เย็นวันเสาร์สาริศามาทานอาหารที่บ้านของปีขาลตามคำชวนของป้านิตตรา เธอรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้อีกครั้งหลังจากเคยมาเมื่อหลายปีก่อน
“เจ้าเอยสวยขึ้นมาก นี่ถ้าอาไปเจอที่อื่นคงจะจำไม่ได้แน่ๆ”
“ขอบคุณค่ะอาใหญ่ แต่ถ้าหนูเจออาใหญ่ที่อื่นหนูก็จำอาใหญ่ได้ค่ะ อาใหญ่หน้าตาไม่เปลี่ยน” หญิงสาวเอ่ยชมใหญ่หรือปภังกรพี่ชายของปีขาลอย่างประจบเธอ และอาใหญ่เคยเจอกันครั้งสุดท้ายก็น่าจะประมาณห้าปีที่แล้วตอนนั้นเขาไปธุระที่เชียงใหม่และแวะไปเยี่ยมเธอกับบิดามารดาที่สวนส้ม
“อาจะไม่เปลี่ยนได้ยังไงล่ะ เจ้าเอยโตขึ้นอาก็ต้องแก่ขึ้น”
“แต่หนูว่าอาใหญ่ยังหล่ออยู่เลยนะคะ ดูเหมือนคนอายุไม่ถึงสามสิบเลยค่ะ”
“ช่างประจบจริงๆ เลยนะเจ้าเอย”
“หนูพุดความจริงค่ะอาใหญ่ อาใหญ่มีแฟนหรือยังคะเจ้าเอย”
“ถามได้ตรงประเด็นมากเลยจ้ะ ป้าก็อยากจะถามเหมือนกันว่าอาใหญ่ของเจ้าเอยมีแฟนหรือยัง”
สาริศาไม่ได้อยากถามคำถามนี้หรอกแต่ก่อนมาที่นี่มารดาของเขาทีไปหาและบอกให้เธอช่วยถามให้หน่อย เนื่องจากตนเองเคยถามแล้วลูกชายบ่ายเบี่ยงมาตลอดดเลยต้องใช้ตัวช่วยอย่างสาริศา
“ทำไมอาจะต้องมีแฟนด้วยล่ะเจ้าเอย”
“ก็เอาใหญ่ทั้งหล่อทั้งรวยหุ่นก็ดีแบบนี้หนูว่าต้องมีผู้หญิงมาสนใจอาใหญ่มากๆ แน่เลยค่ะ แล้วตกลงอาใหญ่มีแฟนหรือยังคะ”
“ยังไม่มีหรอกและอาคิดว่าจะไม่มีด้วย”
“อ้าวทำไมล่ะคะ”
“อาว่าอยู่คนเดียวแบบนี้มันก็สบายกดี”
เมื่อได้คำตอบแบบนี้สาริศาก็หันไปมองหน้ามารดาของเขาเมื่อเห็นท่านพนักหน้าเธอก็เริ่มคำถามต่อไป
“แล้วแบบนี้เมื่อไหร่คุณลุงบุญป้าจะได้อุ้มหลานล่ะคะอาใหญ่”
“เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีแม่อยากอุ้มหลานเหมือนเจ้าเอยอยู่เหมือนกัน”
“แม่เลิกคิดเรื่องนี้กับผมได้เลย ไปถามเจ้าเสือนู่นว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน”
“แล้วเสื่อล่ะว่าไง”
“ผมก็ว่าอยู่เป็นโสดแบบนี้สบายดีครับแม่”
“ตกลงบ้านนี้จะไม่มีใครมีหลานให้แม่อุ้มเลยใช่ไหม เจ้าเอยดูนะป้าอุตส่าห์เลี้ยงลูกมาสองคนแต่ลูกแต่งงานมีเมีย มีหลานให้ป้าแค่นี้ก็ไม่มีใครทำให้ป้าได้เลย” คุณนิตตราแกล้งทำเสียงน้อยใจแต่ลูกชายทั้งสองก็เหมือนะจะรู้ทัน
เรื่องที่ลูกชายทั้งสองคนของเธอไม่ยอมมีแฟนมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจอยู่ที่เดียว แต่ก่อนก็คิดว่าลูกชายพูดเล่นว่าไม่อยากมีครอบครัวแต่พอผ่านมาหลายปี ทั้งสองคนก็ยังยืนยันอย่างเดิมทำให้คุณนิตตราเริ่มจะเครียดกับเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว
“เดี๋ยวหนูช่วยหาแฟนให้อาใหญ่กับอาเสือดีไหมคะ บอกมาสิชอบผู้หญิงแบบไหนเริ่มจากอาใหญ่ก่อนเลย”
“ใหญ่ลองบอกแม่หน่อยนะว่าชอบผู้หญิงแบบไหน แม่จะได้ช่วยหา”
“ผู้หญิงแบบไหนคะอาใหญ่” สาริศาถามย้ำอีกครั้ง
“อาไม่มีมีสเปกหรอกนะ” เขารู้ว่าถ้าบอกไปมารดาคงเตรียมวหาผู้หญิงมาให้ดูตัวแน่ๆ
“มันก็ต้องมีนิดๆ หน่อยๆ เอาประมาณว่าต้องสวยไหมต้องหุ่นดีไหมหรือชอบผิวสีไหนลองบอกมาสิคะ”
“ผิวสีไหนก็ได้จ้ะหน้าตาหรือรูปร่างยังไงก็ได้ขอแค่ทำงานเก่ง และช่วยงานอาได้ก็พอแล้ว”
“อาใหญ่ขา ใครเขาให้อาหาผู้ช่วยกันคะ ให้หาแฟนสร้างครอบครัวแล้วจะได้มีหลานให้คุณลุงคุณป้าอุ้ม”
“ก็อาชอบผู้หญิงแบบนั้นจริงๆ นี่ อาไม่ชอบผู้หญิงงี่เง่าตามหึงตามหวงเพราะอาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“แบบนี้หนูก็หมดสิทธิ์จีบเอยใหญ่เลยสิคะ”
“ที่ถามว่าสเปกอานี่คิดจะจีบอาหรือไงเจ้าเอย”
“หนูจีบอาใหญ่ได้ไหมล่ะ”
“อย่าเลยเรากับอาอายุห่างกันมากเกือบจะเป็นพ่อลูกกันได้เลยด้วยซ้ำ”
“หนูล้อเล่นหรอกน่า สเปกของหนูก็ไม่ใช่แบบอาใหญ่แล้ว”
“สเกคของเจ้าเอยเป็นยังไงล่ะลูก” คุณนิตตราหันมาถามหลานสาว
“หนูขอแค่ใจดีค่ะ”
“แค่นั้นเหรอเจ้าเอย”
“ใช่ค่ะ หน้าตามันก็เป็นแค่ส่วนประกอบแต่ถ้าได้หล่อ ก็ดีนะคะ”
“นั่นไงสุดท้ายผู้หญิงก็ต้องชอบผู้ชายหล่อ” ปีขาลพูดแทรกขึ้นมา
“มันก็จริงนี่คะ แล้วอาเสือไม่ชอบผู้หญิงสวยเหรอคะ”
“อาไม่เถียงหรอกนะว่าชอบผู้หญิงสวย แต่มันก็ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย”
“แล้วสเปกของอาเสือเป็นยังไงคะ บอกหนูได้ไหม”
“บอกแล้วทำไมเราจะจีบอีกคนรึไง”
“ไม่หรอกค่ะ เอาเสือกับอาใหญ่เป็นอาของเจ้าเอยนะนะ หนูจะจีบได้ยังไง หนูก็แค่อยากจะถามไว้เผื่อเจอผู้หญิงตรงสเปกของอาเสือจะได้แนะนำให้รู้จัก”
“อาชอบผู้หญิงน่ารักไม่ตามหึงตามหวงแค่นั้น”
“หนูไม่เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมผู้ชายไม่ชอบให้ผู้หญิงห่วง”
“ก็มันน่ารำคาญนี่เจ้าเอย” คนที่ตอบคือปภังกรเพราะเขาคิดว่ามันไร้สาระเอามากๆ
“ทำไมผู้ชายไม่คิดมั่งเหรอคะว่าที่เขาตามหวงตามห่วงก็เพราะเขารัก”
“ข้อนี้แม่เห็นด้วยกับเจ้าเอยนะ ถ้าเขาไม่รักไม่ชอบไม่รู้สึกดีด้วยเขาไม่ตามหึงห่วงหรอกเสือกับใหญ่น่าจะคิดดูใหม่นะลูก”
“ผมว่าอย่าเลยครับ แม่อายุผมสามสิบหกแล้วจะมีผู้หญิงที่ไหนมาชอบ”
“มีสิคะอาใหญ่ เดี๋ยวนี้เขาชอบชอบผู้ชายทรงแดดดี๊กันค่ะ บางคนเรียนมหาลัยแต่แฟนอายุสามสิบกว่าก็มีค่ะ เพื่อนเจ้าเอยที่เชียงใหม่เขาก็มีแฟนอายุมากกว่าถึงสิบห้าปีไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย แล้วอาใหญ่ทั้งหล่อทั้งหุ่นดีฐานะก็ดีหนูว่าหาแฟนไม่ยากหรอกค่ะ”
“ตอนนี้มันอาจจะไม่มีปัญหานะเจ้าเอยแต่แต่งงานกันไปนานนานมันก็ไม่แน่นะ คนหนึ่งอายุขึ้นแต่คนหนึ่งยังเขาเพิ่งเข้าสู่วัยกลางคน ทัศนคติการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์มันอาจจะต่างกันก็ได้และสุดท้ายปัญหามันก็ตามมาด้วยการเลิกลา”
“หนูว่าอาใหญ่มองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปนะคะ”
“อาว่าหนูมองโลกในแง่ดีเกินไปมากกว่านะเจ้าเอย คนเราจะรักกันและใช้ชีวิตด้วยกันมันมีองค์ประกอบอีกเยอะในจะครอบครัวเขาครอบครัวเรา สถานะการเงินสถานะทางสังคมคำว่ารักกันแค่นั้นมันไม่พอหรอก”
“ไม่รู้สิคะหนูคิดว่าความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรือสถานะทางสังคมอะไรเลยขอแค่คนสองคนเข้าใจกันมันก็น่าจะพอแล้วหรือเปล่า”
“ที่หนูพูดมันก็ถูกนะ แต่มันก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ไปถ้าเกิดหนูไม่ชอบผู้ชายคนหนึ่งรักกันมาก เขาดีกับหนูทุกอย่างแต่เขาเข้ากับครอบครัวเราไม่ได้ หนูก็ต้องคิดหนักแล้วว่าจะทำยังไง”
“หนูว่าคนที่หนูชอบครอบครัวหนูก็คงต้องชอบด้วยอยู่แล้ว”
“ตอนนี้เจ้าเอยมีคนที่ชอบหรือมีแฟนหรือยังล่ะ”
“ตอนนี้ยังโสดค่ะอาใหญ่”
“ถ้าอาใหญ่อายุน้อยกว่านี้นะป้าจะจับหนูคู่กับอาใหญ่เลย”
“ไม่เอาหรอกค่ะคุณป้า”
“เมื่อกี้หนูบอกว่าอาใหญ่หล่อหุ่นดีมีฐานะแล้วทำไมไม่เอาล่ะเจ้าเอย”
“ก็อาใหญ่เป็นอานี่คะ”
“แต่ไม่ใช่อาจริงๆ สักหน่อย”
“ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ เจ้าเอยอาใหญ่เหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเพราะฉะนั้นจะไม่เป็นแฟนกับญาติผู้ใหญ่เด็ดขาดค่ะ” เธอพูดขณะมองหน้าปภังกรเพราะไม่คิดอะไรกับเขาจริงๆ แต่หญิงสาวไม่กล้ามองหน้าปีขาลเพราะแอบรู้สึกดีกับเขามากกว่าอาหลาน
“ว่าป้าเลยไม่ได้เจ้าเอยเป็นลูกสะใภ้เลยนะ”
“เป็นลูกสาวดีกว่าค่ะป้า ส่วนลูกสะใภ้เดี๋ยวหนูจะช่วยหาให้ไอ้ใหญ่กับอาเสือด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องมาหาให้อาเลยอาอยู่คงอายเฉยๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว” ปภังกรรีบห้าม
“ตอนนี้อาใหญ่อาจจะยังสนุกกับเพื่อนอยู่แต่ค่อยดูต่ออีกหน่อยถ้าเพื่อนอาใหญ่กับไอ้เสือเขาแต่งงานมีลูกกันไปหมดแล้วจะเหงาเอานะคะ” หญิงสาวพูดตามที่คุณป้านิตตราสอนมา
“คนอย่างอาไม่มีทางเหงา”
“เพราะอาเสือเที่ยวกลางคืนบ่อยใช่มั้ยล่ะ” หญิงสาวพูดอย่างรู้ทันเพราะเขามักจะได้ยินเสียงเปิดประตูออกไปตอนดึกๆ ส่วนเขาจะกลับมาตอนไหนนั้นเธอไม่เคยรู้เลยเพราะหลับไปก่อนทุกที