หนึ่งคืนแลกกับ...?
“ช่วยแยกแล้วรีบทำเรื่องให้มันจบ ๆ ทีได้ไหมครับ”
ร้อยเวรสะดุ้งนิด ๆ เมื่อสานสบกับนัยน์ตาคมที่ฉายความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่ปิดบัง รีบละล่ำละลักรับคำทันทีด้วยรู้สึกหวั่น ๆ “อะ เอ่อ...ครับ ๆ ได้ครับ”
จากนั้นร้อยเวรวัยกลางคนก็เรียกร้อยเวรอีกคนมาช่วยสอบปากคำทั้งสองฝ่ายโดยละเอียด พร้อมทั้งไกล่เกลี่ยให้ยอมความ แน่นอนว่าเรื่องนี้รุ้งตะวันผิดเต็ม ๆ เพราะเข้าไปทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายก่อน
กีรติกับเตชาวัตเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินค่ารักษาพยาบาล และค่าทำขวัญจำนวนสองแสนบาท ซึ่งก็ตามคาด รุ้งตะวันโวยวายทันทีหลังจากได้ยินจำนวนเงินที่อีกฝ่ายเรียก
“มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ไปอดยากมาจากไหน ถึงได้เรียกขูดเลือดขูดเนื้อกันขนาดนี้ ค่าทำแผลไม่ถึงหมื่น ส่วนค่าทำขวัญก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายด้วยซ้ำ พวกหน้าเลือด!”
“แต่มึง...” เตชาวัตกำลังจะอ้าปากเถียง หากก็ต้องหยุดกลางคัน เมื่อน้ำเสียงเด็ดขาดของวริศดังแทรกขึ้นอย่างหมดความอดทน
“หนึ่งแสน ถ้าเอาก็จะจ่ายสดตรงนี้ แต่ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็เชิญไปฟ้องเอา”
ได้ยินดังนั้นเตชาวัตก็หันไปมองหน้ากีรติด้วยความลังเล พลางชั่งน้ำหนักความคุ้มค่ากับวุ่นวายของการฟ้องร้อง และขณะที่ทั้งคู่กำลังชั่งใจอยู่นั้น ร้อยเวรก็เอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี “ผมแนะนำให้รับนะครับ เพราะถ้าถึงขั้นศาล ผมไม่รับประกันว่าจะได้เงินถึงแสน แถมยังเสียเวลาอีกต่างหาก”
“แสนห้า” เตชาวัตต่อรอง เขาเชื่อที่ตำรวจพูด บวกกับรู้ดีว่ารุ้งตะวันคงไม่มีเงินให้มากขนาดนั้น หากก็คิดว่าเงินแสนเดียวมันน้อยไป จึงต่อรองเพิ่มอีกนิดเผื่อจะได้มากขึ้น
“สรุปคือไม่เอานะครับ เชิญฟ้องตามสบาย” นาทีนี้วริศไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่พอใจในจำนวนที่เขาเสนอให้ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนอื่นไปแล้วกัน ส่วนเขาก็จะจบเรื่องที่ตรงนี้ ขอไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรอีกเพราะเบื่อเต็มที
“ดะ เดี๋ยวค่ะ แสนเดียวก็แสนเดียว” กีรติรีบโพล่งขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลากำลังจะลุกออกไป
“ลงบันทึกเป็นหลักฐานไว้ด้วย ให้เรื่องมันจบตรงนี้” วริศถอนหายใจ ผินหน้าไปสั่งตำรวจ ก่อนจะล้วงสมาร์ตโฟนออกมากดเข้าแอปธนาคาร แล้วขอเลขบัญชีของคู่กรณีของรุ้งตะวัน
“คุณเดี๋ยวก่อน” หญิงสาวที่เป็นต้นเรื่องรีบคว้าแขนแกร่งข้างที่ถือโทรศัพท์เตรียมจะโอนเงิน ครั้นเขาหันมาเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไร เธอจึงรีบส่ายหน้า “มันมากไปคุณ คนพวกนี้ไม่ควรได้เงินเลยสักบาท”
“แล้วคุณจะเอายังไง ถ้าไม่จ่ายก็ไม่จบ ผมเหนื่อย อยากกลับไปพักผ่อนแล้วหรือคุณจะให้เขาฟ้องแล้วจ่ายเอง ?” วริศว่าด้วยความหงุดหงิด ทำให้ดวงตาเรียวรีคล้ายเม็ดอัลมอด์ลอ่อนแสงลงด้วยรู้สึกผิด
“...ฉันไม่มีเงิน” เธอเอ่ยเสียงอ่อย หลุบตามองพื้นพลางค่อย ๆ ปล่อยมือจากท่อนแขนแกร่ง เพื่อให้เขาจัดการทุกอย่างต่อไป
หลังจากโอนเงินเรียบร้อย ไม่ถึงสิบนาทีเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดก็จบลง รุ้งตะวันเดินตามวริศออกมาขึ้นรถที่จอดไว้หน้าโรงพักด้วยความประดักประเดิดระคนมึนงง ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรดี ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ขับรถสปอร์ตคันหรูขนาดสองที่นั่งออกสู่ถนนใหญ่ได้ครู่หนึ่งก็หันมาถาม
“ให้ไปส่งที่ไหน”
ใบหน้าสวยหันขวับไปมองเสี้ยวหน้าคม คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ หญิงสาวนึกถึงข้อตกลงก่อนหน้านี้ ที่เธอขึ้นรถมาด้วยก็เพราะคิดว่าคืนนี้ต้องไปกับเขาแล้วเสียอีก ไม่แน่ใจว่าเขาลืมหรืออย่างไร
“ว่าไง ให้ผมไปส่งที่ไหน” เสียงทุ้มเจือเหนื่อยหน่ายดังขึ้นอีกครั้ง
รุ้งตะวันเม้มปากครุ่นคิดอย่างหนัก ความผิดชอบชั่วดีตีกันให้วุ่นอยู่ในหัว ใจหนึ่งก็บอกให้รีบชิ่งก่อนที่จะเสียตัว หากอีกใจก็รู้สึกผิดเพราะวันนี้เขาเสียเงินเพราะเธอไม่ใช่น้อย ๆ แค่ที่จ่ายให้พวกปลิงดูดเลือดไปก็หนึ่งแสนบาท ยังไม่รวมค่าเสียหายของสถานบันเทิงที่ยังไม่ได้เคลียร์แห่งนั้นอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโดนเรียกเก็บอีกเท่าไร
“ไป...กับคุณ” แม้จะอยากชิ่งหนีมากแค่ไหน ทว่าจิตใต้สำนึกมันกลับสั่งให้เธอรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำลงไป จึงตัดสินใจทำตามที่ตกลงกันไว้ ครั้นเห็นเขาเลิกคิ้วงง ๆ รุ้งตะวันจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปตรง ๆ “ที่คุณบอกว่าอยากได้ฉัน คือไม่อยากได้แล้วเหรอคะ”
“อ๋อ เรื่องนั้น...” ที่จริงวริศไม่ได้ลืม หากแต่ความวุ่นวาย ความเหนื่อย ความล้าที่เผชิญเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เขาหมดอารมณ์ ตั้งใจไว้ว่าจะคิดบัญชีกับเธอวันหลัง
ทว่าตอนนี้ชักอยากเปลี่ยนใจ
เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง และเมื่อเหลือบมองขาเรียวที่โผล่พ้นชุดเดรสที่ร่นขึ้นมา ทวงท่าที่เคยจินตนาการเอาไว้ก็หลั่งไหลเข้ามาเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก ไหนจะเนินอกตูม ๆ น่าจับ น่าซุกไซ้นั่นอีก
ไอ้บ้าเอ๊ย!
ชายหนุ่มสบถด่าตัวเองในใจเมื่อเลือดลมในกายเริ่มสูบฉีด ความเป็นชายภายใต้กางเกงสแล็กส์แข็งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็พอรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีความต้องการสูง เซ็กซ์จัด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมากจนถึงขั้นปวดหนึบขนาดนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสเลยด้วยซ้ำ
“ตะ แต่ถ้าคุณไม่อยากแล้ว คุณส่งฉันลงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้นะคะ” รุ้งตะวันบอกเสียงสั่นนิด ๆ ปกติเธอเป็นคนที่มีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย ใครฟาดมาก็พร้อมจะฟาดกลับ มีความมั่นใจในตัวเองในระดับหนึ่ง แต่พอต้องมาเผชิญเรื่องแบบนี้กับชายแปลกหน้า เธอกลับเกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“แวะโรงแรมข้างหน้าแล้วกัน”
แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสี่กว่าแล้ว แต่ในเมื่อไอ้ลูกชายและร่างกายตื่นตัวขึ้นมาจนปวดหนึบขนาดนี้ วริศก็ไม่คิดจะปฏิเสธความต้องการของตัวเอง ชายหนุ่มลดความเร็วของรถลง พร้อมตบไฟเลี้ยวชิดซ้ายเอาไว้ ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจ
“เปิดห้องครับ ห้องแบบไหนก็ได้ หนึ่งห้อง” ชายหนุ่มแจ้งความประสงค์กับรีเซปชันทันทีที่เดินมาถึงหน้าฟอนต์ โดยมีหญิงสาวที่จะร่วมใช้ห้องด้วยเดินตามเข้ามาติด ๆ
ขณะรอพนักงานดำเนินการเปิดห้องให้ วริศหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาเพิ่งมีโอกาสำรวจใบหน้าสวยและดวงตาเรียวรีในที่สว่างแบบชัด ๆ พบกว่าเธอสวยกว่าที่คิด ผิวขาวจั๊วะนวลเนียน รูปร่างสมส่วนไม่ผอมแห้งจนเกินไป จับตรงไหนก็คงเต็มไม้เต็มมือ โดยเฉพาะเนินนมที่เหมือนจะล้นออกมาจากชุดซึ่งเว้าช่วงอก
ทว่านั่นก็ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เขาเกิดความสนใจ หากแต่เป็นนัยน์ตากลมใสคล้ายเม็ดลำไยคู่นั้นต่างหากที่ดึงดูดให้เขาเข้าหาเธอ สัญชาตญาณมันบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีดีมากกว่าที่เห็น
“อะไรคะ”
ครั้นเห็นว่าเธอเลิกคิ้วสงสัยด้วยท่าทีอาย ๆ ที่ถูกเขาจ้องนานเกินไป จู่ ๆ วริศก็พลันนึกตลกการกระทำของตนเองขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไม่รู้ว่ามาถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทุกทีเคยแต่จ่ายเงินซื้อกิน หรือไม่ก็จ่ายเป็นของแบรนด์เนมราคาแพงให้ผู้หญิงที่นอนด้วยแล้วก็จบกันไป แต่วันนี้เขากลับต้องจ่ายเป็นค่าสินไหมและค่าประกันตัวให้หญิงสาวแทน
เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรวะ
หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ เลยกู
และได้แต่หวังว่าสิ่งที่ได้กลับมามันจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป...