“หนูกลับมาแล้วค่ะแม่” เนสิตาเปิดประตูด้านหลังที่เชื่อมต่อกับห้องครัวแล้วทักทายทุกคนที่กำลังยุ่งกับการทำอาหารอยู่
เธอวางถุงขนมปังสังขยาแล้วจากนั้นก็สวมเสื้อกันเปื้อนก่อนจะล้างมือและไปช่วยทุกคนทำงานจนกระทั่งลูกค้าเริ่มน้อยลงและครัวก็ปิดแล้วตอนนี้ที่หน้าร้านยังมีลูกค้านั่งทานอาหารอยู่อีกเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น
“หนูซื้อขนมปังสังขยามาป่านนี้น่าจะเย็นหมดแล้ว”
“หนูเข้าไปในครัวให้น้าเหมียวอุ่นให้นะจะได้กินพร้อมกัน”
เมื่ออุ่นขนมปังเสร็จแล้วทุกคนก็นั่งล้อมวงกันทานที่หน้าเคาน์เตอร์
“ขนมปังเจ้านี้อร่อยนะ ขนมก็ปังนิ่มมากสังขยาก็ไม่หวานจนเกินไปเนสซื้อร้านไหน”
“หนูซื้อที่ร้านน้ำเต้าหู้ใกล้ๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกที่พวกเราเคยไปซื้อมากินค่ะ”
“แล้วนี่คุณฐาเขากลับไปแล้วเหรอลูก”
“ค่ะ เขากลับไปแล้วเมื่อกี้เขามาส่งที่หน้าร้านแต่พอมาถึงแล้วเขาเห็นลูกค้าเยอะก็เลยไม่ได้เข้ามา แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะวันนี้เนสพาเขาไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเป็นการตอบแทนมาแล้วค่ะ”
“เที่ยวไร่องุ่นสนุกไหมเนส” มาลีเดินมาถามหลังจากเก็บจานจากโต๊ะลูกค้าโต๊ะหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“สนุกมากค่ะไร่คุณฐากว้างมากเนสยังขับรถเที่ยวไม่ถึงไหนเลย”
“ไปทั้งวันยังเที่ยวไม่ทั่วอีกเหรอ” ลูกปลาที่เคยไปเที่ยวที่ไร่ของฐากูรถามขึ้นบ้าง”
“ยังค่ะพี่ลูกปลาพอดีวันนี้เขามีตัดองุ่นทำไวน์กันเนสก็เลยไปช่วยเขาตัดองุ่นเพลินไปหน่อยก็เลยเที่ยวยังไม่ทั่วไร่เลยค่ะ ยังไม่ได้ไปดูโรงบ่มไวน์เลย” เธอพูดด้วยความเสียดาย
“ไปช่วยเขาตัดองุ่นหรือไปกวนเขากันแน่ล่ะลูก” นีรนุชถามลูกสาวเพราะคิดว่าเนสิตาไม่มีทางไปทำงานแบบนั้นแน่
“หนูไม่ได้กวนนะคะหนูไปช่วยเขาตัดองุ่นจริงๆ ค่ะ แต่ตัดช้าไปหน่อย แม่คะหนูขอไปเที่ยวที่ไร่คุณฐากูรบ่อยๆ ได้ไหมตอนนี้พี่ลูกปลากลับมาทำงานแล้วคนที่ร้านของเราก็น่าจะพอ”
“สำหรับแม่ไม่มีปัญหาหรอกลูกเพราะปิดเทอมแม่ก็อยากให้หนูได้กลับมาพักผ่อนแต่หนูจะไปบ่อยๆ แบบนั้นได้ยังไงแม่เกรงใจคุณฐาเขา”
“ก็ที่นั่นเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทุกวันนี้คะหนูก็ไปในฐานะนักท่องเที่ยว คุณฐาเขาก็ติดค้างหนูไว้อย่างหนึ่งด้วย”
“ติดค้างอะไรกันล่ะลูก”
“ก็วันนี้หนูชายเขาตัดองุ่นแล้วเขาบอกว่าจะพาไปดูโรงบ่มไวน์ค่ะ แต่วันนี้เขายุ่งก็เลยไม่ได้พาไป”
“หนูก็ให้น้าพลพาไปหรือไม่ก็ไปดูกับนักท่องเที่ยวสิไม่เห็นต้องไปรบกวนคุณฐาเขาเลยนะ”
“แม่คะไปดูกับนักท่องเที่ยวมันจะเหมือนไปดูกับเจ้าของไร่ ได้ยังไงล่ะคะ ถ้าวันไหนคุณฐาเขาเข้ามากินอาหารที่ร้านหนูก็จะติดรถเขาไปอีกส่วนตอนเย็นก็ติดรถเขากลับเข้ามาในเมืองค่ะ”
“แม่เกรงใจคุณฐาเขานะ เนสเคยไปที่ไร่นั้นแล้วถ้าอยากจะไปจริงๆ แม่ว่าหนูขับรถไปเองดีกว่าหรือไม่ก็บอกให้น้าพลมารับดีกว่านะ”
“แม่ขายังไงคุณฐาเขาก็เข้ามาในเมืองตลอดอยู่แล้วเอาไว้หนูจะถามเขาเองว่าเขาสะดวกไหม ถ้าวันไหนเขามาทานข้าวที่ร้านเราตอนเที่ยงหนูจะถามว่าตอนเย็นเขาจะกลับเข้ามาอีกหรือเปล่าถ้าเขาจะกลับเข้ามาอีกหนูก็จะติดรถเขาไปค่ะ”
“หนูรบกวนเขามากแบบนี้ระวังเขาจะรำคาญเอานะ” นีรนุชเตือนเพราะรู้ว่าลูกสาวของตนนั้นเป็นคนช่างพูดเธอกลัวว่าเจ้าของไร่ที่มีงานล้นมือย่างฐากูรจะรำคาญ
“ไม่หรอกค่ะแม่หนูไม่ได้กวนอะไรเขาเลย”
“ถ้างั้นก็ตามใจจ้ะ แต่ถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่ต้องไปบังคับเขานะ”
“แม่คะใครจะกล้าบังคับคนที่เพิ่งเคยรู้จักกันล่ะ”
หลังจากปิดร้านแล้วเนสตากับมารดาก็ขับรถกลับมาที่บ้านอย่างเคย
หญิงสาวรู้สึกเหนียวตัวมากเธอจึงเข้าไปอาบน้ำและเข้านอน แต่รู้สึกเหมือนตัวเองจะไม่สบายจึงออกจากห้องมาหายาทาน
“แม่นึกว่าหลับไปแล้วออกมาเอาอะไรเหรอ”
“หนูรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยค่ะแม่ ว่าจะออกมาหายากินสักหน่อย”
“แม่ว่าเพราะตากแดดมาทั้งวันแน่เลย มานั่งตรงนี้ก่อนนะลูกเดี๋ยวแม่ไปเอายามาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่เดี๋ยวหนูจัดการเอง” หญิงสาวเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากนั้นหายาลดไข้มาทานแล้วกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง
“ไหนให้ไม่จับตัวดูสิ”
“ตัวร้อนนะ เช็ดตัวหน่อยไหมลูกจะได้สบายตัว” เธอพูดกับลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะแม่กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
“ไปเที่ยวไร่มาวันเดียวก็เป็นไข้แบบนี้คงเข็ดเลยใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ค่ะแม่หนูคิดว่าถ้าไปบ่อยๆ ร่างกายของหนูจะชินไปเอง”
“หนูจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะลูก”
“ก็มันสนุกดีนี่คะแม่ ที่ไร่มีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะหนูอยากเรียนรู้การทำไร่ค่ะ แม่ให้หนูไปอีกนะคะ”
“ถ้าหนูหายดีค่อยไปดีไหม”
“ค่ะแม่ หนูขอตัวเข้าไปนอนก่อนนะคะจะได้หายไวๆ”
“ไม่ต้องล็อกประตูนะลูกเดี๋ยวสักพักแม่จะเข้าไปวัดไข้ พรุ่งนี้แม่จะทำข้าวต้มไว้ให้ตอนเช้าหนูตื่นมากินข้าวต้มกินยาแล้วนอนพักไม่ต้องเข้าไปที่ร้านนะ”
“แต่ถ้าหนูหายดีแล้วหนูจะตามเข้าไปนะคะแม่”
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ว่าหนูพักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะที่ร้านไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างมันลงตัวอยู่แล้ว”
“ก็ได้ค่ะถ้ายังงั้นพรุ่งนี้หนูจะไม่เข้าไปที่ร้าน ว่าจะทำความสะอาดห้องซะหน่อยห้องรกมากๆ”
“แม่ก็กำลังบอกอยู่เหมือนกันจ้ะลูก หนูเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยแต่งตัวดีห้องนอนก็ควรสะอาดด้วย”
“ค่ะแม่” เนสิตาเดินกลับเข้าไปในห้องของตนเองและไม่ได้ล้อกประตูห้องอย่างที่มารดาบอก
คุณนีรนุชนั่งดูทีวีอยู่อีกประมาณครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็เดินเข้าไปห้องลูกสาว เธอวัดไข้และเห็นว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอลดลงแล้วก็เข้าห้องนอนของตัวเอง
พอรุ่งเช้าก็เปิดประตูห้องเข้ามาวัดไข้ลูกสาวอีกครั้ง
“เช้านี้อยู่ยังมีไข้อยู่เลย เอาล่ะเดี๋ยวแม่จะเอาข้าวต้มมาให้กินยาแล้วนอนพักนะ”
เนสิตาพยักหน้าเพราะตอนนี้เธอรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวจนไม่มีแรงจะลุกมาคุยกับมารดา
เมื่อมารดาเอาข้าวต้มมาให้เธอทานข้าวต้มทานยาจากนั้นก็นอนพักก่อนจะรู้สึกตัวตื่นมาอีกทีในเวลาเกือบเที่ยง
การได้นอนพักผ่อนยาวแบบนี้มันทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นขึ้นเธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งจัดของอยู่ในห้องจนกระทั่งบ่ายมารดาก็โทรศัพท์เข้ามาถามอาการ
“เป็นยังไงบ้างลูกดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ไม่มีไข้แล้ว”
“กินข้าวกินยาแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วค่ะแม่ หนูว่าจัดของเสร็จจะเข้าไปที่ร้านนะคะ”
“ไม่ต้องมาหรอกลูก หนูพักเถอะ ที่ร้านไม่ยุ่งเท่าไหร่แม่เองก็ว่าจะไปพักเหมือนกัน มีอะไรก็โทรมาหาแม่นะ ส่วนอาหารเย็นเดี๋ยวแม่จะเอาไปให้”
“แม่คะ หนูหาอะไรกินเองก็ได้ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ก็ได้จ้ะ แล้วเจอกันตอนค่ำนะลูก”