เมื่อขึ้นเครื่องบินตรงกลับไทย เธอก็เอาแต่เงียบขรึมไม่พูดจากับเขามากนัก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะไปร่วมทีมกับเขาหรอก เดี๋ยวเธอก็หาทางของเธอได้เอง
อนาคตเธอน่าจะขีดเส้นให้เดินเองได้สิ อุตส่าห์หนีเขาออกมาตั้ง 5 ปีแล้วจะกลับไปจุดเดิมทำไมกัน
เมื่อลงจากเครื่องเธอลาชวกรกับหมอคณิณที่ร่วมเดินทางไปครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากเกิดความไม่สงบขึ้นเสียก่อน ทำให้ได้มีเวลาทำงานด้วยกันแค่เพียงนิดเดียว แต่เธอคิดว่าทั้งสองคนเป็นหมอที่ดีเลยทีเดียว
“ลาตรงนี้นะคะ หวังว่าจะได้พบกับคุณทั้งสองอีก” เธอยิ้มให้อย่างสดใส แต่เมื่อหันไปมองอีกคนกลับได้เห็นใบหน้าที่บูดบึ้งอีกครั้ง
“ฉันล่ะ”
“คุณเป็นสิ่งที่ฉันอยากหลบที่สุด”
“กลัวล่ะสิ”
“ใครบอก รำคาญต่างหาก”
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก”
เธอไม่สนใจคำพูดของเขา เปิดประตูรถแท็กซี่ขึ้นไปนั่งด้านหลังแล้วปิดประตูไม่หันมองมายังเขาอีก
เมริษาได้รับสิทธิ์ให้พักสามวันเพื่อประเมินสุขภาพ และเช็กความพร้อมร่างกายก่อนมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งเธอก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องเป็นหนอนหนังสือ อ่านงานวิจัยทำงานวิจัยของเธอเป็นปกติ
เนื่องจากไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์เธอจึงไม่ได้กลับไปนอนกับแม่ เลือกนอนคอนโดของเธอที่ซื้อไว้ใกล้ ๆ โรงพยาบาล
ขณะที่นอนเป็นผักเฉาอยู่นั้น เสียงของโทรศัพท์ก็สั่นเตือนขึ้น
ครืด!!!
หมอวิน: คุณเอาชั้นในมาใส่กระเป๋าผมทำไม
หมอเมย์: ประสาท!
เธอพิมพ์แล้วก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียง พร้อมกับนอนหลับตาพริ้ม แต่เสียงข้อความก็ดังขึ้นอีก
หมอวิน: หลักฐาน
ฟืบบ!
เธอมองรูปที่เป็นชุดชั้นในนั้นเป็นของเธอจริง ๆ แต่มันไปอยู่ในกระเป๋าเขาได้ยังไง แต่เธอทำแกล้งไขสือไปก่อนก็แล้วกัน
หมอเมย์: ของผู้หญิงที่คุณพาขึ้นคอนโดหรือเปล่า
มาวินอมยิ้มให้กับคำตอบเธอ
หมอวิน: หึง
หมอเมย์: เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ลืมแล้วเหรอ
หมอวิน: เอาไปคืนที่ไหนผมกำลังจะออกไป
หมอเมย์: ไม่เอา!
เธอปิดเสียงแล้วก็ดึงหมอนเข้ามาใกล้แล้วชกใส่หมอนเสมือนว่ามันเป็นตัวแทนของเขา
“ไอ้หมอหื่น ไอ้หมอบ้า ไอ้บ้าลามก ไอ้พี่วิน” เธอรัวหมัดจนพอใจแล้ว แต่ก็ยังเห็นเขาส่งข้อความมาทางไลน์อีก
หมอวิน: ผมพกติดตัวตลอด เจอกันเมื่อไหร่จะคืนคุณทันที
เธอกดอ่านแต่ไม่ตอบ คุยกับเขาความรู้สึกเหมือนตัวเองประสาทจะกินบอกไม่ถูก
และแล้วความสงบสุขของเธอก็จางไป เมื่อคนที่ไม่อยากได้ยินเสียงโทรเข้ามา
สายเรียกเข้า ผอ. นยนา
“สวัสดีค่ะ ผอ.มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เย็นนี้ว่างไหม นัดทานข้าวกันหน่อย” นยนาเอ็นดูเมริษาเป็นพิเศษ เพราะว่าเคยแต่งงานกับเจ้าหลานชายตัวดีมาวินมาก่อน แต่เธอก็ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน และทั้งโรงพยาบาลก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
“ได้ค่ะผอ.” เมริษาที่วันหยุดอยากใช้ชีวิตอยู่บนเตียงก็ต้องหอบสังขารมาแต่งหน้าทำผมให้ดูเรียบร้อยเพราะว่า ท่านผอ. นัดทานอาหารที่โรงแรมหรู
เวลาหกโมงเย็นร่างเล็กในชุดสีน้ำตาลอ่อนลายสก็อตสไตล์เกาหลีเกาใจ เดินเข้าไปในโรงแรม แต่เมื่อมาถึงกลับเจอคู่กรณีอย่างมาวินที่เพิ่งเลิกทะเลาะกันผ่านไลน์ไปเมื่อช่วงบ่าย
“มาได้ไง?”
“ขับรถมา”
“ผิดประเด็น” เธอส่ายหน้าพร้อมกับนั่งเมื่อเห็นท่านผอ. กำลังเดินมาอยู่ไกล ๆ
“มาแล้วเหรอหมอเมย์นั่ง ๆ ตามสบาย” นยนาเห็นสองหนุ่มสาวกำลังจะลุกขึ้นต้อนรับเธอ จึงบอกนั่งทำตัวตามสบายแทน
“นี่รู้จักกันไว้สิ หมอมาวินหัวหน้าแผนกศัลยแพทย์ระบบประสาทโรงพยาบาล S”
“ค่ะ” เธอยิ้มให้แล้วก็โค้งให้เขา พอเป็นมารยาทเพราะเข้าใจว่า ผอ.ไม่รู้เรื่องระหว่างเราสองคน ในตอนแต่งงานไม่ได้มีญาติมามากนัก เรียกว่ารีบแต่งเพราะแม่ของเขาเท่านั้นเอง
“รู้จักกันแล้วครับ ร่วมทีมที่ตุรกีนอนด้วยกัน” หมอวินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่เรียกสายตาประหลาดใจให้กับอาสะใภ้เป็นอย่างมาก
‘ไม่ใช่ว่ารีเทิร์นหรอกนะ?’ นยนาคิดในใจอย่างเปรมปรีดิ์
“คืออย่างนี้ค่ะ สถานการณ์ตอนนั้นเป็นเหตุฉุกเฉินค่ะ ต้องแชร์เต็นท์นอนร่วมกันเลยจำเป็นต้องนอนด้วยกัน”
เสียงละล่ำละลักอธิบายให้ผอ. ฟังเหมือนตัวเองทำผิดเรียกรอยยิ้มให้กับคนตรงข้ามอย่างขบขัน
‘หมอบ้าฝากไว้ก่อนเถอะ’ เธอเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
“อ้ออย่างนั้นก็ดี จะได้สนิทกันเร็ว ๆ ฉันทำเรื่องให้เธอเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แพทย์อันดับหนึ่งแล้วนะ ทำให้ดีอย่าให้ฉันผิดหวัง”
“ละ...ลูก...ลูกศิษย์เหรอคะ” เสียงตะกุกตะกักเอ่ยออกมาทั้งมองหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ
“ใช่ นี่หมอวินหมออันดับหนึ่ง เขาไม่รับลูกศิษย์ง่าย ๆ หรอกนะ มีคนอยากสมัครเป็นลูกศิษย์กับเขาเยอะจะตาย หากไม่ได้รับการฝากฝังจากฉัน”