รัชชานนท์กลับมาถึงกรุงเทพฯ เพียงแค่เลี้ยวรถเข้าประตูบ้านมา ก็มีคนมายืนรอต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวานที่ส่งทักทาย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปคล้องแขนออดอ้อนอย่างเช่นทุกครั้งที่เคยทำ
"พี่นนท์กลับมาสักทีนะคะ ลิตาคิดถึงมากเลย เห็นคุณพ่อบอกว่าทำเรื่องย้ายพี่นนท์กลับมาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้พี่นนท์ก็อยู่กับลิตาตลอดเวลาได้แล้วสิคะ"
สีหน้าของรัชชานนท์ดูเหนื่อย ไม่ได้ดูมีความสุขที่ได้พบเจอหน้ากับลลิตา ภรรยาในทะเบียนสมรสของเขาที่แต่งงานกันมานานมากกว่าสองปีแล้ว
"คุณพ่ออยู่ไหนลิตา?"
เสียงทุ้มถามหาพ่อตา แทนที่จะถามความเป็นอยู่หรือสารทุกข์สุขดิบของภรรยา ทำให้ลลิตาถึงกับทำหน้าเง้างอนสามีขึ้นอย่างอดไม่ได้ นอกจากจะทำตัวห่างเหินไม่สนใจกันแล้ว รัชชานนท์ก็ยังไม่คิดจะถามถึงความเป็นอยู่ที่ผ่านมาของเธอเลยสักนิด
"กลับมาถึงก็ถามหาคุณพ่อเลยนะคะ แล้วลิตาล่ะเคยสำคัญกับชีวิตพี่นนท์บ้างหรือเปล่า ที่ผ่านมาพี่นนท์ก็ให้ลิตานอนกอดทะเบียนสมรสอยู่คนเดียว แล้วตัวพี่ก็หนีไปประจำการที่อื่น เหมือนกับว่าจงใจหนีหน้าลิตา"
ดวงตาคู่คมหันกลับไปจ้องมองหน้าภรรยาในสมรสอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างลลิตากับเขา เธอและเขาต่างรู้กันดีว่ามีวันนี้ได้เพราะอะไร
"อย่ามาชวนพี่ทะเลาะนะลิตา พี่กับลิตาเราพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรือไง อย่าให้ต้องเอามาพูดซ้ำซากให้เป็นเรื่องทะเลาะกันอยู่อีกเลย ลิตาก็ได้ในสิ่งที่ลิตาต้องการ แต่ลิตาไม่ใช่เจ้าของชีวิตพี่"
"ทำไมจะไม่ใช่เจ้าของค่ะ ลิตาเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ลิตาก็เหมือนเจ้าชีวิตของพี่นนท์ครึ่งหนึ่งนั่นแหละ"
"อยากทำอะไรก็เชิญลิตา แต่อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตพี่นัก พี่ขอตัวไปพบคุณพ่อก่อน"
ขาสูงยาวก้าวเดินเข้าไปในบ้าน ไม่ได้สนใจภรรยาที่กำลังยืนจ้องมองอยู่ข้างหลัง ความรู้สึกของลลิตายากนักที่คนอื่นจะเข้าใจเธอ หญิงสาวมักเอาแต่ใจแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แม้แต่การแต่งงานที่เกิดขึ้นก็เป็นความประสงค์ที่เขาเองไม่อาจปฏิเสธหรือมีข้อต่อรองกับเธอได้เลย เพียงเพราะเห็นแก่คำว่าผู้มีพระคุณ เขาจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ประตูห้องทำงานของผู้การฉัตรเฉลิมถูกเปิดเข้าไป ร่างสูงใหญ่ของรัชชานนท์ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าพ่อตาของตนอีกครั้ง ชายหนุ่มไหว้ทักทายพร้อมกับเดินไปนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามไม่ให้เสียมารยาท
"สบายดีนะรัชชานนท์ ถ้าฉันไม่เรียกตัวกลับมา แกก็คงไม่คิดจะกลับมางั้นสิ?"
"ทำไมถึงต้องทำเรื่องย้ายผมกลับมาที่นี่ด้วย คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบอยู่กรุงเทพฯ เลย"
"ไม่ชอบอยู่กรุงเทพฯ เพราะว่าแกจะไปอยู่กินกับสาวชาวบ้านคนนั้นงั้นสิ ทำอะไรลงไปรัชชานนท์ แกไม่คิดจะไว้หน้าฉัน ไม่คิดจะไว้หน้าลูกสาวฉันเลยหรือยังไง แกลืมไปแล้วเหรอว่าแกมีเมียอยู่แล้วนะ"
"ผมไม่ได้ลืมครับคุณพ่อ แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบเธอคนนั้น เพราะเธอท้องลูกของผมอยู่"
"แล้วยังไง แกก็เลยคิดว่าจะเลิกกับลูกสาวฉันและไปอยู่กินกับนังนั่นงั้นสิ ฉันไม่ยอมให้แกทำแบบนั้นหรอกรัชชานนท์ เราเป็นผู้ชายนะเรื่องผู้หญิงมันก็ต้องย่อมมีบ้างฉันเข้าใจดี แกทำผู้หญิงคนนั้นท้องแกก็รับผิดชอบแค่ลูกในท้องสิวะ เอาเงินฟาดหัวไปเรื่องจะได้จบ ๆ ไม่งั้นก็บอกมันไปเอาเด็กออกซะจะได้จบปัญหา แกจะเอาผู้หญิงพันธุ์นั้นมาเชิดหน้าชูตาออกนอกหน้า ทั้งที่แกก็ถือทะเบียนสมรสอยู่กับลูกสาวฉันนี่นะ แกจะหักหน้าฉันหักหน้าลลิตา ฉันคงไม่ยอมหรอกรัชชานนท์!"
"แล้วคุณพ่อจะให้ผมทำยังไง คุณพ่อก็รู้ว่าถ้าผมทำอะไรลงไปแล้วผมย่อมรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำ ผมเป็นคนไม่เอาเปรียบใครนะครับคุณพ่อ ผมยืนอยู่บนความซื่อตรงและซื่อสัตย์ แต่บางทีความซื่อตรงของผมมันก็ทำร้ายตัวผมอย่างที่ผมต้องยอมรับในทุกวันนี้"
"เอาเถอะรัชชานนท์ ยังไงแกก็กลับมาแล้ว แกจะไม่มีวันได้กลับไปที่นั่นอีก ประจำการที่สำนักงานใหญ่ทำงานอยู่ใกล้ฉันนี่แหละดีที่สุดแล้ว ลูกฉันจะได้เลิกบ่นฉันหูชาสักทีนึง แกควรจะทำให้เมียแกมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่นะรัชชานนท์ สองปีมานี้ฉันยอมให้แกปล่อยปะละเลยลิตา แต่นับจากวันนี้แกจะหมดโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว อิสรภาพของแกหมดสิ้นลงตั้งแต่วันนี้ เข้าใจแล้วนะ เชิญแกไปพักผ่อนได้ตามสบายเลย"