“ถ้าเขาไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปบังคับเขาหรอกผมไปคนเดียวได้”ภวินทร์บอกเลขาเมื่อเห็นท่าทางของพราวฟ้าที่แสดงออกชัดว่าไม่อยากไปกับเขา
“ฟ้าว่าไง นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้โชว์ฝีมือแล้วนะ”เลขารุ่นพี่กระซิบบอกพราวฟ้า
“ฟ้าจะไปค่ะ ถ้าบอสไม่ว่าอะไร”พราวฟ้าครุ่นคิดและแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตอบทั้งสองคน เพราะเธอไม่อยากทำให้นรินผิดหวังจึงยอมตกลงไปกับเขา คนที่เธอรู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่ชอบตัวเอง
เมื่อพราวฟ้าเดินตามภวินทร์มาถึงลานจอดรถก็ต้องประหลาดใจเพราะมีแค่เธอกับภวินทร์เพียงสองคนจริงๆ เธอคิดว่าผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาต้องมีคนขับรถให้แน่นอน แต่ปรากฎว่าเขาขับรถเอง โดยปกติแล้วถ้าต้องออกไปประชุมข้างนอกกับคนอื่นเขาจะเอารถตู้ไป แต่วันนี้เพราะเป็นเธอคนที่เขาทั้งคิดถึงทั้งไม่ชอบหน้าเขาจึงอยากขับรถไปกับเธอเพียงลำพัง
“เราไปกันแค่สองคนหรอคะ”
“ทำไมจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ ผมไม่ได้ว่าอะไร”
“เอ่อ ไม่เปลี่ยนใจค่ะ”
“งั้นก็ขึ้นรถคงไม่ถึงขั้นต้องเปิดประตูให้เหมือนตอนขึ้นรถไปกับคนอื่นหรอกนะ”
พราวฟ้าที่เริ่มชินชากับคำดูถูกดูแคลนของเขาเดินขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหน้าข้างคนขับโดยไม่พูดอะไร เธอนั่งนิ่งตลอดทางจนรถเลี้ยวเข้าบริษัทลูกค้า
ตลอดการประชุมของวันนั้นพราวฟ้าทำหน้าที่เลขาแทนนรินได้เป็นอย่างดี จนภวินทร์นึกชื่นชมเธออยู่ในใจและแอบอมยิ้มอยู่หลายครั้งเมื่อหันมองเธอครั้งใดก็เห็นเธอตั้งใจทำงานอย่างขมักขเม้น วันนี้ภวินทร์ใช้เวลาประชุมร่วมสามชั่วโมงกว่าจะเสร็จก็ปาไปห้าโมงเย็นแล้ว
“บอสคะถ้าเรียบร้อยแล้วฟ้าขอตัวกลับเลยนะคะ”พราวฟ้าบอกชายหนุ่มหลังออกมาจากห้องประชุมเพราะเธอตั้งใจจะกลับบ้านเอง
“จะกลับเอง”
“ค่ะ”
“รีบไปหาใครวันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ”ภวินทร์ถามเธอเพราะรู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบกลับไปทำงานที่ร้าน
“ค่ะ ฟ้าแค่ไม่อยากรบกวนบอส”
“ทีกับคนอื่นไม่เห็นจะเกรงใจแบบนี้เห็นรีบวิ่งขึ้นรถเขาเลยไม่ใช่หรอ”
“ฟ้าไม่รู้ว่าบอสกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ถ้าฟ้าไปเผลอทำเรื่องที่ไม่ถูกใจบอสฟ้าขอโทษนะคะ แต่ตอนนี้เวลานี้เป็นเวลาที่ฟ้าเลิกงานแล้ว เพราะฉะนั้นฟ้าจะทำอะไรจะไปไหนกับใครก็ได้ ขอตัวนะคะ”พราวฟ้ารีบเดินละจากเขาทันที
“โถ่ โว้ย”ภวินทร์สบถกับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่คุยกันถึงเป็นแบบนี้ และยิ่งไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นทุกวันที่สนใจชีวิตของเธอขนาดนี้ ทั้งๆที่สมองพยายามจะลืมแต่ใจเจ้ากรรมกลับยิ่งจำ
เมื่อเดินออกมาจากบริษัทพราวฟ้าก็เดินมารอรถประจำทางที่ป้าย ภวินทร์เมื่อปล่อยให้พราวฟ้ากลับบ้านแล้วก็แวะไปคุยงานต่อสักพักก่อนจะขับรถกลับ เมื่อขับมาถึงป้ายรถประจำทางยังเห็นพราวฟ้านั่งรอรถอยู่ทั้งที่ผ่านเวลามาครึ่งชั่วโมงแล้ว ภวินทร์จึงตัดสินใจขับรถไปจอดตรงหน้าเธอและลดกระจกลงเรียกเธอให้ขึ้นรถ แต่พราวฟ้าไม่ยอมลุกไปหาเขาทำให้คุณป้าที่นั่งรอรถอยู่ข้างๆบอกเธอให้ขึ้นรถไปกับเขาได้แล้วเพราะแฟนมาง้อแล้ว
“แม่หนูแฟนมาง้อแล้วกลับบ้านไปกับเขาได้แล้ว เป็นผู้หญิงอย่างอลนานมันไม่ดี”
“หนูไม่ใช่…”
“เอาน่าจะโกรธอะไรค่อยไปคุยกันที่บ้านตอนนี้กลับบ้านไปก่อนค่อยคุยกันดีๆ”หญิงสูงวัยเดินมาจูงมือเธอให้ขึ้นรถไปกับเขา พราวฟ้าจำต้องเดินขึ้นรถอย่างขัดไม่ได้ ทำให้ภวินทร์ที่นั่งมองอยู่หลุดยิ้มออกมาที่คุณป้าบอกว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกัน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”พราวฟ้ากล่าวขอบคุณเขาหลังจากรถของภวินทร์เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเธอ ส่วนภวินทร์ก็นั่งนิ่งปากหนักไม่ยอมพูดกับเธอ ในขณะที่เขากำลังจะขับรถออกไปอยู่ๆก็ปวดท้องกระทันหันจนต้องเอามือกุมท้อง พราวฟ้าที่เห็นท่าทางของภวินทร์รีบถามเขาด้วยความเป็นห่วงทันที
“บอสปวดท้องหรอคะ เป็นอะไรมากมั้ยคะเข้าไปนั่งพักทานยาในบ้านก่อนมั้ยคะ”ด้วยความเป็นห่วงเขาจนลืมตัวเธอจึงเผลอชวนเขาเข้าไปพักในบ้านตน
“แค่กรดไหลย้อนไม่เป็นไรผมชินแล้ว”
“ไม่ได้ค่ะขับรถกลับทั้งที่ไม่สบายแบบนี้มันอันตรายเข้ามาพักในบ้านก่อนค่ะ หายแล้วค่อยกลับ”พราวฟ้าเดินไปเปิดประตูรถและพาเขาเดินเข้าบ้าน
“บอสนั่งพักตรงนี้ก่อนนะคะ เก่าไปหน่อยแต่อดทนอยู่ให้ดีขึ้นก่อนค่อยกลับ”พราวฟ้าบอกเขาให้นั่งพักที่โซฟาตัวเก่าแต่ดูสะอาดตาก่อนจะเดินหายไปสักพักและกลับมาพร้อมยาลดกรด
“ทานยาก่อนนะคะเดี๋ยวฟ้าไปทำอะไรง่ายๆให้บอสทานรองท้องสักหน่อย”
ภวินทร์ไม่พูดแต่รับยามาทานและนั่งพักรอเธอทำอาหาร เขามองไปรอบๆบ้านไม้หลังเล็กที่ถึงภายนอกจะเก่าแต่ภายในบ้านกลับสะอาดสะอ้าน ข้าวของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะมาสดุดตากับรูปครอบครัวของเธอที่มีพ่อแม่และพราวฟ้าสมัยมัธยม ภวินทร์ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจว่าทำไมถึงไม่มีรูปถ่ายที่เป็นปัจจุบัน
“บอสทานข้าวต้มหมูร้อนๆซักหน่อยนะคะ ถึงจะไม่ใช่อาหารราคาแพงแต่ก็พอทำให้หายปวดท้องได้”
“แล้วไม่ทานด้วยกันหรอ”เขาถามเธอเมื่อเห็นเธอยกข้าวต้มออกมาถ้วยเดียว
“บอสทานเลยค่ะ ฟ้ายังมีงานต้องทำต่อ”เธอบอกเขาก่อนนะเดินไปนั่งทำงานรอเขาทานข้าว
เมื่อภวินทร์ตักข้าวต้มเข้าปากคำแรกก็ต้องแปลกใจที่รสชาติดีมาก เขาคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เขาแปลกใจได้ตลอดเวลาจริงๆ เขานั่งทานข้าวเงียบๆพร้อมกับมองพราวฟ้าทำงานไปด้วยอย่างเพลิดเพลินแป๊บเดียวก็ทานข้าวต้มจนเกลี้ยงชาม
“ขอเข้าห้องน้ำได้มั้ย”
“เชิญค่ะ อยู่ด้านนั้นนะคะ”
เมื่อภวินทร์เข้าห้องน้ำเสร็จไม่เห็นพราวฟ้าอยู่ในห้องจึงเดินมาหยุดดูงานที่เธอวางเอาไว้ว่าเธอกำลังทำอะไรก็เห็นว่าเธอกำลังแปลหนังสืออยู่ ความสงสัยแล่นเข้ามาในหัวเขาอีกครั้งว่าเธอจะทำงานเยอะแยะไปทำไมกัน
“บอสหายดีแล้วหรอคะ”พราวฟ้าที่พึ่งออกจากห้องครัวถามเขา
“อืม”
“งั้นกลับเลยมั้ยคะเดี๋ยวฟ้าไปส่ง”
“ไล่?”
“เปล่าค่ะ แค่เห็นว่ามันดึกแล้ว”
ภวินทร์จึงจำใจต้องเดินออกมาเมื่อมองดูนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาเกือบสามทุ่มแล้วทั้งที่ใจยังอยากนั่งมองเธออยู่ตรงนั้นอีกหน่อย
“ขอบใจสำหรับอาหารและยา”
“ไม่เป็นไรค่ะเป็นสิ่งที่ฟ้าต้องทำอยู่แล้ว”
“แล้วอยู่คนเดียวหรอ”อยู่ดีๆเขาก็ถามเธอขึ้นมาเพราะค่ำแล้วยังไม่เห็นใครซักคนนอกจากเธอ
“ค่ะ ฟ้าส่งแค่นี้นะคะต้องรีบไปทำงานต่อ”
ภวินทร์จอดรถรอจนเธอเดินเข้าบ้านไปจึงขับรถออกมา อยู่ๆเขาก็นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเธออยู่ที่บ้านหลังเก่านี้คนเดียว
“ไอ้คิณกูมีเรื่ิองจะถามมึงหน่อย”ภวินทร์ตัดสินใจโทรถามเพื่อนรักเพื่อให้คลายสงสัย
“เออเรื่องอะไรว่ามาสิ”
“เพื่อนของพอใจคนนั้น”
“คนไหนอ้อน้องฟ้าน่ะหรอมีอะไร”
“อืม เค้าอยู่คนเดียวหรอ”
“เออสิวะนี่มึงไม่รู้หรอวะว่าพ่อแม่น้องเค้าเสียไปตั้งนานแล้ว ถึงได้ทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่นี่ไง”
ภวินทร์อึ้งกับคำตอบที่ได้รับพลางนึกย้อนไปถึงรูปภาพที่เขาเห็นเมื่อเย็นที่ถ่ายพร้อมกันสามคนพ่อแม่ลูกตอนที่เธออยู่มัธยมนั่นน่าจะเป็นรูปครอบครัวรูปสุดท้ายของเธอ
“ไอ้วินทำไมเงียบ นี่มึงฟังกูอยู่รึเปล่าวะ”
“ฟังอยู่”
“มึงอย่าใจร้ายกับน้องเค้ามากนะโว้ย ถึงจะไม่รักไม่ชอบก็อย่าทำร้ายเธอ เท่านี้ชีวิตน้องเค้าก็เหนื่อยมากพอแล้ว มีอะไรอีกมั้ยถ้าไม่มีกูวางแล้วนะ”
“อืม”