รู้สึกเหมือนอกหัก

1203 คำ
“แต่ผมไม่มีเสื้อสีฟ้าเลยครับพี่” ฉัตรกล้าบอกกับพี่ณิชา ตอนนี้เขาสวมเสื้อยืนสีขาว ถึงแม้เขาจะอยู่สีเขียวแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมใส่สีเขียวเหมือนคนอื่น เขาเลือกที่จะสวมเสื้อยืดสีขาวและใช้ผ้าพันคอสีเขียวแทน “ถ้าอย่างนั้นเอาผ้านี่ผูกข้อมือไว้ก็ได้นะ อย่างน้อยมันก็เป็นสีฟ้า” พี่ณิชาประธานสีปลดผ้าพันคอสีฟ้าของตนเองและช่วยฉัตรกล้าผูกที่ข้อมือ “แบบนี้ก็เป็นสีฟ้าแล้วโอเคไหม” “ครับพี่” เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้กับรุ่นพี่ เขาช่วยตีกลองให้สีฟ้าอยู่หลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงเวลาแข่ง แม้ว่าสีฟ้าจะไม่ชนะการแข่งขันแต่ฉัตรกล้าก็ดีใจมากที่เขาได้ใกล้ชิดกับรุ่นพี่มากขึ้น “ขอบใจมากนะที่มาช่วยพี่ตีกลองดูสิมือแดงไปหมดเลย เอาเจลเย็นนี่ไปประคบมือไว้นะจะได้ไม่เจ็บมาก” ณิชาภาเดินไปหยิบเจลเย็นในถังน้ำแข็งให้กับฉัตรกล้า “ขอบคุณครับพี่ ผมยังไม่ได้คืนผ้าพันคอพี่เลย” “ไม่เป็นไรพี่ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว” ณิชาภาบอกกับเด็กหนุ่มที่มาช่วยตีกลอง หญิงสาวไม่ได้ถามชื่อเขาเพราะกำลังวุ่นอยู่กับงานของตนเองและเมื่อเช้าตอนที่ครูวิไลแนะนำเธอก็ฟังไม่ค่อยชัด แค่ได้คุยกับพี่ณิชาแบบนี้ฉัตรกล้าก็รู้สึกว่าไม่เสียแรงเลยที่อุตส่าห์ตีกลองจนเจ็บมือไปหมด เขาเดินกลับมาหาเพื่อนที่รวมตัวกันอยู่หลังสแตนด์เชียร์สีเขียว “ไงวะมึง ยิ้มมาเชียว” วสันต์ส่งขวดน้ำให้กับฉัตรกล้าที่เพิ่งเดินกลับมาจากเต็นท์ด้านหลังของสแตนด์เชียร์สีฟ้า “กูได้คุยกับพี่ณิชาด้วย” “เขาคุยกับมึงด้วยเหรอวะ” ณัฐพลที่นั่งอยู่ก่อนแล้วถามขึ้น “เออสิ” “ที่เขาคุยกับมึงเพราะมึงไปช่วยเขาตีกลองไงไอ้กล้าแล้วมึงได้แนะนำตัวเองให้เขารู้จักหรือยังวะ” ณัฐพลถามเพื่อน “กูลืมว่ะ แต่ครูวิไลบอกเขาไปแล้วนะ” “แล้วพี่เขาไม่ถามชื่อมึงเลยเหรอ” “ไม่นะพี่เขายุ่ง มึงก็เห็นว่าเขากำลังช่วยกันเก็บของ” “นั่นไงเขาใช้งานมึงเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง ดีนะที่สีเขียวได้รางวัลกองเชียร์ถ้าไม่ได้ขึ้นมาล่ะมึงได้โดนประธานสีเขม่นแน่ๆ” “เจอก็เจอสิ กูไม่สนใจหรอกเพราะกูไปบอกครูบังอรแล้วครูบังอรยังบอกเลยว่ากูเป็นคนดีมีน้ำใจนักกีฬา” “เออมึงมันคนดีมีน้ำใจนักกีฬา แล้วมึงคิดจะมาช่วยสีตัวเองเก็บเต็นท์บ้างไหมกล้า” “ไหมล่ะตอนนี้กูถือว่ากูทำงานให้สีฟ้า” ฉัตรกล้ามองเพื่อนที่ตอนนี้กำลังช่วยกันเก็บขยะลงถุง “ปล่อยให้มันฝันหวานไว้เถอะไอ้ป๊อบ เดี๋ยวพวกเรารีบเก็บให้เสร็จจะได้ไปหาอะไรกันกิน หิวฉิบหายกับข้าวกล่องที่สีแจกก็ไม่อร่อย” วสันต์พูดไปด้วยเก็บของไปด้วย “พวกมึงจะไปกินอะไรกันวะ” พอพูดถึงของกินฉัตรกล้าก็หูผึ่ง “ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังโรงเรียนไง” เสกสรรตอบ “ร้านนั้นอีกแล้วเหรอวะทำไมไปบ่อยจัง” เพราะเลิกเรียนทีไรพวกเขาก็มักจะไปที่ร้านนั้นตลอด “ก็ร้านนั้นให้เยอะกว่าร้านอื่นนี่” เสกสรรเป็นคนกินเยอะเลยชอบร้านนั้นเป็นพิเศษ “กูว่าเปลี่ยนร้านบ้างเหอะเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” “แน่นะมึง” “เออ” “กินสเต๊กไหมกูเห็นมีร้านหนึ่งน่ากินมากอยู่ในตลาดไม่ไกลหรอกเดี๋ยวนั่งมอไซค์ไปกันก็ได้อัดสามไป” วสันต์เสนอ “มีสี่คนแล้วจะอัดสามไปอีกคนหนึ่งจะทำยังไง” “เดี๋ยวกูขับวนส่งพวกมึงสองรอบก็ได้ ว่าไงตกลงไหมกล้า” “อือ ไม่มีปัญหา วันนี้กูอารมณ์ดีจ่ายไม่อั้น” เมื่อบอกว่าจะมีคนเลี้ยงเพื่อนทั้งสามคนก็ตกลงจะไปทานสเต๊กร้านที่วสันต์เสนอ วสันต์ขับรถมาส่งฉัตรกล้าและณัฐพลจากนั้นก็ขับไปรับเสกสรรอีกรอบ ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งทานสเต๊กกันอย่างเอร็ดอร่อยฉัตรกล้าก็วางส้อมกับมีดลง “อิ่มแล้วเหรอวะ ไหนมึงบอกอร่อยจะกินสองจานไง” “เออมันจุกอกว่ะป๊อบ” “เป็นอะไรวะ” “เมื่อกี้กูเห็นพี่ณิชาเดินไปกับแฟนเขา” “เขาเดินไปกับแฟนเขามันก็ไม่แปลก ถ้าเขาเดินไปกับคนอื่นมึงค่อยตกใจ ตอนนี้กูว่ามึงรีบกินเถอะ” “กูกินไม่ลงว่ะ กูอกหัก” “มึงแค่แอบชอบเขากล้า มึงไม่ได้เป็นแฟนเขา” ณัฐพลเตือนสติ “ทำยังไงกูจะได้เป็นแฟนพี่ณิชาวะ” “ก่อนอื่นมึงต้องหล่อไง แต่ตอนนี้หน้ามึงไม่หล่อเลย” “เฮ้ยตอนเด็กๆ กูหล่อนะ แม่กูยังบอกเลยว่ากูหน้าตาดีที่สุดในบ้าน” “ก็นั่นมันตอนเด็กไง มึงดูสภาพมึงตอนนี้ก่อนกล้า ไหนละเหล็กดัดฟัน ไหนจะสิวเขรอะแล้วตัวมึงแม่งผอมเหมือนกับคนไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เลย” วสันต์พูดแล้วหัวเราเพราะตอนนี้ฉัตรกล้าห่างไกลกับคำว่าหล่ออยู่มาก “ทำไงได้ล่ะกูกินเท่าไหร่มันก็ไม่อ้วน” “มึงก็ต้องออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ” เสกสรรบอกเพื่อน “มึงรู้ได้ยังไงไอ้เสก” “กูเห็นพี่ชายกูออกกำลังกายมันมีกล้ามแล้วนะมึง” “แล้วมึงล่ะทำไมไม่มีกล้าม” “ก็กูไม่ได้ออกกำลังกายไง แม่งแค่มาเรียนกูก็เหนื่อยแล้วยังจะให้กูไปออกกำลังกายอีกเหรอฝันไปเถอะ” “แต่มึงอ้วนนะเสก” “เออแล้วที่กูอ้วนมันเป็นหนักหัวมึงหรือไงวะไอ้ป๊อบ” เสกสรรว่าเพื่อนยังไม่จริงจังนะ ฉัตรกล้ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ณิชาเดินมากับแฟนทั้งที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ารุ่นพี่คนนี้มีแฟน แต่ก็ไม่เคยเห็นทั้งสองคนเดินด้วยกัน แต่พอมาเห็นแบบนี้จิตใจของเขามันก็ห่อเหี่ยว ถึงแม้จะรู้ว่าพี่ณิชามีแฟนแล้วแต่ฉัตรกล้าก็ยังชอบรุ่นพี่คนนี้เอามากๆ ในแต่ละวันที่มาเรียนเขาจะแอบมองพี่ณิชาอยู่ตลอด ชายหนุ่มหวังว่าวันหนึ่งจะได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้อีกครั้ง อยากจะแนะนำตัวให้พี่เขารู้จักแต่ก็ไม่มีโอกาสนั้นเลย เพราะเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ฉัตรกล้าก็ย้ายกลับเข้ามาเรียนในกรุงเทพ จากนั้นเขาก็ไม่เคยได้ข่าวรุ่นพี่ที่ชื่อณิชาภาอีกเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม