กัญญาดาเดินไปกดรหัสปลดล็อกประตูที่เธอเพิ่งเปลี่ยนใหม่เมื่อเช้าก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเพราะไม่อยากหิ้วของหนักนานๆ ไม่ใช่ว่าเธออ่อนแอถึงขนาดหิ้วไม่ไหว เมื่อก่อนหนักกว่านี้ก็หิ้วมาแล้ว แต่เพราะรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตให้ต้องดูแล เธอจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
“เธอไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอกุ้ง”
คำถามของวฤทธิ์ทำให้เธอถอนหายใจเฮือก หลังจากวางของทุกอย่างบนโต๊ะ เธอก็หันกลับมายืนกอดอกแล้วมองหน้าเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“แล้วฉันต้องรู้สึกยังไงล่ะ ในเมื่อฉันเคยบอกนายแล้วว่าฉันไม่ได้รักนาย และนายก็ไม่ได้รักฉันด้วย ตอนนี้นายกำลังจะมีคู่หมั้นก็ดีแล้ว ฉันเองก็จะได้สบายใจเพราะความสัมพันธ์บ้าๆ นี่จะได้จบลงซะทีแค่นั้นเอง”
“เธอ...ไม่เคยรักฉันสักนิดเลยเหรอ ทั้งที่เรานอนด้วยกันมาตั้งหลายครั้งแล้วนะ”
“แล้วนายรักผู้หญิงทุกคนที่นายนอนด้วยมั้ยล่ะ”
“ฉันไม่ได้...”
“ยอมรับเถอะฤทธิ์ เรื่องของเราน่ะมันน่าจะจบตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว มันไม่ควรมีครั้งต่อๆ มาเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้นายมีคนที่นายควรกลับไปดูแล ไม่ว่านายจะรักน้องเค้าหรือไม่ แต่เค้าก็คือคนที่พ่อนายจับคู่ไว้ให้ เป็นคนที่ท่านเลือกมาเป็นสะใภ้ เพราะฉะนั้น...เรื่องของเรา...ก็ให้มันจบตั้งแต่วันนี้เถอะ อย่าให้มันคาราคาซังและยืดเยื้อต่อไปอีกเลย ฉันเองก็เหนื่อยแล้วกับหน้าที่เพื่อนนอนของนาย หวังว่านายจะเลิกเห็นแก่ตัวแล้วปล่อยฉันไปซะที"
“ในสายตาของเธอ...ฉันคงเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากสินะ”
“ยังต้องถามอีกเหรอ ในเมื่อฉันย้ำอยู่ทุกวัน” เธอบอกด้วยใบหน้าที่แสดงออกว่าเอือมระอาเขาเต็มที
วฤทธิ์เหยียดยิ้มมุมปากเพราะรู้สึกสมเพชตัวเอง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังให้ห่างเธอออกมาทุกที
“โอเค ในเมื่อเธอพูดออกมาขนาดนี้แล้วฉันก็จะไม่หน้าด้านหน้าทนตื๊อเธออีก ขอโทษด้วยละกันที่เข้ามาเป็นตัวน่ารำคาญในชีวิตเธอ” เขามองสบตาเธออยู่นานก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วก้าวออกไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
เสียงประตูห้องที่ปิดดังปัง เหมือนสัญญาณที่บอกว่านับจากวันนี้ไปเธอจะไม่ได้เห็นหน้าคนกะล่อนและไร้หัวใจคนนั้นอีก
กัญญาดาค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงแล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอีกครั้ง ได้แต่บอกกับตัวเองว่าหลังจากวันนี้ไป เธอจะไม่ร้องไห้ให้กับเขาอีกแล้ว...
สามปีก่อนหน้านี้...
“กรี๊ดดดดด...”
เสียงกรีดร้องของสาวๆ ที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังเรียกสายตาของใครหลายคนให้หันไปมองได้ไม่ยากนัก ยกเว้นเพียงแต่สองสาวที่กำลังนั่งปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่โต๊ะยาวตัวหนึ่ง
“สงสัยจะมากันแล้ว สัมภเวสีถึงได้กรีดร้องจะขอส่วนบุญกันขนาดนี้”
กัญญาดา หรือ กุ้ง สาวห้าวคณะวิศวกรรมโยธาปีสองวัยยี่สิบปีที่มีผมยาวจนถึงกลางหลังส่ายหน้าอย่างระอาใจ ก่อนที่เธอจะควานหายางรัดผมในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ขึ้นมาแล้วจัดการรวบผมยาวนั้นเป็นหางม้าเอาไว้เพื่อให้สามารถก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าได้สะดวกขึ้น
“พี่กุ้งก็ว่าไปค่ะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าจะโดนเขม่นเอานะคะ”
คณานางค์ หรือ คะน้า สาวตัวเล็กผมสั้นหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาปั้นที่เรียนคณะเดียวกันรีบปรามเพราะกลัวเพื่อนรุ่นพี่จะมีปัญหากับนักศึกษาคนอื่น
“คิดว่าพี่กลัวหรือไงล่ะ”
“หนูรู้ว่าพี่ไม่กลัว แต่ว่า...”
“ไงจ๊ะเมียจ๋า สั่งก๋วยเตี๋ยวเผื่อผัวรึยังเอ่ย”
น้ำเสียงยียวนของ วฤทธิ์ หรือ ฤทธิ์ หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ของกลุ่มดังขึ้น ทำให้กัญญาดานึกอยากจะยกขาขึ้นมากระแทกปากมันแรงๆ เสียหนึ่งทีให้หายหงุดหงิดใจ
“เมียพ่อมึ...”
กัญญาดาเกือบจะหลุดใช้ภาษาพ่อขุนกับไอ้คนที่ชอบกวนประสาท หากไม่เห็นสายตาของคณานางค์ที่มองมาเพราะน้องสาวคนนี้มักจะบอกเสมอว่าไม่อยากให้เธอพูดคำหยาบ
“เมียพ่อนายสิวะ ปากดีแบบนี้ระวังจะโดนของแข็งยัดปากเข้าสักวัน” เธอชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายก่อนจะสนใจลูกชิ้นตรงหน้าต่อไป
“ก็เอาสิจ๊ะเมียจ๋า ผัวก็จะได้เอาของแข็งกระแทกเมียดูสักครั้งเหมือนกัน ดูซิว่าของผัวหรือของเมียอันไหนจะ ‘แข็ง’ กว่ากัน”
วฤทธิ์ยังกวนประสาทอีกฝ่ายไม่เลิก เพราะคงมีแต่เพื่อนสาวจอมห้าวคนนี้ที่เขาคุยด้วยแล้วรู้สึกสนุกสุดๆ
“ไอ้...”
“พอทั้งคู่เลยพวกแกน่ะ เจอหน้ากันปุ๊บก็กัดกันอย่างกับหมา ไอ้โดม มึงจะกินอะไรเดี๋ยวกูไปซื้อให้”
คีตกาล หรือ โน้ต หนุ่มหล่อมาดเซอร์หันไปถามเพื่อนรักอีกคนที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ คณานางค์
“เอาก๋วยเตี๋ยวละกัน บอกป้าใส่คะน้ากับถั่วงอกเยอะๆ นะ”
เมธาวิน หรือ โดม หนุ่มหล่อฮอตเนิร์ดผิวสีแทนและมีความสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรพ่วงด้วยดีกรีเดือนคณะบอกยิ้มๆ
“โอเค ไอ้ฤทธิ์ มึงไปกับกู”
คีตกาลหันไปกระชากคอเสื้อเพื่อนอีกคนก่อนที่มันจะได้นั่งลงข้างๆ กัญญาดาแล้วหาเรื่องกวนประสาทเธอต่อ
“มึงไปเองไม่ได้เหรอวะไอ้โน้ต กูจะคุยกับเมียกูเนี่ย”
“เอามันไปไกลๆ ตีนกุ้งเลยโน้ต เดี๋ยวตีนลั่นใส่ปากมันขึ้นมาขี้เกียจเสียค่าทำขวัญ” กัญญาดาบอกพร้อมกับรอยยิ้มยียวน
“มึงจะให้กูยกมายังไงตั้งสามชาม ไปกับกูนี่แหละ ลุก!”
แล้วคีตกาลก็ฉุดกระชากลากถูเพื่อนรักให้เดินไปด้วยกันโดยมีสายตาของสาวๆ ทั้งโรงอาหารที่มองมาด้วยความปลาบปลื้ม
และพวกเขาสามคนก็คือสาเหตุที่พวกเธอกรี๊ดกันจนคอแทบแตกเพราะใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าสามหนุ่มสุดหล่อของคณะวิศวกรรมโยธาโด่งดังมากมายขนาดไหน และใช่ว่าพวกเขาจะมากินอาหารที่นี่บ่อยๆ เมื่อไหร่กัน