เพียงฟ้าลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ความแข็งกร้าวแทบจะฉีกออกมาจากเสียงที่สั่นแต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ฉันจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้ถูกพรากไปจากพวกเราเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะคิดจะเอาไป!”
คำประกาศของเธอดังก้องไปทั่วลานหน้าบ้าน ความมุ่งมั่นในดวงตา ทำให้แม้แต่คุณเพ็ญพรที่นั่งสะอื้นอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความหวังน้อยๆ เพียงฟ้าไม่เคยทำตัวก้าวร้าวกับใครแบบนี้ แต่ภีมกำลังบีบให้เธอทำเช่นนี้
ภีมหัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะเย็นชา ไร้ความเมตตา เหมือนคนที่เพิ่งได้รับความบันเทิงจากโชคชะตาของผู้อื่น
“ฮ่า…ยืนกล่าวคำสัตย์ปากเปล่าแบบนั้นได้บ่อยๆ ก็จริง แต่โลกแห่งความจริงมันใช้อารมณ์ไม่ได้นะเพียงฟ้า” เขาย่างก้าวเข้ามาอีกนิด สบตาเธออย่างยังคงกดขี่ “งั้นมาดูข้อเท็จจริงกันบ้าง บ้านหลังนี้ถูกจำนอง มีหนี้ที่ต้องใช้คืน และถ้าเธออยากได้มันคืนจากฉัน ฉันจะให้ทางออกหนึ่งทางเท่านั้น”
ความเงียบตกลงมา ภีมหยิบแฟ้มเอกสารจากคนสนิทยื่นมาให้ พลิกไปมาพลางพูดอย่างไม่รีรอ
“ห้าล้าน ยอดรวมที่ต้องใช้เพื่อปลดจำนองทั้งหมด ถ้าเธอมีเงินห้าล้านมาคืนฉันวันนี้ ฉันจะยอมคืนโฉนดและยุติการยึดบ้าน แต่ถ้าไม่มี…เธอมีเวลาไม่กี่วันให้เก็บของออกไป เตรียมย้ายออกไปจากบ้านนี้ อย่าอยู่ให้รกหูรกตาอีกต่อไป”
คำว่า “ห้าล้าน” ตกกระทบลงบนหน้าเพียงฟ้าเหมือนก้อนหินหนัก เธอแทบเซ แต่ยังยืนหยัด ดวงตาแดงก่ำ ทรวงอกเหมือนถูกบีบแน่นจนหายใจไม่สะดวก
“ห้า…ล้าน…” เสียงของเธอแผ่ว แต่ในนั้นมีความโกรธที่เผาไหม้ “คุณคิดว่า…ฉันจะไปขอเงินจากใครง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ! บ้านหลังนี้เป็นของพ่อ เป็นครอบครัวของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์เอาไปด้วยวิธีทารุณแบบนี้!” เขาบ้าไปแล้ว ใครจะไปสามารถหาเงินห้าล้านได้ภายในไม่กี่วัน แบบนี้ก็ไม่ต่างจากยึดเลยตอนนี้หรอก
ภีมยิ้มน้อยๆ ราวกับคำพูดของเธอเป็นเรื่องตลก
“สิทธิ์น่ะ ใครให้ใครไม่ได้หรอกเพียงฟ้า ในเมื่อเอกสารและกฎหมายอยู่กับฝ่ายที่ลงทุนจ่าย ฉันก็แค่ใช้สิทธิ์ของฉันเอง ถ้าอยากให้มันจบแบบ ‘มีความเมตตา’ ก็เตรียมเงินมา”
คุณเพ็ญพรลุกขึ้นมา พยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงสะอื้นทำให้ถ้อยคำสะดุดไป เพียงฟ้ารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย แต่ข้างในกลับมีความโกรธ เคียดแค้นต่อการกระทำของแม่และความเย็นชาไร้หัวใจของภีมรวมกันจนกลายเป็นแรงผลักดัน ที่เธอสู้ทุกอย่างเพื่อเอาบ้านหลังนี้กลับคืนมา
เธอกดมือแน่น ประกาศเสียงแผ่วแต่คม
“ถ้าคุณบอกว่ามันต้องใช้ห้า…ล้าน ฉันจะหาให้ได้ ฉันจะไม่ย้ายออกไปง่ายๆ ฉันสาบานได้เลยว่าจะไม่ยอมให้บ้านของพ่อหายไป”
ภีมหันมองอย่างพินิจ คำพูดของเธอช่างไม่ต่างจากการให้ความบันเทิงอีกครั้ง แต่ในแววตาของเขากลับเห็นประกายท้าทาย
เพียงฟ้าชะงักงัน ราวกับเวลาทั้งหมดหยุดลงเมื่อได้ยินประโยคเย็นชานั้นจากปากของภีม
"อยากได้บ้านหลังนี้นักใช่ไหม..." เขาก้าวเข้ามาใกล้ สายตาคมวาวเต็มไปด้วยอำนาจและการเอาชนะ "ถ้าอยากรักษามันไว้ ก็มากราบเท้าฉันซะสิ แล้วฉันจะคิดใหม่ว่าจะให้มันอยู่ในมือเธอหรือไม่"
คำพูดนั้นบาดลึกไปถึงหัวใจหญิงสาว เพียงฟ้าสะท้านเฮือก ดวงตากลมเบิกกว้าง น้ำตาที่กักเก็บไว้เอ่อล้น เธอไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายตรงหน้าจะกล้าพูดออกมาเช่นนี้ เขาไม่ได้ต้องการเพียงบ้านหลังนี้ แต่ต้องการทำลายศักดิ์ศรีเธอให้แหลกสลาย
"คุณ...!" เพียงฟ้าเสียงสั่นสะท้าน ความโกรธ ความอับอาย และความสิ้นหวังปะปนกันในอก เธอเม้มปากแน่น พยายามฝืนยืนตัวตรงไม่ยอมแพ้
ภีมหัวเราะเบาๆ ราวกับสนุกที่ได้เห็นเธอตกต่ำ "ทำไม? ศักดิ์ศรีมันมีค่ามากกว่าบ้านหลังนี้เหรอ? หรือที่จริงเธอแค่ทำเป็นเข้มแข็งไปงั้น..."
ผู้เป็นมารดามองบุตรสาวทั้งน้ำตา มือสั่นระริกเหมือนอยากจะห้าม แต่ก็ไม่อาจเอ่ยคำใดได้ เพราะรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลลัพธ์จากความผิดพลาดของตนเอง ถ้าไม่ติดการพนัน ก็ไม่ทำให้บุตรสาวต้องเจอเรื่องแบบนี้
เพียงฟ้ากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าฝ่ามือ หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความเจ็บปวด แต่ภาพบ้านที่พ่อสร้างไว้ด้วยมือ ภาพความทรงจำในวัยเด็กที่แฝงอยู่ในทุกซอกมุมของบ้านหลังนี้ ผุดขึ้นมาไม่หยุด
เธอค่อยๆ ทรุดเข่าลง น้ำตาหยดลงบนพื้น ความรู้สึกอับอายกัดกินเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะหยันของภีม
"อย่าคิดว่าฉันยอมแพ้คุณ..." เพียงฟ้ากล่าวทั้งน้ำตา เสียงสั่นพร่า "แต่ถ้ามันต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีของฉันเพื่อรักษาบ้านที่พ่อทิ้งไว้... ฉันก็จะทำ"
เธอก้มศีรษะลง สองมือสั่นเทาแตะลงกับรองเท้าหนังของเขา ก่อนจะก้มกราบอย่างที่เขาต้องการ น้ำตาไหลพรากไม่หยุด
ภีมมองภาพนั้น ดวงตาแข็งกระด้างไร้ความเมตตา ทว่าลึกๆ ในใจเขากลับสั่นไหวเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว