4

1800 คำ
“ดอกไม้อะไรกัน มาทุกวันเลย” คุณนายรุ้งบ่นพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอซึ่งเพิ่งเหยียบพื้นหลังจากเดินลอยล่องลงมาจากชั้นสอง สีหน้าเอกนรียังติดง่วงงุน แม้จะนอนเกินสิบชั่วโมงแล้วก็ตามที พอเธอลืมตาไปทางคุณนายรุ้ง ก็เห็นว่าในอ้อมกอดของแม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ กุหลาบแดงที่ดูก็รู้ว่าช่อนี้ราคาคงจะห้าหลักอัปแน่นอน หญิงสาวส่ายหน้า ขณะที่เดินเข้าไปส่องช่อดอกไม้ในมือแม่ “หนูก็ไม่รู้ค่ะแม่ การ์ดอะไรก็ไม่มี” เธอบ่นพึมพำกับแม่ แต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับหรือมีท่าทีสนใจมากกว่านั้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ดอกไม้จากมนุษย์ปริศนา แต่นี่เป็นครั้งที่สาม เพราะมันมาติดกันทุกวันแล้วต่างหาก พอเธอไม่สนใจรับดอกไม้ แม่เลยเดินไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวในครัว เอกนรีเดินตามไปอย่างเชื่องช้า ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำของเธอ แม่ชี้นิ้วบอกเธอเป็นเชิงบอกว่าอาหารของเธอวางอยู่บนโต๊ะแล้ว เอกนรีเลยเอาฝาชีครอบอาหารออก แล้วพบว่าสลัดไก่ของเธออยู่ในนั้น เฮ้อ...กินผักกินหญ้าและไก่จืดชืดแต่เช้าเลย เธอถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก พลางนึกถึงอาหารในงานเปิดตัวรถในเครือซีแซดเมื่อวันก่อน นั่นคืออาหารมีรสชาติอร่อยสุดที่ได้ลิ้มรสในรอบสามวันแล้วเหมือนกัน อยากจะร้องไห้... เป็นคนสวยนี่ลำบากจริงๆ พอแม่เห็นเธอเริ่มกินอาหารก็ทรุดลงนั่งตรงข้ามเธอ ไม่รีบปรี่ไปเฝ้าหน้าจอทีวีเหมือนทุกวัน ก่อนจะเขี่ยช่อดอกไม้พ้นทางแล้วเอากล่องอะไรสักอย่างมาวางตรงหน้า ตอนนี้เอกนรีที่กำลังเคี้ยวผักสลัดหยับๆ เลยเงยหน้ามองแม่ เธอเห็นแม่ยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วนี่กล่องช็อกโกแลตใช่ไหม กล่องใหญ่เลย” พอมองยี่ห้อที่แปะหน้ากล่องหรูหราสวยงามนั่นแล้ว เอกนรีก็พยักหน้าหงึกๆ ตอบรับตาปรอย “ใช่แม่ แต่ไม่กล้ากินเลย เกลียดคนส่งมาจัง ช่วงนี้หนูลดน้ำหนัก งือ” เธอร้องครวญครางในลำคอ เพราะนี่ก็ไม่ใช่วันแรกที่ได้รับ แต่เป็นวันที่สองต่างหาก แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เธอที่ได้กินมัน ตอนนี้เธอยังต้องรักษาหุ่นแล้วเคี้ยวผักเคี้ยวหญ้า นี่เคี้ยวจนอดคิดไม่ได้ว่าชาติที่แล้วเธออาจจะเป็นวัวควายมาเกิด คุณนายรุ้งฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ยิ้มเอียงอายเหมือนตัวเองอายุสิบสี่แล้วเจอผู้ชายโคตรหน้าตาดีขณะเยาะเย้ยให้เธอเจ็บใจเล่นว่า “ไม่เป็นไร แม่กินเอง อิๆ” นั่น...มีตบท้ายหัวเราะเยาะเย้ยเต็มที่ เอกนรีจะทำอะไรได้ นอกจากกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “เกลียดดดดด” จากนั้นเธอก็นั่งเคี้ยวเอื้องไป มองแม่กินช็อกโกแลตไปกระทั่งเธอกินหมด แม่ยังกินไม่หมด แต่ก็เริ่มชวนเธอคุยอีกครั้ง “ช่วงนี้กลับมาเนื้อหอมอีกแล้วสินะ...” น้ำเสียงคุณนายรุ้งเฉยชาเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าโคตรชินกับสิ่งที่เจอในเวลานี้ ก็...มันจะมีช่วงสามเดือนห้าเดือนที่เธอจะต้องเจอใครสักคนประเคนของราคาแพงมาให้แบบนี้ ดอกไม้ ของกิน กระเป๋า รองเท้า เพชรพลอย ทอง อะไรก็ตามล้วนเคยส่งมาบ้านเธอหมด แรกๆ แม่ตื่นเต้น หลังๆ แม่เริ่มชิน พวกของกินดอกไม้อะไรอย่างนี้เธอก็พอจะรับได้ แต่พอเป็นอะไรที่เริ่มมีราคามากเกินไป เธอมักจะควานหาเจ้าของแล้วส่งคืน ไม่รับของกำนัลจากใคร เพราะถ้าเธอใจอ่อนรับ นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะด้านผู้ชายและการงาน แต่ก็มีส่วนน้อยอย่างนี้เหมือนกันที่ส่งมาไม่ลงชื่อ เธอก็จนใจจะไปส่งคืนใคร เมื่อก่อนก็พอเดาตัวคนส่งให้ได้หรอก เพราะมันก็จะมีพวกออกตัวแรงแล้วอยากทำเซอร์ไพรส์ แต่ตอนนี้เธอไม่มีคนจีบนะ แห้งแล้งมากกระไดหน้าบ้านเนี่ย แต่เธอชอบไง ไม่รู้ตอนนี้ดอกไม้พวกนี้มันโผล่มาได้อย่างไร จริงๆ ก็เคยคิดถึงสองหนุ่มผู้บริหารซีแซดอยู่นะ ก่อนจะปัดตกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาแค่ดึงชื่อเธอไปเต้าข่าว ไม่น่าจะมาลงทุนเอาใจชะนีที่ไม่รู้จักกันจริงๆ อย่างนี้หรอก “...พวกผู้ชายเดี๋ยวนี้ตาบอดกันจริงๆ” คำพูดต่อมาของคุณนายรุ้งทำให้เธอชะงัก เอ๊ะ นี่ด่าเธอหรือด่าผู้ชายพวกนั้น แต่เนื่องจากนี่คือแม่เธอ จะตีความแล้วกันว่าเข้าข้างเธอ แม่คงจะอยากช่วยเธอเหน็บแนมคนที่เอาแต่จีบเธออะไรแบบนี้ “ใช่ไหมแม่” เอกนรีตอบรับพร้อมทำหน้าเมื่อย “ทำไมมองแต่ภายนอกกันจัง หน้ากับนมไม่ควรสำคัญไปกว่านิสัย” ก็เข้าใจว่าเธอสวย...สวยกว่า นมก็มีมากกว่า ผู้ชายพวกนี้จะเข้าใกล้อยากได้เธอไปเป็นแฟนก็ไม่แปลกใจ แต่บางทีก็รุกหนักมากเกินไป แล้วแต่ละคนส่อให้เห็นมากว่าชอบแต่หน้ากับนมมากกว่าจะมองนิสัยเธอจริงๆ “จริง” คุณนายรุ้งตอบรับขณะจกช็อกโกแลตอีกชิ้นเข้าปาก “ถ้าใครรู้ว่าแกงก บูชาเงิน บ้าดูดวงและสติไม่ค่อยดีก็คงไม่มาจีบหรอก” เอ๊ะ... เอกนรีถึงกับชะงัก ไอ้ประโยคนี้ไม่น่าจะเข้าข้างเธอแล้วแหละ หญิงสาวจ้องมองคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางคิดหนักอย่างที่นานๆ จะทำนั้นส่งผลให้คุณนายรุ้งถึงกับชะงักแล้วมองเธอราวกับจะถามว่ามองทำไม เอกนรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอ่ยความคิดของตนเองออกมาทันที “แม่ บางทีหนูก็สงสัยนะ” “สงสัยอะไร” คุณนายรุ้งรีบบอกออกมาทันที “ฉันไม่รู้หรอก ไปเสิร์ชกูเกิลเอา” “เนี่ยแหละ” เอกนรีทำสีหน้าจริงจังมากขึ้น “ยิ่งทำให้หนูสงสัยว่าจริงๆ หนูเป็นลูกแม่ไหม นี่แม่สารภาพมาเลยว่าหนูคือลูกเมียน้อยของพ่อที่แม่รับมาเลี้ยงดูเป็นลูกตัวเอง แต่ความเกลียดที่แม่มีต่อพ่อ แม่เลยโขกสับรังแกหนู วันๆ ให้หนูกินแต่อาหารคลีน บีบบังคับให้ออกกำลังกาย ทั้งหมดเป็นเพราะแม่ยังแค้นพ่อ เลยมาลงที่หนูซึ่งเป็นลูกเลี้ยงใช่ไหม” เธอยิ่งถามคาดคั้นก็ยิ่งเมามันในอารมณ์ โอ้โฮ คิดแล้วน้ำตาจะไหล ถ้าแม่บอกว่าเป็นความจริงเธอจะทำอย่างไรดี ไม่นะ...เธอรับความจริงนี้ไม่ได้หรอก เธอเชื่อมาทั้งชีวิตว่าเธอคือลูกสาวคนสวยของแม่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จะกตัญญูต่อแม่ เพราะอย่างไรแม่ก็เลี้ยงเธอมา เธอสัญญาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่จะยังเหมือนเดิม เธอจะเลี้ยงดูท่าน ให้เงินท่านไปติ่งผู้ชายอย่างเต็มที่เหมือนเดิม จะซอคังจุน พัคโบกอม โซจีซบ เอสเจ แอสโทร บิ๊กแบงก์ บังทัน อะไรอีกนับสิบก็จะให้หมด ไม่มีการเทแม่อย่างแน่นอน แม่ฟังเธอร่ายยาวจนจบ สีหน้าแสดงออกชัดว่าโคตรเบื่อหน่าย เหมือนตอนอ่านนิยายแล้วเจอเล่มน่าเบื่อ “ลี่เอ๊ย...” คุณนายรุ้งเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเหมือนคนปลงตก อีกนิดก็นิพพาน “แม่ว่าต่อให้แก่ตัวไปถ้าแกไม่ได้ทำงานพริตตี้แกก็ไม่ตกงานหรอกลูก แกคงจะมีอาชีพใหม่ที่สดใสนะ แม่พูดตรงๆ” “อาชีพอะไรแม่” “เขียนนิยายไงลูก แต่งได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้ แม่นับถือแกจริงๆ นังลูกโง่!” ตอนท้ายแม่ตวาดอย่างกราดเกรี้ยว สีหน้าแววตาจิกทึ้งด่าว่าเธอโง่เต็มที่ เห็นได้ชัดว่าไอ้ที่เธอมโนเมื่อกี้ไม่ใช่ความจริง เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว... “หน้ากับนมก็เอาของฉันไปขนาดนี้ ยังกล้ามโนตัวเองอีกว่าไม่ใช่ลูกฉัน เดี๋ยวถีบกระเด็น แล้วไม่ต้องไปพูดถึงผัวเฮงซวยนั่นอีก ฉันจะอารมณ์เสีย อารมณ์เสียยิ่งกว่าเอ็กโซวงแตกเข้าใจไหม ส่วนแกจะไปไหนก็ไป ฉันอารมณ์ไม่ดีแล้ว” “อ้าวแม่” เอกนรีได้แต่ร้องหน้าเหวอ อะไรกัน หยอกนิดหยอกหน่อยแม่อารมณ์เสียเฉยเลย แล้วเธอพูดถึงพ่อตอนไหน เอ็กโซวงแตกก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ทำไมแม่ยังอารมณ์เสียไม่เลิก “ไปเถอะลูก ไป๊” แม่โบกมือไล่เธอแล้วลุกขึ้นยืนบ้าง เห็นนะว่าช็อกโกแลตกล่องนั้นน่ะกินหมดแล้ว “แม่จะได้ออกไปข้างนอกบ้างเหมือนกัน ขี้เกียจหาข้าวให้แกกิน แยกย้าย ค่อยกลับมาทำมื้อเย็นแล้วกันลูก” “นี่แม่จะไปไหน” เอกนรีถามอย่างสงสัย ปกติแม่เธออยู่ติดบ้านจะตาย ไปไหนไกลก็ไม่เกินละแวกนี้หรอก แต่ตอนนี้ดูสิ ไล่เธอออกจากบ้านเพราะขี้เกียจทำกับข้าวมื้อเที่ยง เห็นได้ชัดว่าน่าสงสัย แล้วคุณนายรุ้งก็ฉีกยิ้มกว้าง เปลี่ยนอารมณ์ไวมากๆ “แม่ก็มีชุมนุมของแม่ไง จะให้แม่อยู่บ้านเหงาๆ ได้ไงลูกเอ๊ย เออ แต่เอาเงินให้แม่สักสามพันก่อนไปนะ แม่รับรองว่าจะบริหารไม่ให้ขาดทุน” โอ้โฮ รู้เลยตอนนี้ว่าจะไปไหน วงไพ่บ้านป้าต้อยซอยห้ากำลังเรียกร้องนี่เอง “หนูแจ้งตำรวจจับวงไพ่แม่ดีไหม” เอกนรีเอ่ยพลางทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ แต่ก็เดินไปหยิบเงินสามพันส่งให้ นี่ไม่ได้สนับสนุนคนเล่นการพนันนะ แต่ก็นะ...ความสุขของแม่ ให้นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก จริงๆ แม่ก็มีเงินเก็บเยอะแยะ และเธอก็รู้ดีว่าเงินนั้นก็เก็บไว้เพื่อเธอในท้ายที่สุดอยู่ดี “จะทำก็ได้นะ” แม่เปลี่ยนไปใช้เสียงหนึ่งเหมือนเดิม ไม่อ่อนหวานเหมือนตอนขอเงินสามพันเลย “คนจะได้รู้กันว่าเอกนรีนอกจากขึ้นโรงพักเรื่องผู้ชาย ก็ไปประกันตัวแม่ได้เหมือนกัน” เอกนรีได้แต่ยกมือขึ้นอย่างคนยอมจำนนฟ้าดิน “โอเค หนูยอมแพ้” จากนั้นแม่ก็ร่ายกำชับให้เธอดูแลบ้านช่อง ก่อนจะล่องลอยไปบ้านป้าต้อยซอยห้าพร้อมกับเงินสามพันที่ไถเธอไปได้ นี่บอกเลยว่าเธอเหมือนจะได้ยินเสียงร้องเพลงคลอมาจากแม่ด้วย อารมณ์ดีเกินไปแล้ว! ................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม