ตอนที่ 1 ของขวัญวันครบรอบแต่งงาน
สองขีด...
ธารมิการับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกระหว่างเธอและเขา จากเมื่อก่อนแม้เขาจะเย็นชาแต่ว่าก็ยังดูแลเธอใกล้ชิดในฐานะภรรยา รวมถึงยังนอนด้วยกันทุกคืน จนเมื่อเข้าใกล้ปีที่สามในการแต่งงาน เขาเริ่มแยกตัวออกห่างและไม่เคยทำการบ้านเหมือนเคย ที่เขาบอกอยากรีบมีทายาท แต่ทว่าก็ผิดหวังมาหลายครั้งหลายหน จนเธอคิดว่าที่มีไม่ได้เพราะสุขภาพของเธอและเขาไม่แข็งแรงหรือเปล่า จึงชวนกันไปตรวจแต่ทว่าผลปรากฏว่าแข็งแรงทั้งคู่ คุณหมอจึงลงความเห็นว่าเพราะพวกเราอยากมีลูกจนเกิดความเครียดเกินไปจึงไม่มีสักที ควรผ่อนคลายลงบ้าง
และหลังจากนั้นเขาและเธอก็มีเรื่องระหว่างสามีภรรยากันบ้างแต่ไม่บ่อยนัก ยิ่งช่วงหลังหนึ่งเดือนจะมีสักหนึ่งหรือสองครั้งจนเดือนที่ผ่านมาไม่มีเลยสักครั้งทำให้เธอทดท้อใจคิดว่าเขาไม่รักเธอแล้วหรือเปล่า และโทษตัวเองซ้ำ ๆ ว่ามีลูกให้เขาไม่ได้เขาจึงห่างเหินไป จนกระทั่งวันครบรอบแต่งงาน เป็นวันที่เธอและเขามักจะนัดกันกินข้าวด้วยกันเสมอ ต่อให้เขาติดงานเขาก็จะทิ้งงานเพื่อมากินข้าวกับเธอในสองปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ผ่านไปสองทุ่มแล้วโต๊ะที่จองเอาไว้มีเพียงเธอคนเดียว และเธอส่งข้อความไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเขากลับไม่เปิดอ่าน
ดวงตากลมโตมองไปยังกล่องของขวัญเล็ก ๆ ยาว ๆ เป็นของขวัญที่เธอคิดว่าจะให้เขาวันนี้ ความพยายามของเธอและเขาตลอดสามปีสุดท้ายสำเร็จสักที จากเดิมที่ดีใจมาตลอดวันความเศร้าเริ่มกัดกิน เธอเพิ่งตรวจรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์แล้วเธอดีใจมากที่สุด และอยากเซอร์ไพรส์ในวันครบรอบแต่งงานของเรา
“ลูกแม่...คราวนี้แม่จะได้จดทะเบียนสมรสเสียที จะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วนะลูก” เพราะรอจนรู้สึกเหงาจึงเอามือลูบหน้าท้องคุยกับลูกทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าลูกมาอยู่ในท้องกี่สัปดาห์แล้ว
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงร่างสูงสง่าในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว แกะกระดุมสองเม็ดด้านบน สวมทับด้วยสูทสีเทาเข้ารูปขับให้เขาดูหล่อเหลาจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ว่าหล่อแค่ไหน และเธอก็ชอบแอบมองสามีที่สุด
เธอส่งยิ้มให้เขาแต่เขาเพียงกดริมฝีปากลึกตอบกลับเธอเท่านั้น ก่อนที่บริกรจะทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารที่สั่งเอาไว้ และแน่นอนว่าเป็นอาหารที่เขาชื่นชอบเพราะเธออยากเอาใจเขา
“พี่ภูทำงานเหนื่อยไหมคะ” น้ำเสียงสดใสไม่เจือความน้อยใจที่เขามาช้าเปล่งออกทักทายสามี
“นิดหน่อย มีเรื่องต้องจัดการ” ภูธรตอบเสียงเรียบไม่ได้รู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าภรรยาที่ตัวเองเริ่มเหินห่างสักนิด
“เดี๋ยวธารหั่นให้ค่ะ” จานสเต๊กเสิร์ฟมาเธอก็แย่งเขาไปหั่นให้อย่างภรรยาที่ทำหน้าที่ดูแลสามีอย่างดี เพราะว่าเขาทำงานข้างนอกมาเหนื่อยมากพอแล้ว เธอเลือกสเต๊กเนื้อที่เขาชอบ ส่วนเธอเป็นสเต๊กปลาเพราะอยากดูแลสุขภาพตั้งแต่วันแรกที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของลูกในท้อง
“พี่ทำเองได้” ภูธรที่เมื่อก่อนมักจะให้เธอทำในสิ่งที่เธออยากทำเพื่อเอาอกเอาใจเขา แต่ทว่าวันนี้มันก็ใกล้เวลาที่สัญญากันไว้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องให้เธอมาทำอะไรให้
แต่ทว่าธารมิกากลับคิดไปตรงกันข้าม ที่ว่าเขาคงกลัวเธอเหนื่อยในการดูแลเขาสินะ ขนาดยังไม่รู้ว่าเธอมีลูกเขายังแสนดีขนาดนี้เลยนะ หากเขารู้ข่าวดีนี้เธอคงเท้าไม่ติดพื้นละมั้ง
แต่ธารมิกาก็ได้แค่ฝันเฟื่องไปเท่านั้น เพราะนั่นมันเป็นเรื่องที่เธอคิดไปเอง
“กลัวธารเหนื่อยเหรอคะ ที่จริงแค่หั่นไม่เห็นเหนื่อยเลยนะ ธารทำได้และเต็มใจทำให้คนที่ธารรักที่สุด” เสียงเจื้อยแจ้วยังคงเปล่งออกไปโดยไม่รู้เลยว่าอีกคนกำลังจะบอกข่าวร้ายกับตัวเอง
เมื่อจานหลักผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จนสายธารแปลกใจว่าเหตุใดเขาถึงรีบกินนัก แต่เธอก็ไม่ได้เฉลียวใจคิดว่าเขาน่าจะหิวมาก จึงยกมือให้เสิร์ฟของหวานต่อเลย แต่เธอเลือกเป็นผลไม้แทนเพราะกลัวจะมีภาวะเบาหวาน แค่รู้ว่าท้องเธอก็หาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับคุณแม่ตั้งครรภ์เสี่ยงอะไรบ้างแล้ว แต่ของหวานที่เขาชอบคือทีรามิสุ แม้ว่าเธอเองก็อยากกินแต่ต้องฮึบเอาไว้ก่อน
“ธารมิกาพี่มีอะไรจะบอก” ภูธรเริ่มพูดอย่างจริงจัง ใบหน้าของเขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเครียดแค่ไหน แต่อีกคนก็เบิกบานร่าเริงราวกับไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้เลย
“ธารก็มีอะไรจะบอกเหมือนกันค่ะ แต่ให้พี่ภูบอกก่อนเลยค่ะ เพราะเป็นคนที่สายธารรักนะเนี่ยถึงยอมให้พูดก่อน”
ธารมิกาจินตนาการไปไกลแล้วแค่เขาพูดว่ามีอะไรจะบอก หรือเป็นสิ่งที่เธอรอคอยมานานแสนนานนะ เรื่องจดทะเบียนสมรสที่ยังค้างคา หากเป็นเรื่องนี้เธอจะแต่งตัวรอตั้งแต่คืนนี้เลยเพื่อไปจดทะเบียนกับเขา นี่ไม่ได้ตื่นเต้นเลยนะพูดจริง ๆ
“เราเลิกกันเถอะ!”
เพล้ง!
เสียงช้อนจิ้มผลไม้ร่วงลงจากมือที่กำลังถือเอาไว้รอคอยว่าเขาจะบอกข่าวดีกับเธอ แต่ทว่ามันดันเป็นข่าวร้ายเสียได้
ธารมิกาอึ้งพร้อมกับมองหน้าสามีอย่างค้นหาคำตอบว่าแท้จริงแล้วเขากำลังล้อเธอเล่นอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาแกล้งเธอให้ตกใจก่อนจะมีเซอร์ไพรส์ แต่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ กระทั่งเสียงลมหายใจของเขาเธอยังได้ยินด้วยซ้ำ
“พี่ภูแกล้งสายธารใช่ไหม อย่าล้อเล่นอย่างนี้สิ ตกใจหมดเลยนะ”
เงียบ!
แต่เป็นความเงียบที่เสียงดังมาก ดังจนเธอเข้าใจแจ่มแจ้งว่าที่ผ่านมาเธอและเขาไม่ได้มีความรักให้กันเลยหรืออย่างไร ทำไมในดวงตาของเขายามนี้มองไม่เห็นร่องรอยความรักความอาทรที่เคยสังเกตได้ในบางครั้งนะ หรือทุกอย่างที่เขาทำก็คือการแสดง
แต่มันตั้งสามปี...สามปีเชียวนะ
“พี่ภู...ธารว่าเราค่อย ๆ คุยกันไหมคะ หากธารทำอะไรผิดหรือทำให้ไม่พอใจบอกธารได้เลยนะ ธารยินดีปรับ หรือว่าเพราะธารยุ่งเรื่องของพี่เกินไป ต่อไปธารจะไม่ส่งข้อความไปหาแล้วก็ได้ค่ะ...หรือว่า...”
“ธาร...พอเถอะ...พี่ทนมานานแล้ว ในเมื่อมันไม่ใช่อย่างที่หวังก็จบกันด้วยดีจะดีกว่าทนอยู่กันต่อไปอย่างไม่ได้รัก”
ไม่ได้รัก...งั้นเหรอ!
ทำไมธารรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางอกนะ เขาไม่ได้รักเลยเหรอ ทั้งที่สามปีนี้พยายามอย่างที่สุดให้เขารักเธอ แต่มันไร้ประโยชน์อย่างนั้นเหรอ
“บอกเหตุผลได้ไหมคะ...หาเป็นเรื่องลูก...เรื่องนั้นธารกำลัง...” แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบเขาก็พูดแทรก
“พี่ไม่ได้ต้องการที่จะมีลูกกับธารจริง ๆ”
โกหก...โกหกชัด ๆ ทำไมเขาใจร้ายขนาดนี้นะ ไม่เห็นใจเธอเลยหรือไง นี่เธอเป็นผู้หญิงนะ
“แล้วที่ผ่านมา...”
“ก็แค่ทำตามหน้าที่หลานที่ดี สามปีก็สิ้นสุดเวลาที่ตกลงกันไว้แล้ว จากนี้ไปต่างคนต่างอยู่ อยากได้อะไรก็บอกมาพี่ชดใช้ให้ธารได้ทั้งหมด”
ฮะ...เขาบอกแค่ทำตามหน้าที่ เรื่องบนเตียงก็ด้วยงั้นเหรอ แต่เขาแนบเนียนมากเลยนะ ทำเหมือนหลงใหลในร่างกายเธอจนเธอแอบคิดอยู่ลึกๆว่าสักวันเขาต้องรักเธอจริง ๆ
แต่วันนี้กระจ่างแล้ว
“แล้ว...ถ้า...” ธารมิกากลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“แล้วถ้าพี่ไม่ได้รัก พี่แต่งงานกับธารทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธไปตั้งแต่เริ่มต้น จะได้ไม่ต้องให้ธารเสียเวลา”
“พี่ถูกบังคับ”
บังคับเหรอ...หึ...เขาแค่ถูกบังคับงั้นเหรอ ง่ายดีเนอะ
“แล้วพี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าหากธารท้องขึ้นมาจริง ๆ ลูกจะเสียใจแค่ไหนที่ไม่มีพ่อ”
ภูธรยกยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยความขมขื่น
“หากมีพ่อที่ไม่ได้รัก ก็ไม่ควรจะมีเสียดีกว่าว่าไหมล่ะ” พูดจบภูธรก็ลุกหนีเธอไปเลย โดยไม่หันกลับมามองหรือถามไถ่ด้วยซ้ำว่าเธอมายังไงหรือกลับยังไง
ธารมิกามองดูกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินสี่เหลี่ยมยาวแล้วเปิดออกดู มันคือที่ตรวจครรภ์ที่ขึ้นสองขีดและมันคือของขวัญที่คิดว่าเธอจะมีครอบครัวอบอุ่นในวันนี้แล้ว แต่ทว่ากลับถูกบอกเลิกในวันครบรอบแต่งงาน และวันที่รู้ว่ากำลังมีดวงใจน้อย ๆ มาอยู่ด้วย
“เขาไม่ต้องการแม่ หรือไม่ต้องการหนูกันแน่ลูก!”
ดวงตาคู่สวยมองไปยังบรรยากาศยามค่ำคืนด้านนอก ที่วันนี้ดูเหมือนจะมีแต่ความมืดมนนัก ไม่ต่างจากความรู้สึกของ ธารมิกาเลยสักนิด ที่มันมืดมนราวกับหาทางออกไม่เจอ...