บทนำ
ย่านมงก๊ก ฝั่งเกาลูน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
เวลา 02.36 น.
“แกมันไอ้สารเลว! สักวันแกจะไม่ได้ตายดี!”
พลั่ก!
เสียงบริภาษอย่างกราดเกรี้ยวดังออกมาจากปากของคนตรงหน้า ก่อนที่คนพูดจะทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะปลายเท้าของคนฟังตวัดใส่หน้าทันทีที่พูดจบ และเมื่อเขาทำท่าจะเข้าไปซ้ำอีกรอบให้สาสมกับความปากดีของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นว่าเขาดันถูกผู้เป็นเจ้านายยกมือห้ามเอาไว้เสียอย่างนั้น
ขนาดเขาคนฟังยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเลย ทำไมท่านหลงถึงได้นิ่งเฉยแบบนี้!
ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด ดวงตาเรียวถลึงใส่คนที่นอนกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวดเพราะแรงเตะเต็มๆ แรงของตนเอง เขามองมันยกมือขึ้นปิดปากแน่นขณะเลือดสีแดงสดไหลผ่านร่องนิ้วออกมาไม่ขาดสาย แต่ถึงอย่างนั้นภาพของมันก็ไม่ได้ช่วยให้ใจที่ร้อนรุ่มไปด้วยโทสะของเขาสงบลงสักนิดเดียว
“ฉันจะพูดกับเขาเอง”
ผู้เป็นนายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขณะที่ ‘หยวนเฟย’ ได้แต่ก้มศีรษะลงรับคำสั่งแล้วถอยห่างออกไปแม้จะไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขามองนายเหนือหัว ก้าวตรงไปยัง ‘เชลย’ ที่นอนฟุบอยู่กับพื้นสกปรกภายในตรอกโสโครกย่านมงก๊ก น้ำเฉอะแฉะเพราะฝนเพิ่งหยุดตกไม่ได้ทำให้นายเหนือหัวรังเกียจแม้แต่น้อย แม้ว่ามันจะกระเซ็นถูกรองเท้าหนังมันวับเป็นเงาที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ก็ตาม
หยวนเฟยมองภาพของชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ที่น่าจะมี ความสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรกำลังทรุดตัวลงมองร่างที่ฟุบหมอบกับพื้น ชุดทักซิโดสีดำขับให้นายเหนือหัวของเขาดูสง่างามราวกับเทพบุตร เพราะเจ้าตัวเพิ่งออกมาจากงานเลี้ยงฉลองหมั้นของลูกสาวคู่ค้าคนสำคัญ แต่กลับถูกดักโจมตีระหว่างทางกลับบ้านเสียก่อน แสงไฟจากหลอดนีออนกระทบเสี้ยวหน้าหล่อเหลาคมคาย ประกอบไปด้วยจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ดวงตาเรียวสีดำขลับคมกริบเห็นรอยพับสองชั้นชัดเจน คิ้วเข้มปลายชี้สะบัดเสริมให้ดวงหน้านั้นดูทั้งหล่อเหลา เย็นชา และดุดันมากขึ้น
รูปลักษณ์ของนายเหนือหัวยังคงงดงาม แม้ในยามที่กำลังจะมอบ ความตายให้แก่ใครสักคนก็ยังไม่อาจลดทอนความน่ามองของเขาลงไปได้...
“ยังไงแกก็ต้องตายอยู่ดีเทียนหลง! แกจะต้องตายเหมือนหมาข้างถนนเหมือนที่แกเคยทำกับพวกเรา!”
เจ้าของร่างสันทัดซึ่งหมอบอยู่กับพื้นบริภาษเสียงกราดเกรี้ยว ก่อนจะหอบหายใจจนตัวโยนเพราะอาการจุกเสียดบริเวณซี่โครงขวา เหงื่อเม็ดเล็กเย็นชื้นผุดพรายเหนือหน้าผากและสองข้างขมับเพราะความเจ็บปวดที่แทบจะทนไม่ไหว
ชื่อของนายเหนือหัวที่หลุดออกมาจากปากของนักฆ่ากระจอกตรงหน้าทำให้คนถูกด่ากระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบยังทอดมองร่างตรงหน้านิ่ง
“ความตายของฉันไม่ใส่สิ่งที่นายต้องใส่ใจหรอก...” เขาเอ่ยกับอีกฝ่ายออกมาเป็นประโยคแรก และนั่นก็เรียกสายตาเดือดดาลของคนเจ็บให้เงยหน้า มองมายังคนพูดได้
“แกมันไอ้สารเลวเทียนหลง!”
“...”
“เจ้านายของฉันจะตามล่าแก เขาจะฆ่าแกเทียนหลง! ฉันสาบานได้เลยว่าเขาจะฆ่าแก!”
“อย่างนั้นหรือ...”
ดวงหน้าหล่อเหลาของคนถามเรียบนิ่ง มุมปากเหยียดยิ้มหยันราวกับไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำขู่เลยแม้แต่น้อย และนั่นยิ่งทำให้คนถูกมองเดือดดาลมากยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องมาทำสีหน้าแบบนั้นใส่ฉัน ถ้าอยากจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลย! ฆ่าเดี๋ยวนี้!”
คนเจ็บตะโกนดังลั่น เขาพร้อมที่จะตาย แต่จะไม่ยอมตกอยู่ในกำมือของไอ้วิปริตอย่างมันเด็ดขาด!
ไอ้หมอนี่มันเป็นปิศาจ...มันไม่ใช่คนแล้ว!
“แล้วจะไม่บอกฉันหน่อยเหรอว่าเจ้านายของแกคือใคร ฉันจะได้เตรียมตัวต้อนรับถูก”
‘หลงเทียนหลง’ ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม เขายังคงรักษาความนิ่งสงบของตนเองเอาไว้ได้ ไม่มีแววโกรธเคืองในดวงหน้าหล่อเหลาคมคายเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้โง่อย่างแกไม่มีวันเข้าถึงเจ้านายของฉันหรอก!”
“ไอ้โง่อย่างนั้นหรือ?” เทียนหลงทวนคำพูดนั้น คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างสงสัย “ฉันไม่คิดว่าคำนั้นจะเหมาะกับฉันเท่าไหร่หรอกนะ”
“ท่านหลงครับ อย่าเสียเวลากับไอ้สวะนี่เลย จัดการส่งมันไปนรกเลยดีกว่าครับครับ”
หยวนเฟยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายดูจะสนุกกับการยั่วโทสะไอ้นักฆ่าที่ดวงถึงฆาตตรงหน้าอย่างสนุกสนาน แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์เหมาะสมที่นายเหนือหัวของตระกูลหลงจะมายืนอยู่ในตรอกโสโครกแบบนี้
“เฟย...” คนเป็นนายเรียกชื่อลูกน้องเสียงเย็น เป็นการปรามและแสดงความไม่พอใจที่หยวนเฟยกล้าขัดความสนุกของเขา
แต่คราวนี้หยวนเฟยไม่กลัวเหมือนอย่างที่ผ่านมา
“นะครับ พรุ่งนี้ท่านหลงมีงานตั้งแต่เช้า ท่านควรจะพักผ่อนเสียที เรื่องไอ้สวะนี่ส่งให้คนอื่นจัดการเถอะครับ ไม่นานเราก็จะรู้เองว่ามันเป็นคนของใครที่กล้าส่งมาแหย่ให้ท่านหลงต้องลำบาก”
“ฉันไม่ได้ลำบากอะไร”
เทียนหลงแย้งเสียงเรียบ แต่เมื่อเห็นสีหน้าดื้อดึงไม่ยอมแพ้ของหยวนเฟย เทียนหลงจึงถอนหายใจแผ่วเบาและยอมถอยให้แก่คนเป็นลูกน้องในที่สุด
“เอาสิ นายจัดการแล้วกัน”
“ครับ”
หยวนเฟยรับคำอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนเองเข้ามารับช่วงจัดการร่างของนักฆ่าที่ถูกส่งมาเสียก่อน ทว่าก่อนที่คนของเขาจะหิ้วร่างนั้นไปจัดการดับลมหายใจ เทียนหลงกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้ทุกคนหยุด เขาตรงไปหยุดยืนตรงหน้าร่างของนักฆ่าซึ่งตกเป็นเชลยในกำมือของตนเองด้วยรอยยิ้มเย็นที่ผุดพรายขึ้นบนริมฝีปากหยักสวย
“นายด่าว่าฉันวิปริตสินะ...” เขาเอ่ยทวนหนึ่งในถ้อยคำบริภาษที่ฝ่ายนั้นซึ่งติดอยู่ในใจของตนเอง
“ถุย!”
คนถูกถามไม่พูดอะไร ทว่ากลับถ่มน้ำลายใส่นายเหนือหัวแห่งตระกูลหลง น้ำลายนั้นกระเด็นแปดเปื้อนรองเท้าสีดำคู่มันวับของชายหนุ่ม
เทียนหลงไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับเบือนหน้าไปทางหยวนเฟยซึ่งยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลังแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“กรีดเนื้อของมันและเฉือนออกมาทีละชิ้น ระวังอย่าให้มันตายจนกว่าเราจะตามหาตัวเจ้านายของมันเจอ...ทำตามที่สั่งนะอาเฟย”
“ครับท่านหลง”
หยวนเฟยรับคำเสียงหนักแน่น ขณะที่ลูกน้องของเขาก็หิ้วปีกร่างนั้นซึ่งร้องโวยวายไปตลอดทางเพราะคำสั่งนั้น ส่งผลให้มันที่เยือกเย็นมาตลอดถึงกับโวยวายลั่นกับวิธีการรีดเค้นข้อมูลอันน่ากลัวของหลงเทียนหลง
ทว่าคนออกคำสั่งกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เขาเดินนำคนเป็นลูกน้องออกมาจากตรอกซอมซ่อนั่นอย่างช้าๆ ที่ปลายทางรถลิโมฯ สีดำมันปลาบกำลังจอดรออยู่
ทุกก้าวย่างของหลงเทียนหลงนั้นสง่างาม และเต็มไปด้วยความมั่นคง ทว่า…ทุกย่างก้าวของเขากลับสั่นสะเทือนความมั่นคงของใครหลายๆ คนเสมอจนกระทั่งเคยมีคนพูดเอาไว้ว่าทางเดินของหลงเทียนหลงนั้นเป็น ‘เส้นทางสีเลือด’ เพราะมันมักจะถูกชะโลมไปด้วยเลือดของบุคคลที่อาจหาญลุกขึ้นต่อกรกับ ‘ชิงหลง’
แต่เทียนหลงก็ไม่เคยลังเลที่จะเดินไปบนเส้นทางสายนี้...ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เต็มใจ แต่การอยู่บนจุดนี้ได้ก็เหมือนกับเขากำลังขี่หลังเสือ เมื่อไหร่ที่เขา ผ่อนปรนแรงจับยึด หรืออยากลงจากหลังเสือตัวนี้...คงมีแต่ความตายเท่านั้นแหละ ที่จะเปิดแขนอ้าออกรอต้อนรับเขาอยู่
ฉะนั้นแม้เส้นทางสายนี้บางคนจะพูดว่ามันคือเส้นทางที่เต็มไปด้วย เลือดเนื้อของคนที่เดินผ่านเพื่อขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด เขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินผ่านมัน
เพราะโลกใบนี้ไม่ได้ต้องการคนดี แต่โลกต้องการคนแข็งแกร่ง
ผู้ชนะเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ที่อยู่รอด และต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นปิศาจร้ายหรืออะไรก็ตามแต่ เขาก็ไม่เคยสนใจตราบเท่าที่เขาบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้
…นั่นก็คือ การก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของผู้ที่แข็งแกร่งบนโลกสีดำใบนี้อย่างไรล่ะ!