“ใช่ ไอ้โดมพูดถูก ต่อให้กูจะคิดก็ใช่ว่าไอ้กุ้งมันจะคิดแบบเดียวกันไม่ใช่เหรอวะ มึงก็เลิกยุพวกกูเถอะ พวกกูไม่อยากเสียเพื่อน เป็นเพื่อนแบบนี้กันต่อไปก็ดีแล้ว” วฤทธิ์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
“เฮ้อ ความรักนี่มันซับซ้อนจังวะ” คีตกาลเกาหัวแกรกๆ
“มึงก็ลองรักใครสักคนดูสิ จะได้รู้ว่ามันซับซ้อนกว่าที่มึงเข้าใจอีก”
“ไม่ล่ะ ชีวิตกูมีเรื่องอื่นให้คิดอีกเยอะ เรื่องผู้หญิงไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิตกู” เขาบอกอย่างมั่นใจ
“เออ แล้วพวกกูจะรอดูว่ามึงจะอยู่แบบชิลๆ แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน”
“ก็นานกว่าพวกขี้ขลาดแหละว้า”
“ไอ้...”
วฤทธิ์ยังไม่ทันด่าเพื่อนออกไป ประตูห้องวีไอพีก็ถูกผลักเข้ามาเสียก่อน และสองสาวที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับชุดเดรสรัดรูปแบบคล้องไหล่สีดำสนิทที่ดูเหมือนพวกเธอตั้งใจจะใส่แบบเดียวกันมา ก็ทำให้สองหนุ่มถึงกับลำคอแห้งผากเพราะไม่เคยเห็นพวกเธอในรูปลักษณ์แบบนี้มาก่อน
วฤทธิ์ถึงกับลืมตัวลุกขึ้นมายืน สายตาของเขาไล่มองตั้งแต่รองเท้าส้นสูงที่กัญญาดาสวมใส่เลื่อนมาที่เรียวขายาวสวยกระโปรงสั้นเหนือเข่า สะโพกผายได้รูป เนินอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นคอเสื้อเว้าลึกไปจนถึงใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ถูกตบแต่งด้วยเครื่องสำอางมาอย่างมืออาชีพ
ผมยาวที่เธอมักจะมัดรวบอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ก็ถูกปล่อยยาวสยายจนถึงกลางหลัง สลัดภาพสาวห้าวออกไปกลายเป็นสาวสวยเซ็กซี่ที่น่าขย้ำและกลืนกินลงไปทั้งตัว
เมธาวินเองก็จ้องไปยังสาวน้อยผิวขาวจัดไม่วางตา ผมสั้นของเธอถูกดัดเป็นลอนเล็กๆ เปิดหน้าม้าจนเห็นใบหน้าหวานที่แต่งแต้มสีสันเอาไว้อย่างพอเหมาะ แถมชุดที่สวมใส่ก็ยังเน้นรูปร่างให้เห็นอย่างเด่นชัด แม้หน้าอกหน้าใจจะไม่ใหญ่เหมือนกัญญาดา แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างน่ารักน่าใคร่และน่าหลงใหลไปทั้งเนื้อทั้งตัว
เดี๋ยวนะ...นี่เธอสวมชุดแบบนี้เดินเข้ามาในร้านงั้นเหรอ?
แปลว่าต้องมีผู้ชายมากมายมองพวกเธอทั้งสองคนอย่างตกตะลึงแบบที่พวกเขามองอยู่ตอนนี้มาก่อนแล้วน่ะสิ!
“แหม พวกมึงช็อกตายไปแล้วหรือไงวะ เอาแต่จ้องสาวๆ เค้าขนาดนั้นน่ะ เชิญจ้ะเชิญ เจ๊กุ้งกับหนูคะน้า มานั่งข้างเฮียโน้ตนี่มา เดี๋ยวเฮียหาเครื่องดื่มให้”
คีตกาลแทบหลุดขำให้กับท่าทางของเพื่อนรักทั้งสอง เขาลุกขึ้นไปเดินจูงมือสองสาวให้มานั่งตรงโซฟาที่ว่างอยู่ แต่ตัวเองยังไม่ทันหย่อนก้นลงไป สองสาวก็โดนสองหนุ่มประกบเอาไว้ในทันทีแถมยังผลักเขาให้ออกไปยืนห่างๆ เสียอีก
หวงขนาดนี้ก็ยังจะปากดีกันอีกไอ้พวกเวร!
“ไม่หนาวเหรอครับ ทำไมแต่งตัวแบบนี้มาล่ะ”
เมธาวินรีบถอดเสื้อคลุมแบบยีนของเขามาคลุมไหล่ให้คนตัวบางพร้อมกับหันไปหยิบหมอนอิงมาวางบนตักของเธออีกด้วย เล่นเอาคณานางค์ขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย เพราะคิดว่าเขาคงไม่ชอบที่เธอแต่งตัวแบบนี้
พี่กุ้งนะพี่กุ้ง ไม่น่าชวนกันทำอะไรแผลงๆ เลย แต่งตัวปกติเหมือนปีก่อนก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ
“นั่นสิ วันนี้อากาศหนาวจะตายไป ทำไมไม่ใส่กางเกงยีนหรือเสื้อยืดมาล่ะจ๊ะเมียจ๋า” วฤทธิ์บอกพร้อมกับไปหยิบเสื้อคลุมของเขามาเช่นกัน แต่ยังไม่ทันคลุมให้กัญญาดาก็รีบขยับตัวออกห่างเขาไปอีกนิด
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเชื้อโรคจะติดฉันเปล่าๆ”
“โธ่ เชื้อโรคอะไรกันเล่า เสื้อนี่ซักมาแล้วนะ”
“ฉันหมายถึงพวกเชื้อเอชไอวีน่ะ นายยิ่งชอบมั่วไม่เลือกอยู่ด้วย อีกอย่างนะ ฉันตั้งใจใส่แบบนี้มาหาหนุ่มไปควง ทำไมจะต้องหาอะไรมาคลุมด้วยล่ะ”
“หาหนุ่มควง? ควงเพื่อ?”
วฤทธิ์ชักสีหน้าหงุดหงิด ส่วนเมธาวินก็รีบก้มลงมองคนข้างๆ เพราะอยากรู้ว่าเธอเองก็อยากหาคนควงเหมือนกัญญาดารึเปล่า
“ก็ควงไปเคานต์ดาวน์ไงวะถามมาได้”
“แล้วทำไมต้องหาล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกเธอจะควงพวกเราเหมือนทุกปีเหรอ”
“ไม่อะ ปีนี้เบื่อจะควงพวกนายแล้ว นี่ก็กะว่านั่งดื่มสักชั่วโมงก็จะออกไปหาเหยื่อแถวไอคอนสยามแล้วล่ะ พวกนายก็ฉลองกันไปสามคนละกันนะ วันนี้ฉันจะพาหนูน้อยของพวกเราไปเปิดหูเปิดตาซะหน่อย”
“ไม่ได้!”
ทั้งวฤทธิ์และเมธาวินพูดขึ้นพร้อมกัน ส่วนคีตกาลได้แต่นั่งมองไอ้พวกขี้ขลาดหึงจนลมออกหูไปอย่างสนุกสนาน
“ทำไมจะไม่ได้”
กัญญาดาหันมองเพื่อนหนุ่มทั้งสองอย่างสงสัย
“คะน้ายังเด็ก แกไม่ควรพาน้องไปเสียคน คะน้าก็เหมือนกัน คิดบ้างมั้ยว่าแต่งตัวแบบนี้มันอันตรายขนาดไหน ยิ่งไปกันสองคนพี่ไม่ยอมให้ไปแน่ ถ้าเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา พี่จะบอกป๊าของเราว่ายังไง ท่านอุตส่าห์อนุญาตให้มาเที่ยวแล้วนะ”
เมธาวินบอกน้ำเสียงจริงจัง จนคณานางค์ยิ่งเครียดไปกันใหญ่
“คือหนู...แค่อยากทำอะไรใหม่ๆ บ้างเท่านั้นเองค่ะ พอพี่กุ้งเค้าชวนก็เลย...”
“ไอ้กุ้ง แกไม่ต้องชวนน้องไปไหนเลยนะ นั่งดื่มอยู่นี่แหละ”
เมธาวินสั่งเสียงเข้ม