บทนำ คบประสาอะไร
“พี่พอร์ชคะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสดใส รอยยิ้มหวานผุดพรายละมุนละไม เนื้อตัวเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่งจ้องมองชายหนุ่มที่ตนรักแววตาเป็นประกาย
“หื้อ...อือว่าไง” เสียงดังจากในลำคอ ก่อนจะเอ่ยจะถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ดวงตาปิดปรือง่วงงุน เพราะเพิ่งผ่านกิจกรรมร่านสวาทด้วยกันมาเกือบค่อนคืน เรี่ยวแรงของเขาแทบมลายหายสิ้น อ่อนเพลียจนอยากจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ แต่หญิงสาวที่ยังคงสดใส ดวงตากลมโตแวววาวเป็นประกายจ้องมองเขานิ่งนานด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“บัวรักพี่พอร์ชนะคะ”
“อืม”
“รักมากๆๆๆ รักมากที่สุดเลย”
“อือ...รู้แล้ว” น้ำเสียงในลำคอคล้ายรำคาญ ตวัดแขนมาดึงรั้งโอบกอดร่างเล็กให้ล้มตัวลงนอนข้างๆเขา
“พรุ่งนี้เพื่อนบัวเขานัดจะไปลองชุดแต่งงานกัน พี่พอร์ชว่างไหมคะ”
“หื้อ”
“เพื่อนบัวเขาอยากเจอพี่...เราคบกันมาจะสองปีแล้ว พี่ยังไม่เคยเจอเพื่อนบัวเลย แถมบัวยังไม่เคยรู้จักเพื่อนพี่ด้วย...พรุ่งนี้พี่ไม่ได้ไปทำงาน เราไปด้วยกันนะคะ” ตั้งแต่รู้จักกันมาสี่ปีกว่า และได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเกือบสองปี หล่อนยังไม่มีโอกาสได้เปิดตัวหรืออวดให้ใครได้รู้เลยสักนิดว่าคนที่เธอกำลังคบด้วยอยู่ นอนกอดกันทุกคืน จะเป็นเชฟหนุ่มรูปหล่อที่กำลังมาแรง ได้รับความสนใจจากสังคมในขณะนี้ ทั้งรายการโทรทัศน์ ช่องยูทูปออนไลน์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องการสัมภาษณ์หรืออยากให้เขาไปร่วมรายการด้วยทั้งนั้น
โดยเฉพาะรายการอาหารชื่อดัง รายการนั้นยิ่งพยายามติดต่อเขาเช้าเย็นเพื่อขอให้เขาไปเข้าร่วมการแข่งขันในซีซั่นที่กำลังจะถ่ายทำอยู่ในไม่ช้า แต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเฉยไม่สนใจอะไรมากมาย
“งื้อพูดอะไรเยอะแยะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุย...พี่จะนอน” น้ำเสียงงัวเงียคล้ายหงุดหงิดเอ่ยตัดบท ระหว่างคิ้วย่นหากันเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวหนีนอนหันหลังให้คล้ายกับตัดรำคาญ จนรัญลฎาถึงกับยู่ปากใส่เขาด้วยความขัดใจเล็กๆ
คบกันมาก็นาน แต่ไม่เคยได้เจอสังคมเขาเลยสักครั้ง ครั้นพอเธออยากให้มาเจอกับเพื่อนสนิทของเธอบ้างเขาก็มักบ่ายเบี่ยงเป็นเช่นนี้เสมอ จนบางครั้งเพื่อนเธอก็มักบ่นว่าถึงเขาจนเธอเองเสียกำลังใจไปก็หลายหน
“คบประสาอะไรวะ ไม่เคยเปิดตัวเลย...สรุปนี่แกเป็นแฟนเขาจริงๆใช่ไหมเนี่ย ไม่ใช่ทึกทักเอาเองนะบัว” ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หลังจากเธอตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าที่นอนฝั่งด้านของเขาที่อยู่ข้างเขาซึ่งเธอกอดนอนทั้งคืน เช้านี้กลับว่างเปล่า
และดูเหมือนว่าเขาจะออกไปที่ไหนสักแห่ง ที่เธอไม่รู้...เหมือนเช่นทุกครั้ง คำถามที่เธอไม่เคยได้รับคำตอบ ไม่เคยรับรู้ว่าเขาไปไหน ทำอะไร ในหนึ่งวันเขาต้องพบเจอใครบ้าง แตกต่างจากเธอที่มักจะส่งข้อความไปบอกเล่าให้เขารู้เสมอ บอกโดยที่เขาไม่เคยต้องถามหรือสงสัย รายงานทุกอย่างแม้กระทั่งร้านอาหารและเมนูที่ทาน
“แก้ม!!เบาลูกเบา แกจะขยี้ให้มันช็อกตายตรงนี้ไปเลยหรือไง” หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีขาวฟูฟ่องเอ่ยปรามเพื่อนสนิทอีกคน ขณะยืนหมุนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่โดยมีพนักงานของห้องเสื้อแบรนด์ใหม่มาแรงที่กำลังเป็นกระแสคนนิยมอยู่ในขณะนี้ จนเธอต้องร้องขอเพื่อนสนิททั้งสองให้รีบมาเป็นเพื่อนช่วยเลือกชุดในวันสำคัญของเธอที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และเธอก็ไม่อยากให้เจ้าบ่าวของเธอล่วงรู้ว่าชุดเจ้าสาวที่เธออยากใส่หวังสร้างความประทับใจเซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวว่าเป็นชุดแบบไหน
“โอ้ยแม่!! ถ้าไม่ดึงสติมันบ้าง มันก็จะหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้แหละ” ปั้นแก้มหันมาแหวใส่ไอลดาที่ถึงกับยืนขำกับหน้าตาท่าทางจริงจังของอีกฝ่าย
“ชุดนี้สวยไหมบัว” ไอลดาที่อยากเปลี่ยนอารมณ์เปลี่ยนเรื่องให้เพื่อนสาวอีกคนที่เริ่มหน้าเจื่อน สีหน้าคล้ายอยากร้องไห้เพราะคำพูดกระทบใจ ให้หันเหมาสนใจชุดเจ้าสาวสีขาวสวยหรูที่เธอกำลังสวมใส่อยู่แทน
“อืมสวย ชุดนี้ดูเหมาะกับเธอมากกว่าชุดเมื่อกี้อีกนะ” ร่างเล็กเดินรอบตัวเพื่อนอย่างพินิจพิจารณา อดชื่นชมไม่ได้เพื่อนเธอใส่นี้แล้วดูสวย มีออร่าขึ้นมาจริงๆ
“งั้นเอาชุดนี้เลยนะคะ...ว่าแต่ยังเหลือโควตาให้เลือกอีกชุดใช่ไหมคะ” ไอลดาซึ่งเห็นพ้องกับรัญลฎาจึงตัดสินใจเลือกชุดนี้ทันทีโดยไม่คิดลังเล
“ค่ะ คุณเจ้าสาวอยากจะลองใส่อีกสักชุดไหมคะ”
“งั้นให้เพื่อนฉันลองได้ไหมคะ ชุดนั้นที่บัวจับอยู่เมื่อครู่แกอยากลองไหม” รัญลฎามีสีหน้าเหลอหลาตกใจเล็กน้อย หันไปมองชุดเจ้าสาวสีขาวปาดไหล่ทรงบอลกาวน์ สวยงามดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย จนพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆรีบหยิบชุดนั้นเดินมาทันที
“คุณผู้หญิงจะลองสวมชุดนี้ดูไหมคะ ต้องเหมาะกับคุณแน่ๆเลยค่ะ”
“จะดีเหรอลดา”
“ดีๆ แกลองเหอะบัว ฉันว่าชุดนี้แกใส่แล้วสวยนะ” ปั้มแก้มประเมินด้วยสายตาก็รู้ว่าชุดนี้สวยและเหมาะกับเพื่อนสนิทตัวเองขนาดไหน
รัญลฎาที่แอบกล้าๆกลัวๆ เพราะไม่รู้ว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ทนแรงคะยั้นคะยอของทั้งเพื่อนและพนักงานไม่ไหว ยอมเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดโดยมีพนักงานตามติดคอยช่วยดูแลอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที ม่านสีแดงค่อยๆเปิดกว้างขึ้น พร้อมกับหญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวยืนอยู่บนแท่นวงกลมตรงกลาง สีหน้าเหนียมอายแก้มแดงระเรื่อมองสบตาเพื่อนทั้งสองที่ยืนมองอยู่ด้วยสายตาชื่นชมปนตื่นตะลึง เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะสวยและเหมาะกับชุดที่สวมใส่ได้ขนาดนี้
“เป็นไงบ้างลดา แก้ม” น้ำเสียงคล้ายไม่มั่นใจ
“แกสวยมากบัว สวยๆจริงอย่างกับดาราเลย” สองสาวต่างพร้อมกันใจกันปรบมือ พูดอวยอย่างไม่เกินจริง
“สวยจริงๆค่ะคุณลูกค้า ชุดนี้เป็นคอลเลคชั่นใหม่ของทางร้านด้วยนะคะ ถ้าหากคุณลูกค้าสนใจสามารถสั่งจองไว้ก่อนได้เลยนะคะ”
“เอ่อเดี๋ยวๆ เดี๋ยวค่ะพี่พนักงาน อย่าเพิ่งรีบขายเพื่อนดิฉันขนาดนั้น เอาแค่ทุกวันนี้เขารับมันเป็นแฟนหรือเปล่าก่อนดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งไปหวังถึงขั้นจะได้แต่งงานเลย” ปั้นแก้มรีบปราม ท้ายประโยคมิวายแขวะเพื่อนสนิทที่ถึงกับยิ้มเจื่อน ใบหน้าขาวถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“แกนี่นะ จะแรงไปไหนวะแก้ม!”
“เออๆไม่พูดละ...เอางี้เดี๋ยวแกยืนโพสท่าสวยๆนะ ฉันจะถ่ายรูปให้”
“อืม” ร่างเล็กตอบรับเสียงเบา ก่อนจะฉีกยิ้มหวานยืนให้เพื่อนถ่ายรูปให้จนพอใจ
เวลาเกือบห้าโมงเย็นทั้งสามออกมาจากห้องเสื้อชื่อดังก็พากันมานั่งพูดคุยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากห้องเสื้อนั้นมากนัก รัญลฎาที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูรูปที่ถูกถ่ายเมื่อครู่สีหน้ามีความสุข
“แกสวยมากจริงๆนะ ชุดนั้นเหมาะกับแกเลยบัว” ไอลดาที่นั่งอยู่ใกล้ๆชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อนเอ่ยชมไม่ขาดปาก
“แกไม่ลองส่งไปให้พี่เขาดูล่ะ อยากรู้ว่าถ้าเขาเห็นแล้วจะแจ้นมาหาเธอที่นี่แล้วขอเธอแต่งงานเลยหรือเปล่า” ปั้นแก้มพูดอย่างนึกสนุก
“ไม่หรอก พี่เขาไม่ใช่คนที่จะตื่นเต้นอะไรง่ายๆ” รัญลฎาตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พวงแก้มขาวระเรื่อขึ้นสีชมพูจางๆ ก่อนจะลองส่งรูปที่ตนเองใส่ชุดเจ้าสาวส่งไปให้เขาได้ดู หวังลึกๆอยากเห็นปฏิกิริยาหรือคำชมจากเขา
รออยู่หลายนาทีข้อความดังกล่าวถึงได้ถูกเปิดอ่าน แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับนอกจากความนิ่งเฉยของเขาที่ทำเป็นปกติทุกครั้งที่เธอกดส่งอะไรไปให้เขาดู
ร่างเล็กเผลอขบกัดริมฝีปากล่างตัวเองเบาๆ ผิดหวังซ้ำๆกับการคาดหวังลมๆแล้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วเขาไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วทุกครั้งที่เธอส่งอะไรไปหาเขา การอ่านแล้วเงียบเฉยๆไม่แสดงความคิดเห็นหรือพิมพ์อะไรตอบกลับมาถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
“ช่างมันเถอะ เขาอาจจะยุ่งก็ได้” ไอลดาเอ่ยปลอบเพื่อนเห็นสีหน้าของเพื่อนที่ดูซึมลงไปถนัด
“อืม...แต่วันนี้เขาหยุดไม่ใช่เหรอ” คำพูดของปั้นแก้มคล้ายกระทุ้งความรู้สึก ยิ่งตอกย้ำให้รัญลฎารู้สึกแย่ลงไปอีก
สายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาพร้อมกับพายุที่เริ่มโหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องดังลั่นๆผสานกับสายฟ้าฟาดแปลบปลาบชวนให้หวาดเสียว อุณหภูมิในร้านอาหารยิ่งหนาวเย็นขึ้นไปอีก
“แล้วจะกลับยังไงละเนี่ย ฝนตกหนักแบบนี้ฉันไม่ได้เอารถมาด้วย” ปั้นแก้มบ่น สีหน้าเป็นกังวลเมื่อมองท้องฟ้าด้านนอกแล้วยิ่งรู้สึกเหนื่อยหน่าย
“เดี๋ยวฉันให้พี่บีมมารับ แกจะติดรถไปด้วยกันไหม”
“บ้านฉันกับเธอคนละฝั่งเลยนะลดา อย่าเลยฉันเกรงใจ...แล้วแกล่ะบัวกลับยังไง”
“นั่งแท็กซี่กลับแหละ”
“โอ้ยป่านนี้ จะมีรถให้เรียกเหรอ แล้วเส้นเนี่ยรถโดยสารก็ไม่ผ่านด้วย”
“แกโทรบอกให้แฟนแกมารับสิ เวลาแบบนี้ควรทำหน้าที่แฟนนะ” ปั้นแก้มหันมาออกความคิดเห็นที่ทำให้รัญลฏานิ่งไปหลายวินาทีด้วยความลังเล ในส่วนลึกเธอแอบหวั่นกลัวว่าเขาจะไม่ยอม หรือยินดีที่จะมารับเธออย่างแน่นอน
“อืม เดี๋ยวฉันลองโทรดู” สีหน้าหวาดหวั่นคล้ายไม่มั่นใจ ทำให้ไอลดาและปั้นแก้มแอบมองด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไปส่งก็ได้นะบัว”
“อย่าเลย คนละทางกัน ฉันเกรงใจพี่บีม” เธอตอบปัดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนหวานดุจเดิม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์กลับขึ้นมากดโทรหาคนรัก รอสายอยู่นานพอสมควรจนคิดจะเลิกล้มความตั้งใจ และจังหวะนั้นเขากดรับสายเธอเข้าพอดี
“อืม...ว่าไง”
“พี่พอร์ชคะ...ทำอะไรอยู่เหรอคะ”
“มีอะไร”
“ขะ....คือ...ที่นี่ฝนตกหนักมากเลยค่ะ พี่พอร์ชอยู่ที่ไหนเหรอคะตอนนี้”
“แล้วมีอะไร” น้ำเสียงราบเรียบเย็นชาย้อนถามกลับทำให้เธอถึงกับนิ่งไปพูดอะไรไม่ออก จนเขาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงเข้มดุมากขึ้นเธอจึงอ้อมแอ้มบอกเขาเสียงเบา
“พี่พอร์ชมารับบัวได้ไหมคะตอนสามทุ่ม”
“อืม...เดี๋ยวพี่ไป”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะงื้อ...พี่พอร์ชน่ารักที่สุดเลย เดี๋ยวบัวแชร์โลเคชั่นให้นะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างกระตือรือร้น ตื้นเต้นดีใจขึ้นมาทันที
“อืม” เสียงตอบรับสั้นๆดังจากในลำคอผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้รอยยิ้มหวานฉีกกว้างขึ้น แววตาเป็นประกายจนเพื่อนทั้งสองถึงกับอมยิ้มขำกับท่าทีเหล่านั้น พอได้วางสายจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว
“อะไรกันยะ แกทำเหมือนกลัว เหมือนเกรงใจเขาซะงั้น ทั้งๆที่เขาเป็นแฟนแกนะเว้ย”
“นั่นสิ ฉันฟังๆดูแล้ว อารมณ์แกกับพี่เขาเหมือนไม่ใช่คนเป็นแฟนคุยกันเลย แกดูกลัวๆเขายังไงก็ไม่รู้อะบัว” รัญลฎานิ่งไปทันที ก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนตักหลังจากส่งโลเคชั่นให้คนรักเรียบร้อยแล้ว
“ไม่รู้สิ เราแค่เกรงใจพี่เขา” อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา ไม่กล้าสบตาเพื่อน
“แกสวยมากนะบัว น่ารักด้วย อยู่กับเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เล็กลงขนาดนี้ไหม” ไอลดามองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก แต่ในเมื่อเพื่อนเลือกในสิ่งที่คิดว่าดีแล้วเธอก็ไม่อยากจะขวางอะไรนัก นอกจากคอยดูแลและซัพพอร์ตแบบนี้ไปเรื่อยๆอย่างที่ผ่านมา