บรื้นนน!…
หลังจากที่รถคันหรูของคุณชายของบ้านขับออกไป ลูกหว้าที่ได้สติก็รีบก้มลงจัดการเก็บลูกมะเขือเทศที่ตกอยู่ขึ้นมา ซึ่งในตอนนั้นเอง
“มัวแต่ยืนทำหน้าโง่อะไรอยู่ตรงนี้ รีบ ๆ เข้าไปหลังบ้านสิ!” เสียงเดือนดาวเดินตรงเข้ามาพูดใส่ร่างเล็กที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีแสดงออกมาถึงความดูไม่ชอบใจต่อลูกหว้าชัดเจน แน่นอนว่าหญิงสาวที่รู้ตัวก็พยักหน้ารับคำ
“ค่ะ” ลูกหว้าเลือกที่จะหลีกเลี่ยงจากเดือนดาวด้วยความไม่อยากที่จะมีปัญหาใด ๆ ด้วย แม้จะไม่รู้ว่าทำไมอีกคนถึงดูไม่ชื่นชอบตัวเอง แต่เธอก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายถอยอยู่เสมอ ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง การหลีกเลี่ยงและต่างคนต่างอยู่กับคนประเภทนี้นั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าเล็กจัดการเอาของมากมายเข้าไปวางเรียงตามหน้าที่ของตัวเอง พื้นฐานที่เป็นคนทำอะไรเรียบร้อยสะอาดสะอ้านอยู่แล้วทำให้ลูกหว้าไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรกับงานที่ได้รับเลยสักนิด จะเหนื่อยก็แค่…กับคนมากกว่า
“เสร็จแล้ว” เรียวปากสีหวานพึมพำกับตัวเองขึ้นหลังจากที่จัดการจัดวางของต่าง ๆ เสร็จพลางทำท่าจะเดินออกไปเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ของคนอื่น ๆ ต่อ ทว่าขณะที่สองเท้าเรียวกำลังเดินอยู่นั้น
“แม่! จะให้มันอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ!” เสียงคุ้นเคยของเดือนดาวที่เหมือนกำลังพูดคุยอยู่กับใครบางคนดังขึ้น แน่นอนว่าลูกหว้าที่แค่ฟังเพียงประโยคเดียวก็พอจะคาดเดาได้ว่าทั้งสองกำลังพูดถึงตัวเธอ
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”
“ไม่เอาสิแม่! หนูไม่ชอบมัน แม่ไล่มันออกไปสิ”
“ฉันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ก็ยายมันขอแล้ว แล้วคุณหญิงก็ให้แล้ว”
“แต่!…”
“แกจะอะไรกับมันนัก มันก็ดูขยันทำงาน มีมันมา เราก็ไม่ต้องเหนื่อย”
“โอ๊ย! มันขยันแล้วไง แม่ไม่เห็นหน้าตามันหรือไง”
“ทำไม”
“หน้าตามันดีขนาดนั้น ให้มันมาอยู่ที่นี่ เกิดคุณชายสนใจมันขึ้นมา จะทำยังไง!” เดือนดาวเอ่ยด้วยความรู้สึกหวงแหนคุณชายของบ้านที่เธอนั้นหมายปองมานานแสนนาน
“โอ๊ย! แกก็ทำอย่างกับคุณชายจะสนใจอะไรใครง่าย ๆ”
“ถึงแบบนั้นก็เถอะ! ฉันไม่ชอบเลยอะแม่ ถ้างั้น…แม่ไม่ต้องให้มันออกไปเสนอหน้าข้างนอกได้ไหม”
“ยังไง”
“ก็ให้มันอยู่แต่ในครัวกับหลังบ้านไป ไม่ต้องให้ไปพบเจอใคร” เดือนดาวมองหน้าบอกกับแม่ของตัวเอง และไม่รอช้าที่จะควงแขนออดอ้อน
“นะแม่นะ ถ้ามันเกิดดวงดีได้คุณชายไป ฉันทำใจไม่ได้แน่ ๆ คุณชายต้องเป็นของฉันสิ” สาวรับใช้ผู้หวังสูงเอ่ย แน่นอนว่านงฤดีที่รักลูกสาวของตัวเองอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าฝันของลูกอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่ก็ไม่คิดขัดต่อความต้องการ
“อืม ก็ได้” เสียงหัวหน้าแม่บ้านสาววัยกลางคนเอ่ย ลูกหว้าที่ยืนได้ยินทุุกอย่างก็นิ่งไม่พูดอะไร เธอเข้าใจเหตุผลที่เดือนดาวไม่ชอบเธอแล้ว และรู้แล้วว่าสิ่งที่จะพบเจอต่อไปคืออะไร สองเท้าเล็กค่อย ๆ เดินหลบกลับเข้าไปยังห้องครัวที่ตัวเองเดินออกมาด้วยความเงียบรอ ใช้เวลาไม่นาน ร่างของนงฤดีก็เดินเข้ามาหาหญิงสาว
“จัดของเสร็จแล้วเหรอ” นงฤดีถาม
“ค่ะ” ซึ่งลูกหว้าก็พยักหน้าตอบกลับด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะจ้องมองยังใบหน้าเรียวรูปไข่เนียนใสไร้ที่ตินั้น
พอได้มองใกล้ ๆ ก็พอเข้าใจความคิดของลูกสาวตัวเอง เพราะลูกหว้านั้นมีใบหน้าที่ดูดีอยู่ไม่น้อย ไหนจะผิวพรรณที่ดูแทบไม่รู้เลยว่าเป็นเด็กที่มาจากต่างจังหวัด รวมถึงรูปร่างตัวเล็กที่ไม่ได้ดูผอมแห้งจนเกินไป
“ฉันได้คุยกับคุณหญิงท่านแล้วเรื่องของเธอ คุณหญิงท่านไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไรที่จะให้เธอเข้าไปคอยรับใช้อยู่ในตัวบ้าน ดังนั้นต่อจากนี้ไป หน้าที่ของเธอคืออยู่ที่นี่ ทำงานอยู่แต่ในห้องครัว แล้วก็คอยดูแลสวนหลังบ้านเท่านั้น ไม่จำเป็น อย่าออกไปข้างนอกให้แขกหรือใครเห็น…เข้าใจไหม” นงฤดีมองหน้าถามร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า ลูกหว้าที่พอรู้อยู่แล้วก็ไม่รอช้า
“ค่ะ” เธอรับคำด้วยท่าทีดูว่าง่าย ทว่า…
“คุณนงคะ”
“มีอะไร”
“ในเวลานอกเหนือจากการทำงานหรือวันหยุด หว้าขออนุญาตออกไปรับงานข้างนอกได้ไหมคะ พอดีหว้าอยากช่วยยายหาเงินค่ะ” ร่างบางเอ่ยบอกด้วยท่าทีดูมีความเกรงขามคนตรงหน้าชัดเจน นงฤดีที่เห็นท่าทีดูเกรงกลัวตัวเองและดูรู้ในฐานะของลูกหว้าก็รู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไปได้ แต่ต้องคอยแจ้งบอกฉันก่อน ว่าฉันจะอนุญาตไหมอีกที”
“ดะ…ได้ค่ะ”
“ถ้าเชื่อฟังฉันอย่างดี ฉันก็อาจจะใจดีกับเธอ เข้าใจนะ”
“ค่ะ หว้าจะเชื่อฟังคุณนงเป็นอย่างดีทุกอย่างเลยค่ะ” สิ้นเสียงหวานเอ่ย นงฤดีก็จ้องมองหญิงวัยสิบเก้าที่ยิ่งเห็นท่าทีดูนอบน้อมเกรงขามเธอแล้วนั้นก็ยิ่งรู้สึกชอบใจในความดูใหญ่โตของตัวเอง ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ
“แม่! แม่! หลานคุณหญิงมา คุณเจ…” เสียงเดือนดาวรีบวิ่งเข้ามาบอกนงฤดีที่ยืนอยู่ แน่นอนว่าหญิงวัยกลางคนที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบสาวเท้าเดินออกไปต้อนรับบริเวณหน้าบ้านพร้อมกับลูกสาวของตัวเองในทันที โดยมีสายตาของลูกหว้าที่จ้องมองตามไปพลางลอบถอนหายใจออกมาอย่างพอจับทางหัวหน้าแม่บ้านผู้ดูบ้าอำนาจได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนโกหกไม่เก่ง แต่ลูกหว้าก็พอที่จะเรียนรู้การเอาตัวรอดได้พอสมควร
“ได้อยู่แต่ในนี้…ก็ดีเหมือนกัน” เรียวปากสีหวานขยับพึมพำเอ่ยกับตัวเองพลางจ้องมองไปยังบริเวณรอบ ๆ ห้องครัวใหญ่อย่างรู้สึกดีที่จะได้ทำงานอยู่แต่ในนี้ เพราะส่วนตัวแล้วนั้น…เธอเองก็ไม่ได้อยากออกไปพบเจอใครอยู่แล้ว
ซึ่งจากวันนั้นลูกหว้าก็จะคอยทำงานช่วยอยู่แต่ภายในห้องครัวอยู่ตลอด รวมถึงคอยดูแลสวนบริเวณด้านหลังบ้านที่จะไม่ได้พบเจอใครตามที่นงฤดีได้กำชับและบอกเอาไว้…
หนึ่งปีต่อมา…
ปัจจุบัน
(มีรูป)
“ท่าโพสดีมากแล้วครับ แต่ขอแบบยิ้มบ้างหน่อยนะครับ…”
“…ครับ ยิ้มแบบเห็นฟันหน่อยนะครับ” เสียงตากล้องหนุ่มเอ่ยบอกร่างเล็กที่กำลังโพสท่าอยู่ขึ้น โดยเจ้าของใบหน้าเรียวใสที่ได้ยินก็ยิ้มค้างตามที่อีกคนบอกด้วยความตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง
(มีรูป)
“ครับ แบบนั้นแหละครับ ดีมากเลย…โอเคครับ ได้แล้ว” สิ้นเสียงตากล้องหนุ่มบอก
“โอเค ได้ภาพแล้ว…” ร่างสวยของเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่มักจะใช้บริการให้ลูกหว้ามาคอยถ่ายแบบเป็นแบบให้เอ่ยพลางเดินตรงไปยังรุ่นน้องสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่
“ทำได้ดีเหมือนเดิมเลยนะ วันนี้รูปดีมากเลยทั้งสามเซต” พู่กัน บอกกับคนตัวเล็กที่เธอบังเอิญไปเจออีกคนกำลังยืนแจกใบปลิวอยู่บริเวณหน้าห้างดัง ด้วยใบหน้าที่แม้จะไม่ได้แต่งเติมอะไรแต่ยังคงดูชวนมอง ไหนจะรูปร่างที่เหมาะกับชุดภายในร้านของเธอ ทำให้พู่กันเชิญชวนลูกหว้ามาเป็นแบบให้อยู่บ่อยครั้ง เธอไม่ได้ติดใจแค่รูปลักษณ์ภายนอกของรุ่นน้อง แต่เธอติดใจความรับผิดชอบต่องาน และความตั้งใจทำงานของลูกหว้าต่างหาก
“เดี๋ยวพี่โอนค่าจ้างให้นะ บัญชีเดิมใช่ไหม”
“ค่ะ” ลูกหว้ายิ้มหวานตอบกลับรุ่นพี่สาวที่มักจะคอยให้งานถ่ายแบบเสื้อผ้าแบบนี้กับเธออยู่เป็นประจำ หนำซ้ำยังคอยบอกต่อการทำงานของเธอไปถึงเพื่อน ๆ ที่รู้จัก
“อาทิตย์หน้ารุ่นพี่พี่มีงานนะ สนใจไหม แต่ว่า…งานมันค่อนข้างหนักกว่าของพี่หน่อย แต่เงินดี”
“แนวไหนเหรอคะ”
“บิกินีเลย มันเพิ่งเอามาขาย กำลังหานางแบบอยู่” พู่กันบอก ซึ่งลูกหว้าที่ได้ยินก็ชะงัก เพราะเธอไม่เคยรับงานขนาดนั้นมาก่อน ส่วนมากก็จะแค่ชุดไปเที่ยว ชุดเดรสรัดรูปเซ็กซี่บ้างเล็กน้อยในแบบที่ถ่ายวันนี้ ถ้าไปถึงขั้นบิกินี…
“ฮ่า ๆ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวให้เขาหาคนเอา พี่มาบอก เผื่อเราสน”
“บิกินี ไม่น่าไหวจริง ๆ ค่ะ” ลูกหว้ายิ้มหวานตอบ พู่กันก็หัวเราะอย่างเข้าใจ
“แต่เสื้อผ้าพี่ล็อตหน้า ออกจะโป๊กว่านี้ขึ้นมาหน่อยนะ อาจจะมีพวกสายเดี่ยวเสื้อกล้ามแนวคร็อป…”
“แบบนั้นหว้าโอเคค่ะ” เรียวปากสีหวานตอบกลับด้วยความไม่มีท่าทีเขินอายแต่อย่างใด เนื่องจากเธอนั้นถ่ายแบบให้กับชุดของร้านพู่กันมาแล้วเกือบทุกแนว จะเป็นสาวหวาน แนวลูกคุณหนู หรือเซ็กซี่ เธอผ่านมาแล้วทั้งหมด แต่แค่ยังไม่ถึงขั้นชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นในก็เท่านั้น
“โอเคดีเลย…ค่าจ้างพี่โอนให้แล้วนะ เช็กดูได้เลย ส่วนชุด…ถ้าชอบก็เอาไปไว้ใส่เล่นได้นะ พี่ให้”
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เอาไป…หว้าก็คงไม่ได้ใส่” ร่างบางยิ้มบอกกับรุ่นพี่สาว ก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นปกติ โดยหลังจากที่จัดการเช็กทุกอย่างเรียบร้อยจนหมดแล้ว ลูกหว้าก็เอ่ยขอบคุณและขอตัวกลับ ทว่าขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องถ่ายสตูดิโอ
“น้อง กลับยังไงครับ ให้พี่ไปส่งไหม” เสียงตากล้องหนุ่มที่เหมือนสนใจร่างเล็กอยู่ไม่น้อยเดินเข้ามาเอ่ยถาม แน่นอนว่าลูกหว้าที่ได้ยินก็ตอบปฏิเสธด้วยท่าทีสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีหว้าต้องแวะซื้อของให้คุณยายด้วย ขอบคุณนะคะ หว้าต้องรีบไปแล้ว รถมาแล้วค่ะ” พูดจบ ร่างบางที่ตัดบทก็ไม่รอช้าที่จะรีบสาวเท้าเดินขึ้นไปบนรถประจำทางที่กำลังมาพอดี และก็เป็นอีกงานหนึ่งที่เธอต้องคอยหลบเลี่ยงตากล้องรุ่นพี่หนุ่มอยู่บ่อยครั้ง
“ฟู่ว…” เจ้าของใบหน้าเรียวใสที่เดินขึ้นรถประจำทางนั่งลอบถอนหายใจออกมาหลังจากปลีกตัวออกมาได้ทันเวลา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมามองดูยอดเงินค่างานของตัวเอง พลางไม่รอช้าที่จะกดส่งต่อเงินจำนวนหนึ่งไปยังบัญชีของหญิงวัยกลางคน…
ข้อความ
ลูกหว้า : - ส่งสลิปเงิน -
ลูกหว้า : นี่ยอดเงินงวดสุดท้ายนะคะ
ลูกหว้า : หว้าคืนให้ป้าแจ๋วครบทั้งหมดแล้ว
แจ๋ว : อืม ขอบใจ
หลังจากที่เห็นข้อความตอบกลับรับรู้จากหญิงวัยกลางคนที่เธอมาด่าทอต่อว่าแม่ของเธอที่งานศพเสร็จ ลูกหว้าก็เอาแต่จ้องมองยอดเงินที่ตัวเองพยายามหามาตลอดหนึ่งปีในการชดใช้แทนให้แม่ด้วยความดีใจ แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายอะไร แต่อย่างน้อย…เธอก็สามารถช่วยยายใช้หนี้ในส่วนนี้แทนได้
“ต่อไปก็เหลือแค่ก้อนใหญ่แล้วสินะ…” เสียงหวานเอ่ยด้วยแววตามีความหมายมั่นที่จะช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินจากยายตัวเองต่อ กระทั่งรถประจำทางถูกขับไปจอดยังบริเวณป้ายรถเมล์ ลูกหว้าก็เดินลงไปจัดการนั่งวินมอเตอร์ไซค์ต่อเพื่อเข้าทางบริเวณหลังบ้านของเศรษฐีทรงอิทธิพล ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังเดินตรงเข้าไปหมายจะพูดคุยอวดกับยายของตัวเองกับการปลดหนี้ไปได้แล้วหนึ่งก้อน
“ป้าพินอยู่ไหน!! ออกมานะ ออกมา!!…” เสียงเอะอะโวยวายบางอย่างดังขึ้นจากบริเวณหน้าบ้านที่ดูมีความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น ทำให้ลูกหว้าที่ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อยายตัวเองใจไม่ดีรีบสาวเท้าเดินออกไปมองดู แล้วก็ต้องพบเข้ากับกลุ่มหญิงวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนโวยวายอยู่ด้านหน้า โดยมีนงฤดีกับเดือนดาวที่กำลังพูดคุยเอ่ยห้าม และยายของเธอที่กำลังเดินไปกับน้ำฝน แน่นอนว่าหญิงกลุ่มนั้นที่เห็น
“ป้าพิน โผล่หัวมาสักทีนะ!!” หญิงคนนั้นเอ่ยพลางทำท่าจะตรงเข้ามาหายายของเธอ ลูกหว้าที่เห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว
“นั่นไงลูกอีมัท หนอย!! นี่มาซุกหัวอยู่ที่นี่กันเองสินะ!!…”