หลังจากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับบิดาและมารดา ท่านทั้งสองก็ขอตัวไปพักผ่อน ส่วนเขาก็ขึ้นมาพักผ่อนที่ห้องนอนตัวเองเช่นกัน โดยบิดานัดหมายว่าเจอกันตอนมื้อค่ำ แล้วจะแจงรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบ เขาคงต้องยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วละ ชีวิตเขานี่มันอะเมซิ่งจริงๆ เรียนอีกอย่างแต่กลับต้องมาทำงานอีกอย่าง ใครก็ได้ช่วยบอกเขาที ว่าเขาแค่ฝันไป แพทย์หนุ่มหลุดออกจากความคิดของตัวเองก็ตอนที่โทรศัพท์มือถือส่งเสียงกรีดร้องจนต้องกดรับสาย
“มีอะไร” สหทรรศกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหงุดหงิด เมื่อรู้ว่าปลายสายคือเพื่อนสนิท ในเมื่อไม่สามารถระบายความหงุดหงิดที่บิดาได้ ก็ระบายอารมณ์ลงที่เพื่อนก่อนก็แล้วกัน
“นี่! หมอเท็น ประจำเดือนนายไม่มารึไง ถึงได้อารมณ์เสียใส่ฉันแบบนี้”
ปลายสายคือนายแพทย์วีรภัทร สิตานนทร์หรือหมอภัทร เป็นศัลยแพทย์ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นชีวิตการทำงานในโรงพยาบาลของรัฐตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังมีเรื่องหงุดหงิดใจอย่างแน่นอน แต่เหตุใดแจ็กพ็อตกลับมาลงที่ตัวเองได้
“เออ...แล้วโทร.มานี่มีอะไร” สหทรรศแกล้งยอมรับโดยไม่แก้ตัว เพราะขี้เกียจเล่าความยาวสาวความยืด ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจอย่างที่คิดน่ะดีแล้ว แล้วแต่จะคิดเถอะ
‘แต่มันจะบ้ารึไงวะ คิดได้ไงว่าประจำเดือนเราไม่มา เคยมีที่ไหนกันเล่า ปัดโธ่’
“แหม...ฉันแค่จะโทร.มาชวนไปสังสรรค์สักเล็กน้อยถึงปานกลาง ว่าแต่ว่านายสนใจรึเปล่า” วีรภัทรตอบกลับอย่างยียวนไม่แพ้กัน
“ที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วมีใครไปบ้าง”
“คริสตัล ไนต์คลับ สามทุ่มตรงคืนนี้ มีฉัน หมอวิน และนายนั่นแหละ” หมอวินที่วีรภัทรพูดถึงคือนายแพทย์วินธัย อรุณรุ่งเรืองกุลเป็นศัลยแพทย์ออร์โทพีดิกส์3 วินธัยเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลของรัฐเช่นเดียวกับวีรภัทรแต่คนละแห่ง
“เนื่องในโอกาสอะไร” สหทรรศถามกลับ ด้วยเห็นว่านานๆ ทีเพื่อนๆ ของเขาถึงคิดอยากจะสังสรรค์กันสักครั้งอาจจะมีโอกาสพิเศษอะไรที่เขาไม่รู้หรือเปล่า
“เนื่องในวันเกิด” วีรภัทรตอบกลับเสียงร่าเริง
“วันเกิดพวกนายงั้นเหรอ” ถ้าจำไม่ผิด วีรภัทรหรือวินธัยไม่ได้เกิดวันนี้นี่ เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะจำผิด
“วันเกิดอยากจะดื่ม” เป็นคำตอบที่กวนประสาทมากในความคิดของสหทรรศ อยากจะดื่มก็แค่บอกมาว่าอยากจะดื่ม ดันบอกว่าวันเกิด...อยากจะดื่ม ถ้าเจอหน้าวีรภัทรคืนนี้เขาจะเขกกระโหลกมันสักป้าบ เรื่องลีลานี่ไม่มีใครเกินเลยจริงๆ
“เออ...เจอกันที่ไนต์คลับเลย สามทุ่มตรง” สหทรรศรับคำเพราะเขาก็อยากเจอพวกนั้นเหมือนกัน แต่ก็คงต้องหลังจากที่เขาคุยกับบิดาและมารดาเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ
โต๊ะอาหาร คฤหาสน์ไพศาลวรกุล
ตอนนี้บิดาและมารดาของสหทรรศประจำที่นั่งสำหรับรับประทานอาหารค่ำแล้ว ร่างสูงมาถึงโต๊ะอาหารเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี
“เดี๋ยวเรากินข้าวกันก่อนนะลูก แล้วค่อยคุยรายละเอียดเรื่องที่ลูกต้องทำ” ทรรศนะว่า
“คุณพ่อครับ ผมรบกวนกินไปคุยไปได้ไหมครับ พอดีผมนัดกับหมอภัทรและหมอวินไว้” สหทรรศเอ่ยขึ้นก่อนที่แม่บ้านจะตักข้าวใส่จาน
“เอางั้นเหรอลูก” บิดาทำท่าครุ่นคิดสักพักจึงหันไปถามภรรยา “ว่าไงคุณ”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ลูกจะได้ไปพบเพื่อนก่อนที่จะไม่มีเวลาไปอีก เพราะต้องไปทำงานให้คุณไงคะ” สหทรรศสะดุ้งเล็กน้อยกับคำพูดของมารดา นี่งานที่บิดาจะให้เขาไปทำ จะทำให้เขาไม่มีเวลาขนาดนั้นเชียวหรือ
“ตกลง เอางั้นก็ได้” ทรรศนะว่า
“นวล ตักข้าวได้เลยจ้ะ” คุณผู้หญิงของบ้านหันไปบอกแม่บ้านที่เตรียมโถข้าวพร้อมไว้ในมือ แม่บ้านเริ่มตักข้าวให้คุณผู้ชายของบ้านก่อน ต่อมาจึงตักให้คุณผู้หญิงและสุดท้ายจึงตักให้คุณหนูของบ้าน ไม่ว่าชายหนุ่มจะโตมากขึ้นแค่ไหน ในสายตาของนาง เขาก็ยังเหมือนคุณหนูตัวเล็กๆ ที่เธอเห็นมาตั้งแต่เขายังเด็กอยู่ดี
“ขอบคุณครับป้านวล” สหทรรศเอ่ยขอบคุณผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม
“ค่ะ คุณหนู” ป้านวลตอบกลับพร้อมส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
ขณะที่รับประทานอาหารมื้อค่ำทรรศนะก็กล่าวเรื่องที่ลูกชายต้องเข้าไปปฏิบัติภารกิจในโรงพยาบาลตามที่เขามอบหมายให้
“พ่อให้เวลาลูกเตรียมตัวสองวัน แล้วลูกต้องไปทำงานในตำแหน่งพนักงานเปลในโรงพยาบาลของเรา เพื่อสืบว่าอะไรหรือว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้โรงพยาบาลขาดทุนมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน” “แล้วทำไมคุณพ่อต้องให้ผมเข้าไปทำงานในตำแหน่งพนักงานเปลด้วยล่ะครับ”
“ลูกไม่รู้อะไร ตำแหน่งนี้ลูกสามารถไปได้ทุกแผนกโดยไม่มีใครจับตามอง ถ้าลูกเข้าไปในฐานะแพทย์แถมยังเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลอีก ลูกต้องถูกจับตามองและทำอะไรได้ไม่สะดวกอย่างแน่นอน”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” แพทย์หนุ่มพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับความคิดของบิดา
“ลูกมีเวลาสามเดือนในการสืบหาข้อมูลในตำแหน่งพนักงานเปล”
“แล้วถ้าในสามเดือนผม...ยังไม่ได้ข้อมูลที่คุณพ่อต้องการล่ะครับ”
“ไม่เป็นไร ถ้างานนี้ลูกทำไม่สำเร็จ ลูกจะถูกจับให้แต่งงานกับคนที่พ่อเลือกไว้ให้ทันที” เมื่อได้ยินบิดาพูดออกมาแบบนั้น แพทย์หนุ่มที่กำลังดื่มน้ำอยู่เกิดอาการสำลักน้ำขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“คุณพ่อ!” สหทรรศเรียกบิดาเสียงหลง ส่วนคนสูงวัยกว่ากำลังยกยิ้มมุมปากนิดๆ อย่างพึงพอใจ “นี่คุณพ่อล้อผมเล่นอีกแล้วใช่ไหมครับ” สหทรรศถามบิดาอย่างมีความหวัง แม้ว่าจะดูริบหรี่มากก็ตาม
“อยากรู้ว่าพ่อล้อเล่นหรือไม่ ลูกก็ลองทำงานไม่สำเร็จดูสิ แล้วลูกก็จะรู้เอง” เมื่อเริ่มคุยกับบิดาไม่รู้เรื่อง แพทย์หนุ่มจึงหันไปมารดาแทน
“คุณแม่ครับ” มารดาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แต่เขายังไม่ทันพูดอะไรมารดาก็ชิงพูดออกมาก่อน
“เรื่องนี้แม่แล้วแต่พ่อจ้ะ”
เป็นอันว่าการพูดคุยในมื้อค่ำจบลงเพียงเท่านั้น โดยที่สหทรรศไม่สามารถโต้แย้งใดๆ ได้อีก
เมื่อมื้อค่ำผ่านพ้นไป สหทรรศจึงขอตัวออกไปพบเพื่อนตามที่นัดหมายกันเอาไว้ หลังจากที่แพทย์หนุ่มเดินพ้นประตูบ้าน บิดาและมารดาของเขาจึงพากันมาที่ห้องนั่งเล่น
“นี่คุณทำแบบนี้จะดีแล้วหรือคะ” รตีเอ่ยกับสามี ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลที่ฉายอยู่บนนั้นด้วย
“ผมว่านี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วล่ะคุณ”
“แล้วเรื่องที่ว่าถ้าลูกทำไม่สำเร็จแล้วคุณจะบังคับให้ลูกแต่งงานล่ะคะ”
“ถ้าเจ้าเท็นยอมทำตามที่ผมบอกก็ดีน่ะสิ คุณคิดหรือว่าลูกชายคุณจะยอมทำตามที่ผมบังคับง่ายๆ เขาดื้อเงียบจะตาย คุณก็รู้นี่”
“แต่ว่าลูกก็ยอมทำตามที่คุณขอให้ไปทำงานเป็นพนักงานเปลนะคะ”
“นั่นก็เพราะผมบอกว่าถ้าลูกไม่ทำ ผมคงต้องลงมือเอง ลูกถึงได้ยอม คงเพราะไม่อยากให้คนแก่อย่างผมต้องไปลำบากแบบนั้น”
“แต่ว่า...” รตีทำท่าจะคัดค้านขึ้นมาอีก ทรรศนะจึงปรามภรรยาเบาๆ
“เอาเถอะ ไว้ถึงวันนั้นเราค่อยว่ากันอีกที คุณอย่าเพิ่งวิตกกังวลไปเลยนะ” พูดจบทรรศนะก็ดึงภรรยาเข้ามากอด พร้อมกับลูบศีรษะอย่างแผ่วเบาเหมือนกับสมัยที่ทั้งคู่เพิ่งจะคบหากัน
“ก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”
สหทรรศขับรถยนต์มุ่งหน้ามายังคริสตัล ไนต์คลับตามที่นัดหมายกับเพื่อนไว้ เมื่อมาถึงร่างสูงจึงขับรถไปจอดยังที่ประจำที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาและเพื่อนๆ มาที่นี่กันบ่อย อย่างว่าแหละ ช่วงเรียนก็เครียด ช่วงทำงานในฐานะแพทย์ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ก็ต้องมีผ่อนคลายกันบ้าง พวกเขาก็แค่คนธรรมดา ไม่ได้เป็นพวกธรรมะธัมโมถึงขนาดที่จะไม่เคยย่างกรายมาสถานที่แบบนี้ เขาคิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาของคนทั่วๆ ไป ที่เวลาเครียดก็ต้องหาทางระบายออกบ้าง แต่ถ้าอยู่ในช่วงระหว่างการปฏิบัติงาน พวกเขาก็ทำมันได้ดีเยี่ยมอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องในฐานะแพทย์ จึงมองว่าการออกมาผ่อนคลายแบบนี้บ้างก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในคริสตัล ไนต์คลับ ใบหน้าคมคายก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง บอกเวลาสามทุ่มสิบห้านาที และตอนนี้ก็เลตไปสิบห้านาที ไม่แคล้ววีรภัทรคงได้บ่นเขาแน่ ก็หมอนี่มันเคร่งเรื่องตรงต่อเวลาจะตายไป นี่ถ้าไม่ติดคุยธุระกับบิดาเขาคงมาเร็วกว่านี้
สหทรรศกวาดสายตามองหาเพื่อนสนิท ในที่สุดเขาก็เจอทั้งคู่ เมื่อวีรภัทรและวินธัยโบกไม้โบกมือรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ทางนี้ครับทางนี้” วินธัยที่จะดูพูดจาสุภาพที่สุดในกลุ่มตะโกนเรียก สหทรรศจึงเดินตรงไปหาทันที
แพทย์หนุ่มหย่อนสะโพกสอบลงบนโซฟาที่บุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดนก เขาเดาว่าวีรภัทรน่าจะเป็นคนเลือกที่นั่งเพราะมุมนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก ซึ่งเขาเองก็ชอบแบบนั้นเช่นกัน
“หมอเท็น นายเลตสิบห้านาที เพราะฉะนั้นมื้อนี้นายจ่าย” วีรภัทรว่าพลางยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงอย่างกวนอารมณ์
“เออ...มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” สหทรรศยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่แทนที่วีรภัทรจะถามสารทุกข์สุขดิบ พอเจอหน้าปุ๊บ บอกให้เขาเป็นคนจ่ายปั๊บ ไอ้เพื่อนบ้านี่มันหน้าเลือดจริงๆ
“มันต้องอย่างนั้น” วีรภัทรดีดนิ้วเปาะเมื่อสหทรรศยอมรับเงื่อนไข ซ้ำยังยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจ
“ไง หมอวิน นายเป็นยังไงบ้าง” สหทรรศหันไปทักทายเพื่อนอีกคน วินธัยขยับแว่นสายตาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“ก็เรื่อยๆ ครับ งานก็ยุ่งเหมือนเดิม อย่างที่คุณรู้นั่นแหละ คนไข้โรงพยาบาลของรัฐน่ะ มีคนมาใช้บริการเยอะจะตาย แต่สำหรับผมก็โอเคนะ เพราะว่าหนักกว่านี้ผมก็เคยเจอมาแล้ว”
“ฉันว่าเราอย่าเพิ่งคุยเรื่องซีเรียสกันเลยนะ สังสรรค์กันดีกว่า เดี๋ยวฉันสั่งเครื่องดื่มกับอาหารเลยก็แล้วกัน” วีรภัทรรีบเอ่ยออกมาก่อนที่จะพากันเข้าสู่เรื่องตึงเครียดเสียก่อน
วันนี้วีรภัทรเลือกสั่งเบอร์เบิ้นวิสกี้พร้อมอาหารที่เป็นกับแกล้มอีกสามสี่อย่าง เมื่ออาหารและเครื่องดื่มพร้อมบนโต๊ะกระจกทรงกลมที่ตั้งอยู่หน้าโซฟา สามหนุ่มจึงไม่รอช้าจัดการรินเครื่องดื่มใส่แก้วทรงสูงแล้วยกขึ้นจิบอย่างเพลิดเพลิน
“นี่ หมอเท็น นายจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่” หลังจากที่วีรภัทรทราบว่าสหทรรศยังไม่เริ่มทำงานอย่างจริงจังสักที ทั้งๆที่เรียนจบแพทย์เฉพาะทางแต่ต่างสาขามาพร้อมกัน จึงถามเพื่อให้หายข้องใจ
“อีกสองวัน” สหทรรศตอบเสียงเนือยๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องที่บิดาให้ทำด้วยแล้วละก็ ยิ่งรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว
“ทำไมต้องอีกสองวันล่ะครับ” เป็นวินธัยที่ถามบ้าง
“นั่นน่ะสิ” วีรภัทรเสริม
“พอดีที่โรงพยาบาลของพ่อฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“แล้วมีอะไรให้พวกผมช่วยหรือเปล่าครับ” วินธัยเสนอตัวช่วยเหลือ ส่วนวีรภัทรก็ร่วมวงโดยการพยักหน้าหงึกๆ ว่าพร้อมจะช่วยถ้าเพื่อนต้องการ
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอก ถ้ามี เดี๋ยวฉันบอกอีกทีละกัน”
“โอเค แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยกรุณาบอกผมด่วนๆ เลยนะครับ” วินธัยย้ำอีกครั้ง
“อืม” สหทรรศรับคำ แต่ใจจริงก็ไม่อยากจะรบกวนเพื่อนนักหรอก เอาไว้ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้จริงๆ ค่อยว่ากันอีกที
เมื่อดื่มไปคุยกันไปสักพัก สหทรรศรู้สึกว่าตัวเองเริ่มตึงๆ และมีอาการมึนศีรษะนิดๆ เนื่องจากไม่ได้แตะเครื่องดื่มมึนเมามาหลายเดือน จึงทำให้อาการเหล่านั้นเล่นงานเขาได้อย่างไม่ยากเย็น
“เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เอ่ยจบก็ลุกขึ้นแล้วสาวเท้ายาวๆ ตรงไปห้องน้ำทันที
สหทรรศเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แพทย์หนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่อาการมึนศีรษะที่กำลังจู่โจมอาการเหล่านั้นดูเบาบางลง ทว่ายังไม่หมดไปเสียทีเดียว แต่ก็ทำให้รู้สึกดีกว่าตอนแรกอยู่มากโข
เมื่อรู้สึกดีขึ้นร่างสูงจึงก้าวออกจากห้องน้ำ เท้าหนาชะงักเมื่อพบเห็นเหตุการณ์บางอย่างเข้า สายตาคู่คมเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังถูกลวนลาม ชายคนนั้นยึดข้อมือของเธอไว้พร้อมกับออกแรงฉุดกระชากให้หญิงสาวเจ้าของร่างแบบบางเดินตามไป สีหน้าของเธอเหยเกคล้ายกับจะร้องไห้ออกมา สหทรรศชั่งใจ เขาควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยดีหรือเปล่า แต่ถ้าทั้งคู่เป็นคู่รักที่แค่ทะเลาะกันล่ะ ไม่เอาดีกว่า เขาไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน ร่างสูงจึงตัดสินใจเดินผ่านทั้งคู่ไป แต่ทว่าเดินผ่านจากจุดนั้นไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เท้าของเขาต้องชะงักลงอีกครั้ง
“ช่วยด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้พยายามจะลวนลามฉัน”
_____________________________________________
3ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ (อังกฤษ: Orthopaedic Surgeons, Orthopaedists) เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง โดยทำการวินิจฉัยและดูแลรักษาด้วยการให้ยาหรือการผ่าตัดในความผิดปกติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกาย ในภาษาไทยมีชื่อเรียกศัลยแพทย์ออร์โทพีดิกส์หลากหลายชื่อ เช่น"ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ" "แพทย์กระดูกและข้อ" "หมอกระดูก" หรือในวงการแพทย์ในประเทศไทยเรียกสั้นๆ ว่า "หมอออร์โธฯ"