บทที่ 2
หนึ่งคืนแลกกับ...?
สามชั่วโมงผ่านไป เหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง ทว่าวริศต้องมานั่งกุมขมับด้วยรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ กับผลของเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และสงครามขนาดย่อม ๆ ที่กำลังจะปะทุขึ้นอีกในไม่ช้ากลางสถานีตำรวจ
“ถ้าจะทำกันขนาดนี้ก็เลิกกันไปเลยดีกว่าไหม” คนเจ็บที่มีผ้าก็อชสีขาวพันรอบศีรษะเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์โมโห โกรธที่ถูกคนรักทำร้าย เจ็บตัวไม่เท่าไร แต่ที่ทำให้ชายหนุ่มรับไม่ได้คือการโดนฉีกหน้าจนต้องอับอายท่ามกลางสาธารณชน
“เออ! ชั่ว ๆ อย่างมึง กูไม่คิดจะเก็บเอาไว้ทำพันธุ์หรอก” รุ้งตะวันตอบกลับด้วยความโมโหไม่ต่างกัน ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่ทำให้อีกฝ่ายหัวร้างข้างแตก ออกจะนึกเสียดายด้วยซ้ำที่ไม่ลงแรงให้มากกว่านี้ อย่างน้อย ๆ มันก็ควรจะได้แอดมิตสักสามสี่คืน
ไม่น่ายั้งมือไว้เลย!
“แล้วทำไมต้องทำกันขนาดนี้ คุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือยังไงวะ” ครั้นเห็นแววตาดุกร้าวและรู้สึกว่าครั้งนี้หญิงสาวเอาจริงกว่าครั้งไหน ๆ เตชาวัตจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย แต่ก็ยังแข็งและเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจที่สาวเจ้าอุกอาจเข้ามาทำร้ายตนถึงกลางผับดังเช่นนั้น
“กูคุยดีกับมึงมากี่รอบแล้วเต มึงก็ยังทำนิสัยเหี้ย ๆ ใส่กูเหมือนเดิม กี่ครั้งแล้วที่มึงนอกใจกูไปเอากับคนอื่น!” รุ้งตะวันยืนชี้หน้า สาดอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ในอกใส่ชายหนุ่มที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟน ตวัดสายตาไปมองหญิงสาวอีกคนที่นั่งเชิดหน้าไม่รู้สึกรู้สาอยู่ข้าง ๆ กันครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปพูดกับแฟนหนุ่มซึ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตอีกครั้ง “คนอย่างมึงมันสมควรโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ หัวแตกแค่นี้มันยังน้อยไป กูถามมึงจริง ๆ เลยนะ มันเ****นขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้แอบไปเอากับคนอื่นลับหลังกูอยู่ตลอด”
“กลับไปคุยกันที่ห้อง” เตชาวัตกัดฟันพูดเสียงเบา ใบหน้าชาด้วยรู้สึกเหมือนโดนประจานต่อหน้าตำรวจและกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในสถานีตำรวจแห่งนี้ ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ เขาอยากสวนกลับไปใจแทบขาด ทว่าถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนซ้ำเติมตัวเอง
“ไม่! ถ้าจะคุยก็คุยให้จบตรงนี้ เพราะต่อจากนี้กูกับมึงจะไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันอีก” หญิงสาวว่าอย่างเด็ดเดี่ยว เธอเจ็บและโง่งมยอมให้อภัยมาหลายครั้งแล้ว ต่อไปนี้เธอจะไม่ทนอีกต่อไป
“คือจะเลิกกันจริง ๆ ใช่ไหม”
“เออ! พอกันทีกับผู้ชายชั่ว ๆ อย่างมึง ถ้ามันเ****นนัก ต่อไปนี้ก็เชิญไปสมสู่กันตามสบาย มึงกับกูจบกันตั้งแต่วันนี้”
“เออ! จบก็จบ” ในเมื่อเธอยืนยันมาขนาดนี้ เตชาวัตก็ไม่รั้งไว้ ทั้งยังรู้สึกเสียหน้าที่ถูกบอกเลิกต่อหน้าคนเยอะแยะ และด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง กอปรกับไหน ๆ ก็เสียหน้าไปแล้ว ชายหนุ่มจึงพูดสิ่งที่คิดออกไปเพื่อเอาความสะใจ “แล้วกูจะบอกอะไรให้นะ ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนทนมึงได้เท่ากูหรอก”
“ทำไม กูมันทำไม!” รุ้งตะวันรีบถามกลับเสียงดังทันที มือเล็กกำแน่นเพราะโกรธจัด
“มึงมันน่าเบื่อ! จะเอาก็ไม่ให้เอา แบบนี้ไงกูถึงต้องไปเอากับคนอื่น กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึง รู้ไว้ซะ!”
ได้ยินแบบนั้นร่างบางก็ยิ่งเดือดมากขึ้นอีกเท่าตัว รีบสวนกลับไปทันที “งั้นมึงก็รู้เอาไว้ซะ ว่าที่กูไม่ให้มึงเอาก็เพราะมึงมั่วแบบนี้ไง กูกลัวติดโรค ไอ้เหี้ย! มึงไม่ต้องมาโทษกูเลยนะ ที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงนั่นแหละ!”
รุ้งตะวันโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงหมายจะฟาดใส่แฟนเก่าซึ่งนั่งห่างไปประมาณหนึ่งเมตรอีกครั้ง ทว่าก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อข้อมือเล็กถูกเจ้าของร่างสูงที่มาด้วยกันคว้าเอาไว้
“ใจเย็น ๆ หน่อยคุณ” วริศบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้เขาเริ่มจะหมดความอดทน ความอยากที่มีก่อนหน้านี้ก็หายไปเกือบหมดแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาจัดการเรื่องที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อ มิหนำซ้ำยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย
หาเรื่องซวยแท้ ๆ
“คุณจะให้ฉันเย็นได้ยังไง ดูมันสิ สำนึกผิดที่ไหน แถมยังโยนความผิดมาให้ฉันแบบหน้าด้าน ๆ อีก”
“ก็แล้วคุณจะไปใส่ใจทำไม คุณจะเลิกกับเขาแล้วไม่ใช่เหรอ เขาจะคิดยังไงก็เรื่องของเขาสิ”
“…” หญิงสาวพลันฉุกคิดขึ้นได้เมื่อเขาพูดจบ ซึ่งมันก็จริงแฮะ เธอจะไปใส่ใจทำไมเพราะอย่างไรก็จะเลิกกันอยู่แล้ว
พอคิดได้รุ้งตะวันก็ไม่ตอบโต้อะไรกลับไปอีก ทว่าคนที่ไม่ยอมจบกลับเป็นเตชาวัต ร่างสูงที่ศีรษะถูกพันด้วยผ้าก็อชมองแฟนสาวกับผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวมีภูมิฐานที่นั่งเคียงข้างสลับกันไปมา ก่อนจะยิ้มหยันที่มุมปากแล้วพูดขึ้นอย่างหาเรื่อง
“ที่อยากเลิกกับกู เพราะมึงมีผัวใหม่ใช่ไหมล่ะ มันคงรวยล่ะสิ มึงถึงอยากไปอยู่กับมัน”
จากที่สงบลงเมื่อครู่ อารมณ์ของรุ้งตะวันก็เดือดขึ้นอีกตามนิสัยที่ไม่เคยยอมใคร และพร้อมปะทะได้ทุกเมื่อหากถูกหาเรื่อง
“เออ! แล้วจะทำไม มึงมีได้ ทำไมกูจะมีบ้างไม่ได้”
“เหอะ! สันดานมึงก็เป็นงี้ พอเห็นใครรวยหน่อยไม่ได้ รีบเกาะแข้งเกาะขา ใช่สิ! กูไม่ได้รวยให้มึงเกาะเหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่”
“มึงอย่ามาพูดจาหมา ๆ ดูถูกกูนะ พูดให้ดี ๆ ว่าใครเกาะใคร แล้วอีกอย่างมึงเคยรวยตอนไหนไม่ทราบ! กูจำได้ว่ามึงไม่เคยรวย มึงต่างหากที่เล่นพนันเสียแล้วมาให้กูเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำทุกวัน พอมีเงินหน่อยก็เอามาปรนเปรอให้อีกระหรี่นี่หมด” พูดจบรุ้งตะวันก็ชี้นิ้วไปยังชู้สาวที่นั่งเงียบอยู่ข้างเตชาวัต
“อ้าว! อีนี่ พูดให้ดีนะ กูนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วยังมาด่า เดี๋ยวกูจะฟ้องอีกข้อหานะ” กีรติที่โดนพาดพิงก็รีบพูดขึ้นทันที วันนี้ที่เรื่องต้องถึงตำรวจก็เพราะว่าเธอต้องการจะเอาเรื่องรุ้งตะวันให้ถึงที่สุด ข้อหาทำร้ายร่างกายและทำให้เสียชื่อเสียงต่อหน้าคนเยอะ ๆ
วริศปวดหัวตุบ ๆ ทำไมเขาต้องมารับฟังเรื่องพวกนี้ด้วย คิดจะเดินหนีกลับบ้านไปนอนอยู่หลายครั้ง หากก็มีความรู้สึกบางอย่างฉุดรั้งเขาให้ต้องอยู่ต่อและจัดการเรื่องนี้ให้จบ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ครั้นเห็นว่าเรื่องมันเริ่มจะบานปลาย ชายหนุ่มก็ตวัดสายตาดุ ๆ ไปมองเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งนั่งเฉยโดยไม่คิดจะแก้สถานการณ์ใด ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความรำคาญ
“ช่วยแยกแล้วรีบทำเรื่องให้มันจบ ๆ ทีได้ไหมครับ”