เช้าวันรุ่งขึ้นรัญลฎาลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะที่เป็นมาสองวันแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น อาการเจ็บคอกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เนื้อตัวรุมๆ ปวดเมื่อยตามตัว จนต้องรีบลุกมาหายาทาน แล้วอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงานตามปกติ
แต่เพราะวันนี้ร่างกายที่ไม่ค่อยสบาย ใบหน้าขาวแดงก่ำด้วยฤทธิ์ไข้จนเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทชื่อกุ้งอายุอ่อนกว่าเธอปีเดียว อยู่แผนก ฟร้อนสังเกตเห็นว่าผู้ช่วยผู้จัดการสาววันนี้ดูผิดแปลกไป
“พี่บัวไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“อืม พี่เป็นไข้น่ะ เป็นมาสองวันล่ะ”
“ว่าแล้ว...พี่บัวหน้าแดงมากเลยค่ะ งั้นไปนอนห้องพักก่อนไหมคะ อุ้ย...พี่บัวตัวร้อนจี๋เลย” กุ้งที่เผลอเอามือแตะไปที่ลำแขนของผู้ช่วยคนสวยถึงกับสะดุ้งออกมาเบาๆ มองหน้าผู้ช่วยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไปนอนพักดีกว่าค่ะ เดี๋ยวกุ้งจะสั่งข้าวต้มมาให้จะได้ทานยา” กุ้งรีบเข้าช่วยประคองพาเดินมานอนพักในห้องพักพนักงานที่มีมุมสำหรับให้พนักงานมานอนพักได้ ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร กุ้งจัดแจงช่วยห่มผ้าให้ อีกทั้งยังหาลดไข้มาเตรียมไว้ให้ผู้ช่วยได้ทาน ส่วนตัวเองก็รีบไปยกหูโทรศัพท์กดโทรไปยังห้องครัวเพื่อสั่งอาหารอ่อนๆมาให้
เวลาผ่านไปไม่นาน เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับพนักงานเสิร์ฟของห้องอาหารที่เป็นคนเข็นอาหาร เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆร้อนๆเข้ามาในห้อง
“อุ้ย...” เสียงรุ่นน้องร้องอุทานเบาๆเมื่อได้เห็นร่างสูงของใครบางคนปรากฏตัวยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องมองเข้ามา
“พี่บัวคะ อาหารมาแล้วทานข้าวก่อนนะ จะได้ทานยา”
“อื้อ...ขอบใจนะ” เสียงหวานเอ่ยตอบน้ำเสียงแหบแห้งเจ็บคอจนไม่อยากพูดอะไร จนพนักงานเข็นรถอาหารเข้ามา จัดวางอาหารลงบนโต๊ะได้อย่างน่ารับประทาน
ร่างเล็กค่อยๆพลิกตัวกลับมายันตัวเองลุกจากที่นอนด้วยความยากลำบาก ปวดศีรษะหนักจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากฝืนตัวเองมาทานข้าวทานยา จะได้มีเรี่ยวแรงหายจากอาการเจ็บป่วย
ชั่วจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะลุกจากเตียงเดินไปนั่งที่โต๊ะสำหรับทานอาหาร สายตาของเธอสบประสานกับใครบางคนที่ทำให้เธอต้องนอนร้องไห้ตลอดสองคืน สีหน้าเรียบเฉยของเขาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ มองสบตาเธอนิ่ง
หญิงสาวกัดฟันลุกเดินโดยมีกุ้งช่วยประคองพามานั่ง ในใจส่วนลึกเธออยากทำตัวให้เข้มแข็งมากกว่านี้ แต่ร่างกายไม่ประสานกับหัวใจและสมองเธอเลยสักนิด มันอ่อนแอพ่ายแพ้ให้เขาเห็นอยู่ร่ำไป หลายวันมานี้เธอเพียรพยายามตัดใจ อยากแข็งแรง แต่ก็รู้ดีว่าเธอยังไม่เข้มแข็งมากพอ ยิ่งมาเจอสายตาของเขาที่ทอดมองมาที่เธอเวลานี้ จิตใจก็สั่นไหวรุนแรง
“กุ้งว่าพี่บัวไปหาหมอดีกว่านะคะ พี่บัวตัวร้อนมากเลย”
“จ้ะ เดี๋ยวพี่ทานข้าวทานยาหลับสักตื่น พี่ค่อยไป” เธอหันไปตอบรับกับรุ่นน้อง ก่อนจะหันกลับมองอาหารละลานตาตรงหน้า น้ำส้มคั้นใส่แก้วใหญ่ ข้าวต้มทรงเครื่องทะเล กับไข่ลวกสองฟอง ที่สำคัญมียำเกี่ยมฉ่ายใส่กุ้งแห้งโรยเยอะๆของโปรดที่เธอมักทานกับข้าวต้มเสมอไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มกุ๊ยหรือทรงเครื่อง
เธอเหลือบสายตามองหัวหน้าเชฟกำลังยืนกอดอกมองมาที่เธออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปราศจากรอยยิ้มอย่างที่เขาคิดหรือคาดหวังไว้ คิ้วหนาย่นหากันด้วยความแปลกใจกับท่าทีเฉยเมยของอีกฝ่ายที่ปฏิบัติต่อเขาในวันนี้
“กุ้งไปทำงานก่อนนะคะพี่บัว” กุ้งที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์ตามให้กลับไปทำงาน จึงหันมามองผู้ช่วยผู้จัดการที่กำลังยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ
“จ้ะ ไปเถอะ” ยกยิ้มเล็กน้อยเอ่ยตอบรุ่นน้องที่สนิทด้วยสีหน้าขอบคุณ พลางเหลือบสายตามองไปยังชายร่างสูงที่ยังยืนกอดอกอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับตัวไปไหน ทั้งๆที่ลูกน้องของเขาหลังจากยกเสิร์ฟอาหารจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยก็เข็นรถกลับออกไปแล้ว เมื่อกุ้งเดินออกไปแต่ก็ไม่ได้ปิดประตูห้องพักและเขาก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับเดินเข้ามาในทันที
รัญลฏาจึงไม่คิดสนใจอะไร ก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มร้อนๆ เป่าปากเล็กน้อยเพื่อให้ความร้อนบรรเทาลง แต่ก็ฝืนทานได้ไม่กี่คำก็จำต้องวางช้อนเพราะไม่อยากอาหาร อีกทั้งรู้สึกเจ็บคอทุกครั้งที่กลืนอะไรลงไปหรือแม้กระทั่งน้ำลาย จึงเลือกซดน้ำซุปแทนเพราะรู้สึกคล่องคอกว่า ทานเสร็จจึงทายาแล้วจะล้มตัวนอนพลิกตัวหันหลังให้เขา โดยไม่คิดทักทายหรือเอ่ยคำพูดอะไรออกมา
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่” หญิงสาวหลับตาแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดดังจนเขาได้ยิน
“บัว” เอ่ยเรียกเสียงเข้มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
“พี่ถามทำไมไม่ตอบ” รัญลฎานิ่งไป เมื่อคิดว่าเขายังไม่อ่านข้อความที่เธอพิมพ์ไปเลิกเขาด้วยซ้ำ แค่นหัวเราะออกมา สายตามองเขาด้วยความเจ็บปวด
“แล้วพี่ละคะ...ทำไมทิ้งให้บัวรอ ไม่มาตามนัด ขนาดบัวพิมพ์ไปบอกเลิกพี่ พี่ยังไม่อ่านเลย” เธอพลิกตัวมาเผชิญหน้าเขา แต่กลับต้องผงะตกใจเมื่อถูกเขาที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ประตูห้องที่เปิดกว้างเมื่อครู่ตอนนี้กลับปิดสนิท แล้วยังล้มตัวทาบทับตรึงแขนเธอเอาไว้จนแทบขยับหนีไม่ได้ ใบหน้าโน้มใกล้จนลมหายใจรดกัน
“เป็นอะไร” ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเธอส่งข้อความบอกเลิกเขา เพราะรู้ว่าเธอเพียงแค่พิมพ์ไปอย่างนั้น เพราะอารมณ์น้อยใจของผู้หญิง อีกใจนั้นเขายังลังเลเห็นแก่ตัวอยู่มาก เขารู้ตัวเองดี ใจส่วนลึกแล้วอยากที่จะเก็บเธอเอาไว้ไม่อยากสูญเสียเธอไปในตอนนี้
เขาทั้งสับสน และไม่อยากเลิกกับเธอจึงแกล้งถาม ทั้งๆที่รู้อยู่อยู่เต็มอก เพราะเห็นข้อความนั้นแต่แรกโดยไม่ต้องกดเข้าไปอ่านด้วยซ้ำ จึงทำทีเสมือนไม่อยากรับรู้
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“บอกเลิกงั้นเหรอ...ทำไมถึงต้องบอกเลิก” หล่อนไม่ตอบ แต่เมินหน้าหนีหันไปทางอื่น หยดน้ำตาไหลรินออกจากหางตา เชฟหนุ่มมองแล้วนิ่งไป เอ่ยเสียงอ่อนลง
“พี่มีธุระ...พี่ทำงาน” เขาตอบ น้ำเสียงเรียบนิ่ง ในใจก็นึกกลัวอยู่ไม่น้อย ท่าทีเธอนิ่งเฉย ไม่ยินดีที่จะพบหน้าเขา คล้ายกับเย็นชาจนใจแกร่งสั่นไหว เพราะลึกๆแล้วกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาถ้าเธอจะตัดใจจากเขาจริงๆ
“บัว...พี่ขอโทษ...” คำขอโทษจากเขา ทำให้หัวใจที่กำลังอ่อนแอ สั่นไหว จนต้องเมินหน้าหนี หล่อนกลัว...กลัวใจตัวเอง มันยังอ่อนแอเกินกว่าจะเดินหนีเขาเวลานี้
“บัว”
“ทำไมไม่โทรบอกบัว ปล่อยให้บัวรอ ไม่แม้แต่คิดจะส่งไลน์มาบอก” เสียงเล็กแหบแห้งแหวใส่เสียงนิ่งเย็นชา จนเขาถึงกับนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ย้อนถามกลับมาเช่นนั้น นึกหาเหตุผลและคำตอบมาตอบเธอไม่ได้ หล่อนหันเผชิญหน้าเขา ดวงตากลมโตแวววาวด้วยน้ำใส จ้องเขานิ่ง กัดฟันเอ่ยบอกเขา
“เราเลิกกันเถอะค่ะ บัวเหนื่อยแล้ว”
“พี่ไม่เลิก” เสียงเข้มตอบกลับจริงจัง
หยดน้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจเอ่อคลอ ล้นหน่วยตา ก่อนจะค่อยๆรินไหลออกจากหางตาทั้งสองข้างเอ่ยประโยคตัดพ้อ
“ที่ผ่านมาบัวไม่เคยสำคัญกับพี่เลยใช่ไหมคะพี่พอร์ช” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยตัดพ้อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จนทำให้ใจคนฟังวูบไหว สะท้านอยู่ในอกบอกไม่ถูก ความรู้สึกผิดตีซัดเข้ามากลางใจของเขา
“สองคืนมานี้งอนพี่มากเลยใช่ไหม หนีไปนอนที่ไหน หื้อ” เสียงเข้มพยายามปรับน้ำเสียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น ปลายนิ้วค่อยเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เธออ่อนโยนอย่างที่เขาไม่ค่อยได้ทำกับเธอบ่อยนัก
“บัวจะย้ายกลับไปอยู่คอนโดบัวนะคะ หายดีแล้วจะไปขนของกลับ”
“ย้ายกลับทำไม”
“บัวอยากกลับมาอยู่ห้องบัวบ้าง ไม่อยากอยู่ห้องคนอื่นนานค่ะ”
“คนอื่น?”
“.....”
“หมายความว่าไงคนอื่น” เสียงเข้มถามเสียงเย็นอารมณ์ชักขุ่นเคือง
“บัวอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีความหมายอยู่แล้วนี่คะ...พี่พอร์ช ปล่อยบัวเถอะค่ะ ถอยออกไปเถอะบัวอึดอัด พี่เองก็จะติดไข้จากบัวด้วย” ใบหน้าสวยพยายามหันหน้าหนี แต่กลับถึงเขาจับปลายคางให้แหงนเงยหน้าสบตาเขาอย่างไม่ยินยอม ลมหายใจร้อนพ่นรดหน้าเธออย่างจงใจ
“ดื้อเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“พี่ไม่ชอบคนขี้งอน บัวลืมแล้วเหรอ” คำพูดคล้ายตำหนิทำให้หญิงสาวยิ่งน้อยใจ เม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นไว้ในอก หลับตาแน่นไม่อยากเห็นหน้าเขาแล้วในตอนนี้
“นอนพักซะ เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมพี่ ตกลงไหม” กล่าวจบริมฝีปากหยักหนาก้มลงจูบที่หน้าผากกลมมนของเธอ ก่อนจะไล่จูบมาเรื่อยตามกรอบหน้าสวย ท้ายที่สุดริมฝีปากของเขาก็ทาบทับกับริมฝีปากของเธออย่างเอาแต่ใจ แม้เธอจะขัดขืนแต่เขาไม่คิดสนเพียงจูบหนักๆแช่ไว้ที่ริมฝีปากบางเล็กที่เม้มแน่นแล้วค่อยถอดถอนออกด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองกับความพยศของหญิงสาว