ตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!
เสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้องนอนขนาดใหญ่ท่ามกลางเสียงครางของทั้งสองคน ลิตานอนรับแรงกระแทกจากคิมหันต์นานหลายชั่วโมงโดยไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะยอมจบพายุสวาทนี้ลงง่ายๆ
แม้ภายในห้องมีเครื่องปรับอากาศกำลังทำงาน ทว่ากลับไม่ได้ช่วยดับไฟราคะในกายทั้งสองให้มอดไหม้ลงได้ หน้าอกกระเพื่อมไปมาตามแรงกระแทกที่ซัดสาดเข้าใส่ ก่อนจะโดนคนบนร่างครอบริมฝีปากลงมาดูดเลียยอดปทุมถัน
แรงกระแทกหนักหน่วงทำให้ลิตารู้สึกจุกไม่น้อย เรือนร่างขาวผุดผ่องเต็มไปด้วยรอยช้ำ และรอยรักจากฝีมือคิมหันต์
เธอไม่ควรเผลอไผลไปกับรสชาติ ‘เซ็กซ์’ ของคิมหันต์เลยจริงๆ ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งต้องเอาร่างกายเข้าแลกกับบางอย่างที่ไม่ใช่เงิน ยอมรับตรงๆ ว่ารู้สึกสมเพชตัวเองเหมือนกัน เคยพูดไว้ว่าจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้ ทว่าเธอกลับ ‘กลืนน้ำลาย’ ตัวเองเสียอย่างนั้น
“ไม่ไหวแล้ว…” ลิตาใกล้เสร็จอีกครั้งแล้ว เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ไม่ใช่แค่เธอที่ใกล้แตะขอบสวรรค์ เขาเองก็เช่นกัน
น้ำรักสีขาวขุ่นได้รับการปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง พายุสวาทรอบนี้ทำลิตาหมดแรงไปอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวนอนนิ่งไม่ไหวติง แต่ยังคงมีสติอยู่
คิมหันต์ยิ้มมุมปาก คืนนี้ลิตาเกือบสลบคาอกเขาไปแล้ว นับว่าอึดอยู่เหมือนกันที่ยังไม่สลบ แต่ก็ยังเกือบ…
“คืนนี้นอนที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้จะให้คนไปส่ง”
“ไม่…” น้ำเสียงแหบพร่าพูดออกมาเบาๆ เธอจะไม่นอนที่นี่อย่างเด็ดขาด
คำปฏิเสธของลิตาทำให้คิมหันต์ที่กำลังหยิบผ้าขนหนูมาพับรอบเอวสอบหันไปมองและกระตุกยิ้มมุมปาก
ลิตายังคงอวดดีกับเขาอยู่…
“ฉันจะกลับบ้าน”
“บอกแล้วไงว่าอย่าอวดดี ถ้าไม่อยากโดนลงโทษแบบเมื่อกี้อีก” อุตส่าห์ละลายพฤติกรรมของเธอ แต่ก็ยังคงดื้อรั้นไม่เปลี่ยนแปลง ความดื้อไม่เข้าใครออกใครจริงๆ โดยเฉพาะกับลิตา
เขาจะทำอย่างไรกับคนดื้อ คนนี้ดี
ลิตามักทำในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยทำกับเขา นั่นยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะเธอมากเท่านั้น
“หน้าที่ของวันนี้ฉันจบแล้ว ฉันจะกลับบ้าน” แม้ไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากนอนที่นี่
“ลุกให้ไหวก่อนเถอะแล้วค่อยอวดดี”
เธอไม่สนใจว่าคิมหันต์กำลังดูถูกอย่างไร ค่อยๆ ประคองร่างกายอันบอบช้ำและแสนอ่อนแรงขึ้น ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น คล้ายกับขาทั้งสองไม่มีความรู้สึก ถึงอย่างนั้นยังฝืนลุกขึ้น
พรึ่บ!
ตุ้บ!
เพียงแค่ยืน ร่างของเธอก็ร่วงกระแทกลงพื้นท่ามกลางสายตาคิมหันต์ เธอไม่ต้องการเป็นแบบนี้ต่อหน้าเขา เพราะมันยิ่งทำให้เขามองว่าเธอ ‘อวดเก่ง’ ใช่ ยอมรับว่าอวดเก่ง เธอไม่อยากนอนที่นี่ แถมห้องนี้ยังเพิ่งผ่านพายุสวาทมาหมาดๆ ไม่อยากนึกถึงมันอีก!
“หึ! อวดเก่ง” เขาเดินเข้าไปช้อนร่างลิตาขึ้นจากพื้น สภาพแบบนี้อวดเก่งจะกลับไปนอนบ้าน ลำพังแค่ยืนยังไม่มีแรงเลย
คิมหันต์วางลิตาลงเตียงนอน คนอวดดีตอนนี้ไม่แผลงฤทธิ์แล้ว แถมยังไม่พูดอะไรกับคนตัวโตอีกด้วย มีเพียงสีหน้าไม่พอใจที่แสดงออกมา
“คืนนี้นอนที่นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คนไปส่ง” พูดจบเขาหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนทันที
เมื่อข้างในห้องนอนเหลือเพียงตัวเองคนเดียว ความรู้สึกมากมายที่เก็บเอาไว้ถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา คนตัวเล็กร้องไห้ออกมาอย่างหนัก หลังจากพยายามเก็บซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ต่อหน้าคิมหันต์
เธอรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน มือเอื้อมไปดึงผ้าห่มขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันความอ่อนแอและความหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศ ทุกการกระทำของเขายังคงติดอยู่ในห้วงความรู้สึก
ต่อให้เสียใจยังไงเขาก็ไม่มีวันเห็นใจ
วันต่อมา
แกร๊ก
คิมหันต์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนที่มีลิตานอนอยู่ เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนห้องนี้แต่ไปนอนอีกห้องแทน ทันทีที่เดินเข้ามา ก็พบว่าลิตาไม่ได้อยู่ที่นี่เสียแล้ว…
“อวดเก่งจริงๆ” เขาพึมพำออกมาคนเดียว เดาว่าคงแอบหนีกลับไปแน่ๆ ยิ่งลิตาดื้อรั้นและอวดดีด้วยแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเอาชนะเธอ
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเมื่อสายตาพลันไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง
‘ขอโทษที่หนีกลับไปก่อน หวังว่าคงไม่โกรธและลงโทษฉัน และหวังว่านายจะทำตามสัญญา…’
ลิตาเขียนโน้ตไว้ให้คิมหันต์ก่อนกลับบ้าน คิมหันต์วางกระดาษไว้ที่เดิม เขาโทรไปบอกปู่ทำเรื่องผ่าตัดให้แม่ลิตาแล้ว ซึ่งปู่เขาก็ได้ตกลงเป็นที่เรียบร้อย
“ฉันจะทำยังไงให้เธอไม่กล้าอวดดีกับฉันอีกนะลิตา…”
ยังคงติดใจเรื่องที่เธอหนีบ้านแทนที่จะเชื่อฟังเขา ยอมรับว่าลิตาดื้อกว่าผู้หญิงที่ผ่านมาของเขา คงยากหากจะ ‘กำราบ’ เธอ แต่คงไม่ยากเกินไปสำหรับเขา
@มหาลัย E-N
ช่วงพักกลางวัน ณ โรงอาหาร
ลิตานั่งใจลอยโดยมือทั้งสองยังคงจับช้อนอยู่ท่ามกลางสายตาเพื่อนสนิทในกลุ่ม ทุกคนเห็นลิตาเอาแต่นั่งใจลอยไม่ยอมกินข้าวมาสองนานแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยถามจนกระทั่งเลิฟเริ่มทนไม่ไหว
“ลิตา!” เลิฟสะกิดจนลิตาหลุดออกจากภวังค์ความคิด
“ห้ะ?” เธอหันไปมองเลิฟที่นั่งข้างๆ ก่อนจะไล่สายตามองเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ด้วย
ทุกคนกำลังมองเธอ
“มีอะไรรึเปล่า?”
“แกนั่นแหละเป็นอะไรรึเปล่า นั่งใจลอยตั้งแต่ในคลาสเรียนไม่พอ มานั่งใจลอยตรงนี้อีก เป็นอะไรรึเปล่า” เลิฟถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“เปล่า” อันที่จริงก็มี แต่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
“สาบานว่าไม่มี?”
“อื้ม ไม่มีจริงๆ”
“มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามี ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไร เล่าให้พวกฉันฟังได้นะ” พลอยใส หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทพูดขึ้น
ปกติลิตาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จะสนุกเฮฮา และสดใสอยู่เสมอ ทว่าวันนี้กลับดูแปลกไปโดยสิ้นเชิง
“ขอบใจพวกแกทุกคนนะ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ กินข้าวต่อเถอะ”
ติ้ง~
เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำให้เธอหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครส่งอะไรมา พอเห็นชื่อเท่านั้นแหละ แทบอยากวางลงไม่คุยต่อ แต่ข้อความที่คิมหันต์ส่งมาทำให้เธอเลี่ยงกดเข้าไปอ่านไม่ได้
คิมหันต์ : ทำเรื่องผ่าตัดแม่เธอให้แล้ว พรุ่งนี้จะมีคนไปรับแม่เธอที่โรงพยาบาล ส่งชื่อโรงพยาบาล และชื่อแม่เธอมา
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำเมื่ออ่านข้อความที่คิมหันต์ส่งมา จากนั่งใจลอยนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนนี้เริ่มยิ้มออกแล้ว
เขาทำตามสัญญาที่พูดไว้จริงๆ ด้วย
ตอนแรกคิดว่าคิมหันต์จะไม่รักษาเสียแล้ว ถึงแม้เขาจะเลว และป่าเถื่อนมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยทำเลยก็คือ…การผิดสัญญา
‘จะเชื่อได้ยังไง ว่าไม่ได้โกหก’
‘ฉันเป็นพวกพูดแล้วไม่เคยคืนคำ พูดคำไหนคำนั้น’
อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณเขาเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้เขา ป่านนี้แม่เธอคงแย่
หลังจากเรียนภาคบ่ายเสร็จในช่วงบ่ายสามครึ่ง ลิตาและเพื่อนได้แยกย้ายกันกลับ ไม่ได้ไปที่ไหนต่อเพราะต่างคนต่างมีธุระต้องไปทำ ลิตาเดินลงจากตึกคณะนิเทศฯ อย่างอารมณ์ดีเพราะเรื่องแม่ได้ผ่าตัด
เท้าเล็กชะลอความเร็วลงเมื่อสายตาพลันเห็นใครบางคนยืนดักรออยู่หน้าตึกคณะ
“พี่สายฟ้า…”