‘โลกใบนี้มันไม่ได้สดใสเหมือนกับที่เห็นหรอกนะ...
เพราะในมุมที่สว่างไสวย่อมมีจุดมืดอยู่เสมอ มันก็เปรียบเสมือน...
ความดำมืดในจิตใจของมนุษย์ที่มักจะถูกซุกซ่อนเอาไว้นั่นแหละ’
เดอะพีค เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
คฤหาสน์ตระกูลหลงในยามนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ทยอยกันเข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้าของคฤหาสน์อย่างไม่ขาดสาย นับตั้งแต่เปิดคฤหาสน์ตอนสิบโมงเช้า แขกเหรื่อต่างก็ทยอยถือกล่องของขวัญล้ำค่าและหายากตบเท้ากันมายังสถานที่แห่งนี้นับสิบคนแล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่สามสิบสามของนายเหนือหัวแห่งตระกูลหลง
คฤหาสน์ตระกูลหลงเป็นคฤหาสน์สไตล์ยุโรปผสมผสานกับสถาปัตยกรรมจีนสร้างมานานกว่าห้าสิบปี ทว่าเพิ่งถูกปรับปรุงล่าสุดหลังจากที่ ‘หลงเทียนหลง’ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเมื่อสามปีที่แล้ว หลังการประกาศวางมือของ ‘หลงเฟิ่งหยา’ ผู้เป็นปู่
“ท่านหลงเป็นยังไงบ้างวันนี้ เห็นใครๆ ก็ว่าท่านอารมณ์ไม่ดีเลย”
เสียงซุบซิบของสาวใช้ดังขึ้นเงียบๆ ในตอนที่พวกเธอเดินสวนกัน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอสายตากราดเกรี้ยวดุดันของ ‘แม่บ้านจาง’ แม่บ้านผู้ดูแลคฤหาสน์ตระกูลหลงมาตั้งแต่สมัยท่านหลงเฟิ่งหยาเป็นหัวหน้าตระกูล
“ถ้ามีเวลาว่างมากนักก็ไปช่วยพวกในครัวไป”
แม่บ้านจางปรี่เข้าไปหาสองสาวแล้วพูดกับพวกเธอด้วยน้ำเสียงดุดันเฉียบขาด จนทั้งคู่ถึงกับสะดุ้งอีกครั้งแล้วรีบดิ่งไปยังห้องครัวตามบัญชาทันที
คนที่มีอำนาจในบ้านมากที่สุดก็คือแม่บ้านจาง เพราะท่านหลงไม่เคยสนใจว่าสาวใช้จะอยู่หรือจะไป ตราบใดที่ยังมีคนทำงานให้อยู่ สำหรับพวกเธอแล้วแม้กฎของคฤหาสน์ตระกูลหลงจะเข้มงวดมาก แต่เพราะเงินดีและเป็นงานสบายใครๆ ต่างก็อยากมาทำทั้งนั้น กฎอันเข้มงวดสองข้อหลักของคฤหาสน์ตระกูลหลงก็คือหนึ่ง...ทุกคนในบ้านจะต้องไม่เผยตัวให้ท่านหลงเห็นโดยไม่จำเป็น และสอง...ซึ่งสำคัญที่สุดคือสาวใช้ในบ้านหลังนี้ต้องไม่ปากมาก
พวกปากมากต้องออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลง และบางคนอาจไม่ได้ออกไปอย่างมีลมหายใจเหมือนตอนที่เข้ามา!
“ป้าจางเข้มงวดเกินไปหรือเปล่าครับ”
น้ำเสียงสดใสของหยวนเฟยเอ่ยขึ้นเป็นเชิงหยอกล้อแม่บ้านจาง ส่งผลให้ร่างอวบของ ‘จางจงเจี้ยน’ หันไปทางมือขวาคนสนิทของผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะส่งค้อนให้แก่อีกฝ่าย สีหน้าของนางแม้จะคลายความเคร่งเครียดแต่กลับเพิ่มความ บึ้งตึงมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะคลายออกในยามที่ตอบโต้หยวนเฟย
“ถ้าไม่เข้มงวด นังพวกนี้ก็ได้แต่เอาพูดโน่นพูดนี่ เกิดพูดไม่ดีแล้วเข้าหูคุณชายเทียนหลงคนที่ซวยก็คือป้านะคะ”
คงมีเพียงแม่บ้านจางและคนเก่าแก่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้เรียก หลงเทียนหลงว่า ‘ท่านหลง’ หากเรียกเขาด้วยสรรพนาม ‘คุณชายเทียนหลง’ ที่คุ้นชินซึ่งแสดงออกถึงความสนิทสนม สำหรับแม่บ้านจางแล้ว ก่อนที่นางจะผันตัวเองมาเป็นแม่บ้านของคฤหาสน์ตระกูลหลง นางเคยเป็นพี่เลี้ยงห้แก่ หลงเทียนหลงมาก่อน
สำหรับเด็กชายผู้ขาดแม่และอยู่กับผู้เป็นปู่ที่แสนจะเข้มงวด แม่บ้านจางซึ่งตอนนั้นรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กสามารถทำให้เด็กชายผู้เคร่งขรึมอย่าง หลงเทียนหลงยอมรับนางได้ อาจเป็นเพราะพี่เลี้ยงจางเป็นคนเพียงคนเดียวที่ดีต่อเด็กชายเทียนหลงในยามที่เคว้งคว้างและขาดความอบอุ่น เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ จึงก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างกัน
“ท่านหลงไม่ได้ยินหรอกน่า...”
หยวนเฟยอดแหย่แม่บ้านคนเก่งไม่ได้ ก่อนจะหัวเราะชอบใจเมื่อสบตาขุ่นคลั่กเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ของแม่บ้านจาง
“ไม่ว่าคุณ แต่ว่าป้าน่ะสิ!” นางบ่นอุบอิบเสียงเขียว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องในที่สุด “ว่าแต่คุณออกมาจากห้องรับรองแขกทำไมคะ?”
“ก็คุณชายเทียนหลงของป้าน่ะสิ” บางครั้งบางครา หยวนเฟยก็เรียกเจ้านายของตัวเองตามที่แม่บ้านจางเรียกขาน “ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นเช้ามาก็เอาแต่รับแขกที่หอบสมบัติแพงๆ มาให้ไม่ขาดสาย นี่ผมกลัวท่านหลงจะหิวตายก่อนเลยต้องมาขออาหารจากป้าให้เจ้านาย” หยวนเฟยตอบยืดยาว
“อ้อ…”
แม่บ้านจางพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้ว
วันนี้ท่านหลงตื่นสายกว่าปกติ อาจเป็นเพราะท่านนอนดึก แต่ท่านก็ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อมารอรับหน้าผู้คนที่เริ่มดาหน้าเข้ามาอวยพรไม่ขาดสาย
“ตอนนี้ท่านหลงงดรับแขกแล้วนะครับ ท่านสั่งมา ฝากป้าด้วยก็แล้วกัน”
หยวนเฟยสั่ง ก่อนจะเดินเข้าไปยังทิศทางของห้องรับแขกใหญ่ ซึ่งตอนนี้คนเป็นเจ้านายกำลังนั่งรับหน้าผู้ที่เข้ามาอวยพรอยู่ข้างในนั้น
“ได้ๆ”
แม่บ้านจางรับคำ ก่อนจะเดินหนีไปจัดการให้อย่างรวดเร็วตามที่ หยวนเฟยบอก
ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลหลงถูกตกแต่งด้วยสไตล์จีนตามรสนิยมของหัวหน้าตระกูลหลงสองรุ่นที่แล้ว และเจ้าบ้านคนปัจจุบันก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรนอกจากรักษาสภาพเดิมเอาไว้เท่านั้น มุมสุดของห้องโถงเป็น พื้นไม้ยกระดับ มีม่านบางขวางกั้นทำให้เห็นผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หรูหราตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่หลังม่านอย่างเลือนลาง
ที่ตรงนั้นผู้อาวุโสและสมาชิกขององค์กรระดับสูงต่างเรียกขานกันว่า ‘บัลลังก์มังกร’ และตอนนี้ร่างสูงสง่าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายเหนือสูงสุดผู้ที่รับตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’ คนปัจจุบันก็กำลังนั่งอยู่บนนั้น
หยวนเฟยก้าวตรงเข้าไปหาผู้เป็นเจ้านาย เขาเลิกม่านบางๆ นั้นออก เผยให้เห็นว่าผู้เป็นนายกำลังนั่งนิ่งด้วยทีท่าสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงหน้าคมคายนั้นเรียบเฉยแม้ว่าดวงตาสีดำจัดราวถ่านคู่นั้นจะเผยให้เห็นความเบื่อหน่ายอย่างที่สุดของผู้เป็นเจ้าของก็ตาม
“ผมสั่งป้าจางแล้วนะครับว่าหลังจากนี้ท่านไม่รับแขก”
หยวนเฟยรายงานพลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักของ ผู้เป็นเจ้านายไปด้วย วูบหนึ่งดวงหน้าเรียบเฉยนั้นมีความพึงพอใจฉายชัด ก่อนจะจางหายไป หลงเทียนหลงไม่พูดอะไรแต่กลับยืนขึ้นเตรียมผละจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ในเวลานี้
เมื่อเช้านี้ผู้เป็นเจ้านายของหยวนเฟยต้องมาอยู่ที่นี่เพื่อรอรับคำอวยพรของผู้อาวุโสทั้งห้าและสมาชิกระดับสูงอีกสามสี่คน มันเป็นธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติตาม แม้ว่าเจ้านายของเขาจะไม่ชอบก็ตามที หลังจากนั้นจึงเป็นการเข้าพบของเหล่าสมาชิกในระดับรองลงมา ทว่าเจ้านายของเขาไม่ต้องการพบใครอีกแล้วจึงได้สั่งยกเลิก
หยวนเฟยมองร่างสูงสง่าของผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะแหวกม่านออกกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายเดินผ่าน ฝีเท้าของหลงเทียนหลงเงียบกริบแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นในทุกย่างก้าว เรือนร่างสูงสง่านั้นอยู่ในชุดคอจีนสีดำปักลายมังกรด้วยไหม สีเดียวกับชุด จนแทบกลืนหายไปหากไม่ได้สังเกต
ใบหน้าของหลงเทียนหลงมักจะเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ น้อยครั้งที่มาเฟียหนุ่มจะแย้มยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทของหลงเทียนหลงมักมองตรงไปยังทุกๆ สิ่งด้วยความเฉยชา และไร้ความรู้สึก คล้ายกับว่าสิ่งที่เขาทอดมองนั้นคือสิ่งเดียวกันหมด ไม่มีความแตกต่างใดสำหรับหลงเทียนหลงทั้งสิ้น จมูกของเขาโด่งเป็นสันสวยรับกับริมฝีปากหยักลึกบางเฉียบสีสด ดวงหน้าขาวจัดตัดกับเส้นผม สีดำสนิทตัดสั้น ซึ่งในยามนี้ถูกจัดทรงให้เปิดเสยเผยโครงหน้าคมเข้างดงามของเขาทั้งหมด
รูปลักษณ์อันงดงามและท่าทีสง่างามทรงอำนาจของหลงเทียนหลงต่างทำให้ผู้พบเห็นหากไม่รู้สึกหวาดหวั่น ก็ต้องรู้สึกมั่นคง หลงเทียนหลงคล้ายกับเกิดมามีอำนาจของความเป็นผู้นำอย่างชัดเจน ใครต่อใครต่างยอมศิโรราบให้แก่เขาอย่างง่ายดาย ไม่ผิดไปจากสิ่งที่เขาเป็นในยามนี้เลยแม้แต่น้อย...
‘จักรพรรดิแห่งชิงหลง’
“อ้อ…” เสียงห้าวทุ้มดังมาจากคนที่จู่ๆ ก็หยุดเดิน ส่งผลให้หยวนเฟยกะพริบตาปริบๆ เมื่อครู่นี้เขาเผลอหลุดคิดอะไรมากเกินไปหน่อย เขาจ้องมองผู้เป็นเจ้านายด้วยสายตารอรับคำสั่ง “เมื่อวานจัดการเรียบร้อยไหม”
เพียงแค่เจ้านายปรายตามอง หยวนเฟยก็ทราบทันทีว่าฝ่ายนั้นต้องการจะถามถึงเรื่องใด...ถ้าไม่ใช่เรื่องนักฆ่าเมื่อคืนที่ผ่านมา!
“มีปัญหานิดหน่อยครับ”
สีหน้าของเลขาหนุ่มหน้าตี๋แสดงออกถึงความยุ่งยากใจ
“มันตาย?” หลงเทียนหลงถามสั้นๆ
หยวนเฟยส่ายหน้า “ยังครับ แม้ว่ามันจะอยากตาย...” พูดถึงตรงนี้เขาก็อดนึกถึงสภาพของนักฆ่าคนนั้นไม่ได้ มุมปากของคนสนิทหนุ่มเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่มันก็ยังไม่ยอมคายออกมา ว่าเจ้านายของมันคือใคร”
คิ้วเข้มที่พาดเหนือดวงตาคมดำจัดของคนฟังขมวดมุ่นเล็กน้อย เผยให้เห็นว่าหลงเทียนหลงไม่พอใจกับคำตอบนี้เสียเท่าไหร่นัก สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกนอกจากโบกมือเป็นเชิงให้หยวนเฟยหยุดรายงาน มาเฟียหนุ่ม ผละจากโถงใหญ่ตรงไปยังปีกตะวันตกซึ่งเป็นส่วนที่พักของเขาโดยมีหยวนเฟยตามไปเงียบๆ