บนชั้นสองของไนต์คลับอลองเซส ซึ่งข้างในแยกห้องนอนส่วนตัวของเจ้าของคลับหรูชื่อดังใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เจมส์ตวัดขายาวพาดลงจากเตียงยับยู่ยี่ หัวคิ้วเข้มขมวดเป็นปมบ่งบอกว่าเขากำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง
“s**t! แม่งเอ๊ย!”
พลางเดินเข้าห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัว แผ่นหลังกว้างที่มีรอยเล็บขีดข่วนจากพวกผู้หญิงชั่วข้ามคืน อีกมือคว้าจับผ้าขนหนูมาเช็ดตัวลวกๆ หลังจากอาบน้ำให้ตัวเขาสดชื่น
เจมส์เปลี่ยนชุดลำลองใหม่กลายเป็นชุดเสื้อยืดคอกลมพร้อมกับกางเกงสแล็กส์สีดำ เงยหน้ามองดูเส้นปัดนาฬิกาที่บอกเวลาตอนนี้ว่าเกือบครึ่งค่อนวัน
“เมื่อคืนนี้ปวดเอวชะมัด เห็นทีต้องหาหมอนวดสวยๆ มานวดให้หายปวดเอวเสียแล้วสิ”
ใกล้จะเที่ยงแล้ว แต่เสือเพลย์บอยตัวพ่อยังไม่หิว ว่าจะเข้าไปตรวจเช็คบัญชีของไนต์คลับเสียหน่อยอย่างที่เคยทำประจำ
เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้งติดต่อกัน สงสัยคงจะเป็นเรเปล คนสนิทของเขา ก่อนจะตวัดขายาวเดินไปเปิดประตูห้องออกพร้อมพ่นคำพูดเสียงห้วน
“มึงมีอะไรวะ?” เขาโวย
“ขอโทษครับคุณเจมส์ แต่ผมขัดคำสั่งคุณท่านไม่ได้ คือ...คุณท่านต้องการให้คุณเจมส์ช่วยกลับเข้าไปในบ้านใหญ่ตอนนี้ครับ ไม่อย่างนั้นคุณเจมส์จะต้องเดือดร้อน”
เรเปล ลูกน้องคนสนิทหันมองรอบห้องซ้ายขวา เมื่อแน่ใจว่าพริ้ตตี้สาวหมวย ผิวขาวที่เจ้านายหิ้วขึ้นมากินข้างในไม่อยู่ในห้อง และปกติเจมส์จะชอบออกไปพาสาวยังคอนโดฯ ส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการจับตาดูของพ่อ
แต่ด้วยเรื่องอย่างว่าไม่เข้าใครออกใคร เสือผู้หญิงอดทนรอไม่ไหว พาพริ้ตตี้หมวยผิวขาวเนียนนุ่มขึ้นไปหาความสุขใส่ตัว ความสัมพันธ์น้ำแตกแล้วแยกทาง จ่ายด้วยเช็คเงินสด วินกันทั้งสองฝ่าย
ซึ่งเขาชอบแบบนั้น...
“ป๊ากู?” แค่นหัวเราะทำเหมือนไม่อยากเชื่อหู
เรเปลพยักหน้ารับ “ครับคุณเจมส์”
“คิดเหรอว่ากูจะกลับบ้านง่ายๆ วะ?”
เพราะพันธะสัญญาบ้าบอที่เขาไม่ต้องการอะไรนั่น ทำเอาเจมส์ต้องหมกตัวอยู่ข้างในไนต์คลับ ติดพันเรื่องเซ็กซ์ ปลดปล่อยอารมณ์เหมือนผู้ชายกลางคืนทั่วไป
ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องเข้าร้าน ดูแลธุรกิจตัวเอง อีกส่วนก็เพราะป๊ากรอกหูอยู่ทุกวันตั้งแต่เขาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยจนจบ ว่าจัดงานแต่งงานกับคู่หมายตามสัญญารุ่นพ่อ
ป๊ากรอกหูว่าจะเอาน้ำค้างมาเป็นเมียเขา
แค่คิดก็ขนอ่อนลุกวาบ!
และเรื่องนี้ทำเอาเจมส์ทะเลาะกับพ่อทุกวัน เพราะเขาเคยเจอลูกสาวเพื่อนสนิทครั้งหนึ่ง หลังสิบกว่าปีที่ต้องย้ายบ้าน หลีกเลี่ยงเด็กแก่แดดขโมยจูบแรกวัยเด็ก จำได้ว่าตอนนั้นเขาต้องใช้ผ้าขยี้เช็ดหลายรอบกว่าจะลบรอยหาย
‘เด็กเฉิ่ม ใส่แว่นหนาเตอะ เจอกันอีกกี่ปีก็ยังคงเชยเหมือนเดิม พวกผู้หญิงในโลกหมดแล้วรึไง ป๊ากับพ่อหล่อนถึงทำสัญญาการหมั้นหมายไว้ตั้งแต่เด็ก เรื่องบ้าเหี้...อะไร ถ้าเป็นผู้หญิงสวย เขาเต็มใจแต่ง แต่นี่อะไรเด็กแก่แดด ป้าเฉิ่มแว่นหนาเตอะ ใส่ชุดปกปิดลงไปถึงข้อเท้าเล็ก’
ถ้าจะเป็นขนาดนี้ ไปบวชชีเถอะ!
“แต่ครั้งนี้คุณท่านเจต์เอาจริงจังมากเลยครับ ขนาดน้ำเสียงสั่งที่กรอกใส่หูผมยังทำให้ผมแอบร้อนๆ หนาวๆ กลัวแทนคุณเจมส์เลยครับ”
“เออ! กูกลับบ้านก็ได้!”
ถึงอย่างไรพ่อผู้ชอบคลุงถุงชนการแต่งงานก็ต้องมาลากตัวลูกชายดื้อรั้นกลับบ้านอยู่ดี
จะกลับตอนนี้หรือยื้อเวลายาวไปอีกเรื่อยๆ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน
เรเปลก้มค้อมศีรษะ “ครับคุณเจมส์”
เจมส์ถอนหายใจยืดยาว หันกลับเข้าไปข้างในห้องอีกครั้ง สักพักก็คว้าหยิบเอากุญแจรถสปอร์ตคันหรู ก้าวขายาวๆ เดินผ่านลูกน้องคนสนิทไปเลย
“อ้อ มึงไม่ต้องตามกูไป อยู่เฝ้าที่นี่แหละ อีกไม่นานกูก็กลับมาแล้ว” ยังไม่วายออกคำสั่งกำชับ เรเปลน้อมรับคำสั่งอย่างไม่อิดออด
ลองไม่ทำตามดูสิ เขาตบลูกน้องให้หัวแตกแน่!
จากนั้นเจมส์เดินผ่านทางด้านหลังไนต์คลับอลองเซส รถคันหรูซึ่งเป็นลูกรัก ที่เขาเพิ่งถอยรถสปอร์ตป้ายแดงใหม่เอี่ยม ผ่านมาไม่ถึงสิบนาทีก็มีเสียงรถวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาอยากจะรู้นักว่าเธอประจบประแจงวิธีไหน ป๊าเขาถึงได้ส่งคู่หมั้นคู่หมายที่เขาเห็นแล้วอยากจะอ้วก มาคอยควบคุมพฤติกรรมส่ำสอนของตน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...หลายครั้งแล้วที่เธอกับเขาเคยโต้กลับดุเดือด ป้าเฉิ่มจืดชืด แว่นหนาเตอะ เจอกันอีกทีก็ยังแต่งตัวเหมือนเดิม
คิดเหรอว่าเขาจะเอารสนิยมจืดชืดมาทำเมีย อย่างนี้ก็เสียภาพลักษณ์หนุ่มโสดสุดฮ็อตนะสิ
“แสบนักนะ น้ำค้าง!”
……
บ้านของเจมส์มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย แต่เขาไม่ค่อยชอบกลับมาบ้านใหญ่หรือเรียกมันว่าคฤหาสน์เสียเท่าไหร่ ทว่าบ้านจะหรูหราหรือสวยงามมากขนาดไหน แต่ถ้าใจอยู่ไม่เป็นสุข คิดหรือว่าชายหนุ่มจะอยู่ให้จับคู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก
“คุณท่าน คุณเจมส์กลับมาแล้วค่ะ”
ร่างสูงใหญ่หน้าตาคมคาย ผิวขาวเนียนกว่าพวกผู้หญิงเหล่านางแบบที่ชอบดูแลตัวเองเสียที อาจเป็นเพราะหลายเดือนมาเขาหมกตัวอยู่แต่ภายในไนต์คลับ กิน หลับ นอนและเที่ยว เพื่อหลบเลี่ยงคนของพ่อเขาลากกลับมาบ้าน
แล้วทำไมวันนี้เจมส์ถึงยอม...
ไม่ใช่เชิงว่ายอมหรอก ก็แค่จะมาคัดค้านเรื่องสัญญาหมั้นหมายกับผู้หญิงเชยเฉิ่ม ไร้เสน่ห์ดึงดูดนั่นต่างหาก
“สวัสดีครับคุณท่าน ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีมั้ยครับ”
เจมส์ยกมือไหว้พ่อตัวเองลวกๆ เสื้อยืดคอกลมเก่าคร่ำครึก กางเกงสแล็กส์และที่สำคัญ จากรองเท้าสูทกลายเป็นว่าใส่รองเท้าแตะหูหนีบขาดๆ ทำเอาคนเป็นพ่อเกือบเป็นลม เดือดร้อนเลขาสาวเฉิ่มเบอะเข้ามารับประคองเอาไว้
“ฉันจะเป็นลม หนูน้ำค้างดูคู่หมั้นของหนูสิ ตัวเองเป็นทายาทสายตรงของบริษัทยักษ์ใหญ่โตซะเปล่า กลับแต่งตัวเหมือนยาจกขอทาน นี่ฉันมีลูกชายอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
คนถูกถามไม่ตอบกลับยิ้มแหยๆ เหลือบสายตาหันมองคู่หมั้นคู่หมายไว้ ความจริงน้ำค้างก็ไม่อยากแต่งงานกับคนที่เขาไม่รักเธอหรอก ทว่าเพราะเป็นความต้องการของฝ่ายผู้ใหญ่สองคนทำเอาเธอหลีกเลี่ยงมันไม่ได้
และมีเหตุผลส่วนหนึ่งด้วย
“พอรู้ว่าผมกลับมาก็รีบแจ้นออกมาต้อนรับเลยหรือครับป๊า”
สภาพทายาทคนเดียวคงเป็นยากจนอย่างที่พ่อเขาว่า รองเท้าแตะหูหนีบกาวตราช้างดาวก็เห็นในถังขยะข้างทรงก็เลยเอามาใส่เล่นๆ
เขาอยากจะรู้นักว่าคู่หมั้นหน้าเงินมาเห็นสภาพยาจกแบบนี้ ไม่มีเงินสด(มีแต่ฝากไว้ในบัญชี)แบบนี้ ยังจะกล้าหน้าด้านหน้าทนแต่งงานกับทายาทมหาเศรษฐีแถวหน้าของเมืองไทยไหม
“แกอย่ามายอกย้อนฉัน เข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วมาคุยกันกับฉันที่ห้องทำงาน”
“ผมไม่เปลี่ยน! ยังไงซะผมก็ต้องกลับคลับของผมอยู่ดี” เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงเข้ม ส่งสายตาเขียวปัดมาทางเลขาเฉิ่มเบอะของป๊า
“ไอ้เจมส์!” ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกโดยสายเลือด เจต์คงป้องตบเข้ากกหูลูกชายหัวดื้อด้านสักที
ก่อนที่สองพ่อลูกจะทำสงครามเย็นกัน คนกลางอย่างน้ำค้างสอดแทรกบทสนทนาหวังให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ต้นเหตุที่เขาไม่ค่อยถูกกับพ่อตัวเองก็เพราะเธอเสียมากกว่า
“ป้าญาวีรบกวนช่วยพาคุณเจต์เข้าไปข้างในก่อนดีกว่าค่ะ ส่วนทางนี้น้ำค้างขอคุยกับเขาสักครู่”
เธอขอเกลี้ยกล่อมคู่หมายตัวเอง หันมาเผชิญหน้ากับเขาทั้งๆ ที่ใจเต้นตุบๆ
ไม่ใช่เพราะหัวใจเต้นแรง...แต่เพียงสั่นกลัวเล็กน้อย
“เธออยากแต่งงานเอาเงินจากป๊าฉันมากสินะ ถึงได้ใช้หน้าที่ตำแหน่งเลขาของป๊าประจบประแจงเพื่อให้ได้สิ่งที่หล่อนต้องการ ลองหัดส่องกระจกดูตัวเองบ้างว่าหน้าเฉิ่มแบบนี้ ใครเขาจะเอาเธอมาทำเป็นเมีย!”
คำด่าแต่ละคำจากปากผู้ชายร้ายกาจพ่นออกมาใส่ตรงหน้าเธอ...น้ำค้างยิ้มรับเข้าสู้ ค่อนข้างชินชาแล้ว หลายครั้งที่เธอยอมทำตามคำสั่งท่านประธานของบริษัทJKL Group คนปัจจุบันไปควบคุมพฤติกรรมส่ำสอนลูกชายท่าน
และเธอก็ไม่ใช่เลขาเฉิ่มเบอะที่มีดีแค่เรื่องงาน ฝีปากโต้กลับคู่หมั้นปากเสียก็ไม่แพ้กัน
“แล้วใครกันที่ไม่อยากแต่งงานกับน้ำค้าง ทำไมถึงยอมกลับมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องถูกคุณท่านจับแต่งงานอยู่ดี”
คนถูกย้อนจากยัยเด็กปากกล้าสะอึก “นี่เธอ!” ว่าพลางชี้นิ้วมาทางร่างบางยืนกอดอก จ้องมองอย่างไม่เกรงกลัว
“น้ำค้างเองก็ไม่อยากแต่งงานหรอกค่ะ ถ้าคนนั้นไม่เคยรักตอบกลับ”
ว่าจบกลับตวัดขาเรียวยาวเดินหายเข้าไปข้างในบ้านจรูญเพทาย ตั้งแต่พ่อของน้ำค้างเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุสิบแปดปีก็ถูกเพื่อนสนิทของพ่อให้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่พร้อมเจอกับเจอลูกชายปากเน่า ปากเสีย
แต่ก่อนเคยโง่ที่เผลอปลื้มลูกชายท่าน แต่...ตอนนี้น้ำค้างกลับหายโง่แล้ว
เจมส์กำมือแน่น หัวเสียอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่กล้าตอบโต้กลับได้เท่านี้อีกแล้ว
น้ำค้าง...คือผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะไม่แต่งงานด้วย
ถ้าเขาได้แต่งงานกับเธอ มหัตภัยของจริงแน่!