กลิ่นหอมกรุ่นของซอสมะเขือเทศที่เคี่ยวจนได้ที่และชีสพาเมซานที่โรยหน้าพาสต้าอบใหม่ๆ ลอยอบอวลไปทั่วร้านเมื่อคุณนีรนุชเป็นคนยกพาสต้าจานโตออกมาเสิร์ฟให้กับฐากูรแขกประจำที่มักแวะมาทานอาหารกลางวันอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้เขามาทานมื้อค่ำ
ชายหนุ่มสั่งพอร์คช็อปซอสไวน์แดงและกำลังนั่งทานด้วยความเอร็ดอร่อย
“ลองชิมพาสต้าหน่อยนะคะคุณฐากูร พอดีฉันเพิ่งปรับสูตรค่ะ เลยอยากให้ลูกค้าประจำอย่างคุณได้ลองชิมแล้วช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ”
“ครับ” ฐากูรตักพาสต้าขึ้นมาเป่าเล็กน้อยก่อนจะส่งมันเข้าปากแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“ผมว่ารสชาติเดิมก็อร่อยมากอยู่แล้วแต่จานนี้ทั้งอร่อยทั้งกลิ่นหอมติดจมูก”
“ให้กี่คะแนนดีคะ”
“ผมให้เต็มสิบเลยครับและคิดว่าลูกค้าคนอื่นก็น่าจะชอบเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมก็ต้องขอบคุณเช่นกันที่ให้เกียรติผมได้ลองชิม”
“ไม่เป็นไรค่ะก็คุณเป็นลูกค้าประจำของเรานี่คะ ช่วงนี้ไร่องุ่นของคุณคงกำลังสวยเลยใช่ไหมคะ”
ฐากูรเงยหน้าจากจานเล็กน้อยดวงตาคมกริบเหลือบมองเธอ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
“ครับ...ช่วงนี้กำลังจะเก็บเกี่ยวพอดี”
“ถ้าพรุ่งนี้หรือวันอื่นคุณมาทานอาหารเที่ยง ฉันอยากรบกวนคุณสักหน่อย”
“คุณนุชบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
“คือหนูเนสลูกสาวของฉันอยากจะไปเที่ยวที่ไร่น่ะค่ะ แล้วแกก็ไม่อยากรบกวนให้น้าชายต้องมารับ ฉันเลยอยากจะฝากลูกสาวติดรถไปที่ไร่หน่อยค่ะ ส่วนขากลับจะให้พลมาส่ง”
“ได้สิครับ แต่ถ้าไปตอนบ่ายจะเที่ยวได้ไม่ทั่ว พรุ่งนี้เช้าผมจะเข้ามาทำธุระในเมืองตอนเก้าโมงจะให้เธอไปกับผมตอนนั้นก็ได้นะครับ”
“ดีเลยค่ะ ถ้างั้นฉันจะบอกลูกสาวให้เตรียมตัว”
“ถ้าผมทำธุระเสร็จจะมารับที่ร้านนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าเนสรู้คงดีใจมาก ฉันขอตัวก่อนนะคะ เชิญทานให้อร่อยค่ะ” นีรนุชกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว
เนสิตาอยากถามมารดาว่าคุยอะไรกับเขาบ้างแต่เวลาหัวค่ำเช่นนี้ลูกค้าที่ร้านเยอะจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว หญิงสาวเลยอดทนรอที่จะคุยกับมารดาหลังจากปิดร้านแล้ว ถึงจะเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจเธอแต่รู้ว่าไม่เหมาะสมเลยที่จะเอาแต่ถามเรื่องของตัวเองขณะที่คนอื่นกำลังวุ่นวายกับงานในร้าน
“ขอบคุณมากนะทุกคนที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ วันนี้กลับไปพักผ่อนกันได้แล้วจ้ะ”
เมื่อทุกคนกลับหมดแล้วนีรนุชก็ขับรถพาลูกสาวกลับบ้าน
“หนูจะไม่ถามแม่เหรอว่าคุยกับคุณฐากูรแล้วเขาว่ายังไงบ้าง”
“หนูเห็นแม่เหนื่อยแล้วที่ร้านก็ยุ่งหนูเลยคิดว่ารอให้แม่หายเหนื่อยค่อยถามก็ได้ค่ะ”
“น่ารักมากจ้ะที่รู้จักรอ” นีรนุชมองลูกสาวแล้วยิ้มอย่างภูมิใจ
“แล้วผลเป็นไงคะแม่ เขาจะให้หนูติดรถเขาไปไหมคะ”
“ให้สิ แต่เขาจะมาทำธุระในเมืองตอนเก้าโมงแล้วจะแวะรับหนูที่ร้าน”
“หนูนึกว่าจะไปตอนเที่ยง”
“ไปตอนเช้าจะได้มีเวลาเที่ยวทั้งวันนะลูก”
“แต่ตอนกลางวันที่ร้านยุ่งนะคะ หนูไม่เอาเปรียบทุกคน”
“พรุ่งนี้พี่ลูกปลาก็กลับมาทำงานแล้ว เมื่อตอนหัวค่ำพี่เขาก็โทรมายืนยันกับแม่แล้วจ้ะ หนูไม่ต้องเป็นห่วงที่ร้านเลยนะ”
“แน่นะคะแม่” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
“แน่สิ อย่าลืมโทรบอกน้าพลด้วยนะลูกว่าหนูจะไปที่ไร่”
“ตอนนี้มันดึกแล้ว พรุ่งนี้หนูจะโทรตั้งแต่เช้าเลยค่ะแม่”
เช้าวันต่อมา
เนสิตาตื่นนอนแต่เช้าวันนี้หญิงสาวสาวกางเกงยีนดูทะมัดทะแมง สวมเสื้อกล้ามสีขาวแล้วทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอกและเลือกสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเตรียมตัวสำหรับการไปเที่ยว
“ชุดนี้โอเคไหมคะแม่” เธอถามมารดาก่อนจะออกจากบ้าน
“น่ารักมากจ้ะ ดูคล่องแคล่วดี”
“จริงจ้ะ ลูกสาวแม่เป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ กลับไปเรียนครั้งนี้แม่ว่าคงมีผู้ชายมาจีบเยอะอีกตามเคยใช่ไหม”
“หนูไม่สนใจผู้ชายพวกนั้นหรอกค่ะ” เนสิตายิ้มเพราะคนที่เธอสนใจคือผู้ชายที่ชื่อฐากูรต่างหาก
“แม่รู้ว่าวัยรุ่นก็มีแฟน แต่อย่ามีความรักจนลืมเรื่องเรียนและถ้าจะมีอะไรกับผู้ชายก็ต้องรู้จักป้องกัน”
เพราะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานานหลายปีทำให้นีรนุชรู้ดีว่าเรื่องความรักและความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวมันเป็นเรื่องที่ห้ามยาก และยิ่งห้ามพวกเธอก็ยิ่งอยากจะรู้ เธอมีเพื่อนที่มีลูกอยู่วัยเดียวกันที่อิตาลีและเพื่อนของเธอก็ให้ลูกสาวไปฝังยาคุมกำเนิดเพราะคิดว่าห้ามเรื่องนี้ยากก็เลยป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่าปล่อยให้ตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังไม่พร้อม
“แม่คะ หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วงแต่หนูสัญญาค่ะว่าจะเรียนจบและให้แม่แต่งตัวสวยๆ ไปงานรับปริญญาของหนูแน่นอนค่ะ” เนสิตาให้สัญญาและแอบขอโทษมารดาในใจที่ตอนนี้เธอกำลังทำตรงกันข้ามเพราะกำลังจะจีบฐากูรให้มาเป็นแฟน
เนสิตาและมารดาออกจากบ้านในเวลาแปดโมงครึ่งซึ่งเช้ากว่าวันที่ไปทำงานเพราะปกติทั้งสองจะออกจากบ้านในเวลาเก้าโมงเช้าเพื่อนไปเตรียมร้านอาหารโดยที่ลูกน้องของพวกเธอจะไปถึงและเตรียมร้านก่อน
“เที่ยวให้สนุกนะลูกแต่อย่าไปกวนน้าพลหรือคุณฐากูร” นรีนุชเตือนลูกสาวเมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าร้าน
“ค่ะแม่” เธอตอบมารดาแล้วค้ากระเป๋าเป้ใบเล็กที่มีกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ไปด้วย
“เอาแซนด์วิชไปกินบนรถด้วยนะ แม่ให้เหมียวทำให้แล้วก็นี่กาแฟของคุณฐากูร” หญิงสาวบอกขณะเดินตามหลังลูกสาวมาที่รถของฐากูรที่จอดรออยู่
“สวัสดีค่ะคุณฐากูร”
“สวัสดีครับเนส คุณนุช”
“สวัสดีค่ะคุณฐากูร ฉันฝากลูกสาวด้วยนะ”
“ได้ครับ”
“อย่ากวนคุณฐากูรมากนะลูก”
“ค่ะแม่หนูไปก่อนนะคะแม่”
หญิงสาวเดินอ้อมมาอีกด้านของรถแล้วขึ้นไปนั่งคู่กับฐากูร เธอโบกมือให้มารดาก่อนจะปิดกระจกเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้าน
“ขอบคุณนะคะที่แวะมารับ แม่ฝากแซนด์วิชและกาแฟมาให้ด้วยค่ะ ทานเลยไหมคะ”
“ขอแค่กาแฟก็พอครับ” เขารับกาแฟมาจิบสายตาจับจ้องไปบนถนนด้านหน้าอย่าง
“แต่แซนด์วิชสูตรของแม่อร่อยนะคะ ลองชิมดูก่อนถ้าไม่อร่อยก็แค่คายทิ้งเองค่ะ แต่ถ้าไม่ชิมเลยแม่คงเสียใจและถ้าแม่ถามเนสคงไม่รู้จะตอบแม่ยังไงว่าคุณฐาชอบหรือเปล่า” หญิงสาวหว่านล้อมเธอรู้ว่าเขาคงยังไม่ได้ทานอะไรเพราะปกติเขาจะเข้ามาที่ร้านและรวบมื้อเช้ากับมื้อกลางวันเข้าด้วยกันตลอด
ฐากูรวางแก้วกาแฟลงบนที่วางแก้วแล้วรับแซนด์วิชจากเนสิตามาทานเพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นเอก็คงยังพูดไม่หยุดแน่ๆ
“อร่อยใช่ไหมคะ”
“อือ เมนูนี้ไม่มีในร้าน”
“คุณคงไปที่ร้านบ่อยใช่ไหมคะถึงรู้ว่าเมนูนี้”
“ก็ทุกครั้งที่เข้าเมือง”
“น้าพลบอกว่าที่ไร่ของคุณก็มีร้านอาหารและเครื่องดื่มด้วยใช่ไหมคะ”
“ก็ตามนั้น”
“แล้วทำไมต้องมาทานที่ร้านล่ะคะ ไม่ใช่ว่าเนสไม่อยากให้คุณมาทานนะคะเนสก็แค่แปลกใจ”
“ถ้าผมไปทานที่นั่นก็ต้องทักทายทุกคนในฐานะเจ้าของไร่แล้วคุณคิดว่าผมจะได้ทานไหมล่ะ”
“นึกว่าคุณติดใจอาหารที่ร้าน” หญิงสาวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“นั้นก็ใช่นะ อาหารที่ร้านเธออร่อยถูกปาก”
“คุณไม่ต้องแกล้งพูดเอาใจหรอกค่ะ”
“ผมจะทำแบบนั้นไปทำไม อาหารอร่อยผมก็บอกอร่อย”
“เนสขอบคุณแทนแม่ครัวด้วยค่ะ” เธอพูดพร้อมกับหันมายิ้ม
เนสิตาก็ยังคงเป็นฝ่ายที่ชวนฐากูรคุยอยู่ตลอดทางเพราะถ้าให้เขาเริ่มก่อนทั้งรถก็คงเงียบอย่างแน่นอน
ใช้เวลาไม่นานรถก็เลี้ยวเข้ามาบนถนนลูกรังที่ทอดยาวเข้าไปในอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ของไร่องุ่น ด้านซ้ายมือเป็นร้านอาหารและร้านของฝากเพราะสังเกตจากรถที่จอดเรียงรายอยู่หลายคัน
“มีคนมาเที่ยวตั้งแต่เช้าเหมือนกันนะคะ”
“ใช่ครับ ผมขอตัวไปทำงานนะ น้าคุณเดินมานั่นแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”