้องมองหน้าเขาอยู่แบบนั้น พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
บทจะเงียบก็เงียบ บทจะพยศก็ค้านหัวชนฝา เธอมีอะไรให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อยเลยนะฟ้าใส
ฟ้าใสพยายามสงบอารมณ์ตัวเองด้วยการหยุดที่จะโต้เถียงผู้ชายคนนี้ เพราะยิ่งฉันเถียงเขายิ่งได้ใจ ดูท่าทางเขาจะชอบใจที่เห็นฉันหัวเสีย
"ฉันเอายามาให้คุณแล้วกลับได้เลยใช่ไหม"
"หึ นี่คือการดูแลของหมองั้นเหรอ" เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่อยากอยู่ใกล้เขา ขนาดยืนยังห่างกันเป็นวา และดูท่าทางเธอเกลียดเขามากกว่าชอบด้วยซ้ำ แต่นั่นยิ่งทำให้เขาสนุกที่ได้แกล้งเธอ ไม่รู้ทำไมถึงอยากเอาชนะและอยากเห็นเธออยู่ภายใต้โอวาท ไม่เคยมีความรู้สึกอยากเอาชนะผู้หญิงคนไหนเลย
หรืออาจเป็นเพราะเธอกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเขา เป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเจอเลยถูกใจ
"แล้วคุณต้องการอะไรคะ สั่งมาได้เลยค่ะ"
"ขับรถเป็นหรือเปล่า"
"ไม่เป็นค่ะ"
"ดี งั้นขับซะ"
พรึบ
"อ่ะ นี่คุณ" อยู่ๆกุญแจรถก็ถูกโยนขึ้นฟ้าและเหวี่ยงมาทางฉัน ทำให้ต้องรับไว้โดยอัตโนมัติ นี่เขาฟังผิดไปหรือเปล่า ฉันบอกว่าขับรถไม่เป็น
"ฉันขับรถไม่ได้ ต้องไปดูงานที่รีสอร์ทที่สร้างใหม่"
"ฉันขับรถไม่เป็น"
"เลือกเอาระหว่างวางกุญแจลงและกลับไปรอหมายศาลที่โรงพยาบาล กับขับรถพาฉันไปไซต์งานก่อสร้างรีสอร์ท"
"ถ้าตายขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบชีวิตนะคะ ฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย"
"เธอคงยังไม่อยากตายตอนนี้หรอก คนที่กลัวความตายอย่างเธอไม่กล้าจะขับรถไปชนใคร"
ฉันรอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาพูดจริงแบบที่จิตใต้สำนึกฉันคิด ฉันยังไม่อยากเรียกร้องหาความตายตอนนี้ ยายฉันจะอยู่กับใครล่ะ พึ่งจบใหม่ยังไม่ทันได้เงินเดือนเลยจะตายแล้วงั้นเหรอ ดวงตากลมโตมองกุญแจรถในมือตัวเอง
"แลมโบ" ฉันพึมพำเบาๆทำเอาไรขนอ่อนลุกซู่ มือที่จับกุญแจรถถึงกับสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องดีที่ฉันจะทดลองขับรถแพงขนาดนี้เป็นครั้งแรก
"ขับรถไม่เป็นแต่รู้จักยี่ห้อรถก็ถือว่าใช้ได้"
"คุณไฟคะ ฉันว่า...ก็ได้ค่ะ" พอเงยมองหน้าเขาที่ดูจริงจังทำให้ฉันเปลี่ยนใจทันที สุดท้ายก็ต้องยอมขับรถแพงขนาดนี้
เอาวะ ตายเป็นตาย ช่วยไม่ได้ฉันบอกเขาแล้วว่าขับไม่เป็น
"ยืนบื้ออยู่ได้ มาพยุงฉันไปที่รถสิ รถจอดอยู่ตรงนั้น"
อะไรกันทั้งวันยังเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่ว แต่พอฉันมาเดินไม่เป็นซะงั้น ก็ได้แต่คิดเท้าเรียวเล็กเดินเข้าไปหาชายหนุ่มและถอนหายใจออกมาเบาๆ เข้าไปยืนแนบชิดกับเขาพร้อมกับจับท่อนแขนแกร่งพาดบ่า ชั่งใจมือตัวเองอยู่ชั่ววินาทีและกลั้นใจใช้มืออีกข้างโอบกอดเอวหนาไว้ เพื่อให้เขาทิ้งน้ำตัวมาที่ฉัน
ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากและค่อยๆกะเผลกเดินไปพร้อมกับเธอ
มือเรียวเล็กเปิดประตูรถคันหรูในฝั่งคนนั่งและค่อยๆย่อตัวลงเพื่อให้เขาเข้าไปนั่งด้านใน การเป็นหมอต้องถูกฝึกมาทุกอย่างรวมถึงประคองคนไข้ ฉันไม่ได้เคอะเขินการกระทำของตัวเอง แต่พอเป็นเขาทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ หวาดหวั่นในความเจ้าเล่ห์ของผู้ชายคนนี้ ดูท่าเขาจะง่อยแดกไปแล้วไม่ช่วยเหลืออะไรตัวเองเลย
"คุณก็ช่วยดันตัวเองไปหน่อยสิคะ ฉันทำไม่ถนัด ทีก่อนหน้านี้คุณยังเดินขึ้นไปสูบบุหรี่ชั้นบนได้เลย พอตอนนี้คุณแข็งทื่ออย่างกับหิน"
"ตอนนั้นฉันยังไม่ปวด เพราะเธอทำให้ฉันรอยาจนอาการมันหนักขึ้น"
ใบหน้าหวานหันมองเจ้าของคำพูดเจ้าเล่ห์ที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวน ฉันค่อยๆส่งตัวเขาเข้าไปในรถ ช่องว่างของประตูช่างแคบซะเหลือเกิน รถแพงแต่การเข้าออกชั่งยากลำบาก ทำให้ใบหน้าของฉันแทบแนบชิดกับจมูกโด่งคม
พรึบ
"อ๊าย" ฟ้าใสร้องออกมาเสียงหลงเมื่อเสียหลักล้มลงไปพร้อมกับชายหนุ่ม ทำให้ตัวของเขานั่งลงบนเบาะพอดีแต่ที่ทำให้สติแตกกระเจิงเพราะตัวของฉันล้มลงเข้าไปหาเขา ทำให้แก้มนวลโดนริมฝีปากหนากระทบพอดิบพอดี ลำตัวของฉันกับเขาแนบชิดกันคล้ายกับฉันนั่งตักเขา
ไฟหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากตัวเองสัมผัสกับแก้มนุ่มนิ่มของเธอโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่ฉีดน้ำหอมจนฉุนจมูก กลิ่นแป้งเด็กผสมกับน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆทำให้ไฟรู้สึกถูกใจ สายตาคมกริบมองใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้ไม่กี่มิลโดยที่ไม่ผลักตัวเธอออกทั้งที่ไม่ชอบให้ผู้หญิงมาเกาะแกะร่างกาย
"ขะ ขอโทษค่ะ คาดเข็มขัดเองนะคะ มือคุณไม่ได้เจ็บ"
"หึ บริการได้ห่วยเสมอต้นเสมอปลาย"
ฟ้าใสดันตัวเองออกจากร่างกายกำยำอาการตอนนี้ราวกับเอาหน้าไปอิงเปลวไฟ ดวงตากลมโตจ้องมองคนที่นั่งอยู่ในรถเกือบนาทีแต่คราวนี้เขาไม่หันมาตอบโต้หรือหยอกเย้าแกล้งเธอ ทำให้เธอรีบปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูพร้อมกับดึงสติตัวเองกลับมา
ฉันเป็นหมอการใกล้ชิดคนไข้เป็นเรื่องปกติ และตอนสมัยเรียนได้ลงสนามจริงตรวจคนไข้ ได้ทำงานกับผู้ป่วยมานักต่อนัก ทำไมฉันไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้ พึ่งจะมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อต้องอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
คงเป็นเพราะฉันไม่ถูกชะตากับเขา ไม่มีความรู้สึกอื่นนอกจากไม่ชอบหน้า
ฟ้าใสเดินอ้อมเข้ามาในรถสปอร์ตคันหรู ทุกอย่างดูตื่นกลัวไปซะหมด จับอุปกรณ์การแพทย์ยังไม่ตื่นเต้นเท่ากับจับพวงมาลัยรถคันนี้ ปุ่มอะไรมันเยอะแยะไปหมด ละลานตาจนทำฉันประหม่า ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน
ไฟปรายตามองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งจนทำตัวไม่ถูก บ่งบอกว่าเธอขับรถไม่เป็นจริงแม้แต่สตาร์ทรถยังทำไม่ถูก แต่ความเก้ๆกังๆของเธอไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิด ท่อนแขนแกร่งเอื้อมไปกดปุ่มสตาร์ทที่อยู่ตรงกลาง
บรื้นนน…
เสียงคำรามของเครื่องยนต์แผดเสียงดังลั่น แต่คนขับได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างหวาดหวั่น มือที่จับพวงมาลัยชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"ซื่อบื้อ" ไฟทำลายความเงียบด้วยการพูดเหน็บแนม และเมื่อได้ยินคำพูดสวนกลับของเธอทำให้ริมฝีปากหนายกยิ้มชอบใจ
"ก็ฉันบอกแล้วไงว่าขับรถไม่เป็น"
"ซ้ายเบรก ขวาคันเร่ง มันเป็นเกียร์ออโต้ ใช้เท้าเดียวเหยียบ ใช้นิ้วขวาแตะก้านหลังพวงมาลัยหนึ่งครั้งหน้าปัดด้านหน้าเธอจะเปลี่ยนเป็นเลข 1 เพื่อเดินหน้า กดตัว R ตรงนี้คือถอยหลัง ถ้าจอดรถแล้วให้กดตัว P ตรงกลางนี้ ไม่ต้องสนใจตัวอื่น สมองเธอคงรับได้แค่นี้ ที่เหลือก็ใช้ความสามารถในการประคองรถ" ไฟไม่สนใจคำเถียงของเธอ
ฟ้าใสตาขวางใสชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วทำไมเขาต้องทำให้มันเป็นเรื่องยากด้วย ในเมื่อใช้เท้าเดียวในการเหยียบเบรคกับคันเร่ง ขาของเขาใส่เฝือกแค่ข้างเดียว อีกอย่างเขายังเดินเหินไปปกติแค่นั่งเฉยๆขับรถทำไมถึงทำไม่ได้