คืนถิ่น

1176 คำ
ฉัตรกล้ายืนมองป้ายยินดีต้อนรับที่ติดอยู่ด้านหน้าโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอแห่งหนึ่ง 10 ปีแล้วที่เขาไม่ได้มาเหยียบโรงเรียนแห่งนี้อีกเลย มันคงเป็นเวลาที่นานมากสำหรับใครหลายๆ คนแต่สำหรับชายหนุ่มวัย 27 ปีแล้ว เขาคิดว่ามันเพิ่งผ่านไปไม่นานเขายังจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ได้ดี แม้จะมาเรียนที่นี่แค่หนึ่งปี แต่ก็มีความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ วันนี้เขากลับมาโรงเรียนเก่าอีกครั้ง เพราะทางโรงเรียนจัดงานคืนสู่เหย้าเพื่อหารายได้เป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนและจ้างอาจารย์ชาวต่างชาติมาสอนเพิ่ม ชายหนุ่มได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกันให้มาร่วมงานด้วย ซึ่งนี่ไม่ใช่ปีแรกที่ทางโรงเรียนจัดงานแต่มันเป็นปีแรกที่เขาว่างและกลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้ง “ไอ้กล้านั่นมึงใช่ไหม” เสียงเรียกทำให้ฉัตรกล้าหันไปตามเสียงแล้วเขาก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเขานั้นคือเพื่อนสนิทคนหนึ่ง “เฮ้ย! ไอ้อั๋นไม่ได้เจอกันนานยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะมึง” เขารีบเดินเข้าไปกอดณัฐพลเพื่อนรักที่มักจะโทรศัพท์คุยกันอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ได้เจอกันมาเกือบจะสองปีแล้ว “มึงก็ว่าไปกล้า กูยังหล่อไม่ได้เท่าครึ่งของมึงเลย แล้วนี่มาถึงนานหรือยังทำไมไม่เดินเข้าไปทางไหนวะ ไอ้เสกกับไอ้ป๊อบรออยู่ข้างใน” “กูเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้ ลงจากรถแล้วก็เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าโรงเรียน แล้วมึงล่ะเพิ่งมาถึงเหมือนกันเหรออั๋น” “กูมาถึงนานแล้วแต่ไปเอาของที่รถมา เข้าข้างในกันเถอะ ตามกูมาทางนี้เลยพวกนั้นกำลังรอมึงอยู่” ฉัตรกล้าก็เดินตามณัฐพลไปยังสนามฟุตบอลของโรงเรียนซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยโต๊ะเรียงกันอยู่นับร้อยโต๊ะ “งานใหญ่เหมือนกันนะ” “เออ ปีนี้จัดใหญ่กว่าทุกปี ปกติมีโต๊ะแค่ 50 โต๊ะแต่ปีนี้มันครบรอบ 70 ปีของโรงเรียนด้วยก็เลยขายโต๊ะมากหน่อย” ณัฐพลอธิบายให้ฉัตรกล้าฟังเพราะชายหนุ่มไม่เคยมางานที่โรงเรียนจัดขึ้นเลย “กูไม่ได้มาที่นี่นานเลยคุณครูเก่าๆ อยู่บ้างไหมวะ” “ก็พอมีอยู่นะแต่บางคนก็ย้ายไปที่อื่นบ้างก็เกษียณไปก็มีเยอะเดี๋ยวกูจะพามึงไปเจอครูวิไลก็แล้วกัน กูบอกครูว่ามึงจะมาครูเขาก็เลยอยากจะเจอมึงอยู่เหมือนกัน” “โอ้โห..แม่วิไลจำกูได้ด้วยเหรอวะ” “จำได้สิก็มึงมันลูกรักเขาไง เด็กหลังห้องแม่งไม่เคยตั้งใจเรียนแถมหลับตลอดแต่ดันสอบได้คะแนนเต็มวิชาของแก แกก็เลยจำได้นั่นไงครูวิไลอยู่ตรงนั้นพอดีเลย” ณัฐพลรีบเดินนำฉัตรกล้าไปหาครูวิไลที่กำลังยืนต้อนรับศิษย์เก่าอยู่ที่ประตูทางเข้าอีกทาง “สวัสดีครับครู” “สวัสดีจ้ะ นี่ใครกันนะ” ครูวิไลขยับแว่นแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นจำได้รางๆ ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร “โตขึ้นแล้วหล่อขึ้นเยอะเลยนะ นายกล้า” “ครูจำผมได้เหรอครับ” “จำได้สิก็เธอมันเด็กที่ชอบหลับในเวลาเรียนแต่พอสอบทีไรก็ทำคะแนนดีตลอดแต่น่าเสียดายที่เรียนแค่ปีเดียวก็ย้ายไปเรียนที่อื่นแล้วเป็นยังไงบ้างสบายดีไหม” “ผมสบายดีครับแล้วครูละครับ” “ก็สบายตามอายุ ปีหน้าครูก็จะเกษียณแล้ว” “ผมนึกว่าครูอายุสัก 50 นะครับ” “ยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะ” “ผมพูดจริงนะครับ ครูยังดูไม่แก่เลย” “เพื่อนเรานี่มันปากหวานจริงๆ นะนายอั๋น” “ก็มันช่างประจบแบบนี้ไงล่ะครูถึงไม่กล้าดุมัน” “ก็จริงนะ จะดุทีไรก็ทำประจบทุกที แล้วนี่นึกยังไงถึงมางานนี้ล่ะ ทางโรงเรียนจัดงานมาหลายปีแล้ว ครูไม่เคยเห็นเธอมาเลยนึกว่าจะลืมโรงเรียนเก่านี้ไปแล้วเสียอีก” “ไม่ได้ลืมหรอกครับผมไม่ค่อยว่าง ก็เลยได้แต่ฝากเงินมาช่วยโรงเรียน” “ครูรู้ ครูถึงอยากเจอเธอไง ตัวไม่มาแต่ฝากเงินมาทุกปีคุณครูใหม่ๆ ก็อยากจะรู้จักเราเหมือนกันนะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไปไหนก็มาที่โรงเรียนสิ ครูจะได้แนะนำให้ครูท่านอื่นรู้จัก” “เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับครูผมมีงานต้องทำอีกเยอะเลย” “อย่างนั้นเหรอไม่เป็นไร เอาไว้โอกาสหน้าคงได้มาเจอกัน” “ผมคงได้มาเจอครูบ่อยๆ ครับ” “หมายความว่ายังไงจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เหรอ แล้วจะอยู่กับใครล่ะ” ครูวิไลรู้ว่ายายของชายหนุ่มนั้นเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว “ไม่หรอกครับพอดี ผมต้องมาดูงานก่อสร้างอาคารของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดครับ” “โครงการนั้นหลายร้อยล้านเลย ได้คุมงานโครงการใหญ่ๆ แบบนี้เงินเดือนน่าจะสูงล่ะสิ” “ก็พอประมาณครับ” ฉัตรกล้าและณัฐพลไม่ได้คุยต่อเพราะมีแขกคนอื่นเดินเข้ามาครูวิไลก็ต้องรีบไปต้อนรับ ชายหนุ่มเดินตามณัฐพลไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว “ไอ้กล้าโผล่หัวมาได้สักทีนะมึง” เสกสรรทักทายเป็นคนแรก แม้จะไม่เจอกันนานหลายปีแต่เวลาเจอกันสรรพนามที่เรียกก็ยังคงเหมือนเดิม “ถึงกูจะไม่เคยโผล่หัวมาที่กูก็ส่งเงินมาให้ทุกปีเลยนะ” “ก็มึงมันรวยนี่หว่า” วสันต์ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วพูดขึ้นบ้าง เขารู้ดีว่าฐานะทางบ้านของเพื่อนไม่ธรรมดาเลย “แล้ววันนี้พวกเรามากันแค่นี้เหรอวะ” ฉัตรกล้ามองเก้าอี้ที่ว่างอีกสี่หัวแล้วถาม “เออมีกันแค่สี่คนนี่แหละ โต๊ะอื่นเขามีกันเต็ม” “อ้าว..แล้วคนที่เหลือไปไหน” “มันก็เหมือนมึงไงส่งแต่เงินมาแต่ตัวไม่เคยมา ยังว่าดีที่ปีนี้มีมึงมาเพิ่มนะ ปีที่แล้วพวกกูมีกันอยู่สามคนอายเขาฉิบหายเลย” “มึงจะอายทำไมวะ วันหลังมึงก็ชวนผู้หญิงมานั่งด้วยสิ” “ไม่ล่ะ ขืนพามาที่นี่เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะรู้วีรกรรมตอนเด็ก กูไม่อยากให้เขารู้” วสันต์ปฏิเสธ “ก็มึงเป็นซะอย่างนี้ไงผู้หญิงเขาถึงได้กลัว” ฉัตรกล้าพูดแล้วก็หัวเราะเพราะตอนเรียนวสันต์นั้นเป็นหัวโจกที่สร้างเรื่องไว้มากมายเหลือเกิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม