ตอนที่ 9 คนขี้ขลาด

1016 คำ
“โอ๊ย! ไอ้บ้านี่ อยากโดนชกมากใช่มั้ยเนี่ย” เธอยกกำปั้นขึ้นมาตั้งท่าจะชกเขาจริงๆ เขาจึงได้แต่หัวเราะร่วน ก่อนจะปล่อยมือหลังจากกอดเธออยู่นาน “ดีใจนะที่อย่างน้อยฉันก็ทำให้เธอไม่ต้องร้องไห้อีกเพราะโมโหฉันแทน งั้นฉันขออาบน้ำเลยนะ เอาเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูไปแขวนไว้ที่หน้าประตูห้องน้ำให้หน่อยละกัน” บอกแล้วเขาก็เดินไปทางห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี ส่วนเธอก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ นี่แปลว่า...เขาพยายามทำให้เธอโมโหเพื่อให้เธอลืมเรื่องที่ทำให้เสียใจแค่นั้นเองเหรอ... ตาบ้านี่เป็นคนดีถึงขนาดนั้นเชียว? หลายเดือนต่อมา ตอนนี้เมธาวินและเพื่อนๆ เรียนอยู่ชั้นปีที่สามในช่วงกลางเทอมสองแล้ว และวันนี้ก็เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าพวกเขาทั้งห้าคนจึงได้นัดกันไปฉลองคืนสิ้นปีที่ผับกึ่งร้านอาหารแห่งหนึ่งที่พี่ชายของวฤทธิ์มีหุ้นส่วนอยู่ เขาจึงสามารถใช้อภิสิทธิ์พิเศษในการจองห้องวีไอพีเอาไว้ฉลองกับพวกเพื่อนๆ ได้ “แน่ใจนะว่ามึงแดกได้แล้ว ไม่ใช่แดกๆ อยู่เป็นลมหน้ามืดไปนะ” วฤทธิ์มองหน้าเมธาวินอย่างไม่มั่นใจนักแม้ว่าเพื่อนรักของเขาจะผ่านการผ่าตัดมาเกินครึ่งปีแล้วก็ตาม “ก็กินได้ แต่คงไม่ได้เยอะ แค่พอจิบๆ ให้สนุกก็ได้อยู่” เมธาวินบอกยิ้มๆ ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นมากแล้ว จึงอยากมาสนุกกับเพื่อนๆ หลังจากคร่ำเคร่งกับการเรียนมาตลอดจนแทบจะกลายเป็นผีดิบเดินได้กันอยู่แล้ว “โอเค งั้นจัดให้ครับ” แล้ววฤทธิ์ก็เริ่มเสิร์ฟเบียร์เย็นๆ ให้เพื่อนทั้งสองคนก่อนส่วนสองสาวนั้นยังมาไม่ถึง “ทำไมคะน้ากับกุ้งมาช้าจัง ไม่ใช่ว่าหลงทางไปร้านอื่นแล้วนะ” เมธาวินพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองที่ประตูห้องอยู่บ่อยครั้ง “ไม่หลงหรอกกูส่งโลเคชันไปให้แล้ว สาวๆ ก็งี้แหละ มาเที่ยวทั้งทีคงอยากแต่งตัวสวยกันหน่อยมั้ง” วฤทธิ์บอกยิ้มๆ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากัญญาดาจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนสีอะไรในวันนี้ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาก็ยังไม่เคยเห็นเธอเหมือนผู้หญิงทั่วไปเลยสักครั้ง “พูดถึงคะน้ากับไอ้กุ้ง สรุปว่าพวกมึงจะสารภาพรักสองสาวเมื่อไหร่วะ” “แค่กๆ” คำถามของคีตกาลเล่นเอาสองหนุ่มถึงกับสำลักเบียร์พร้อมกัน “พูดห่าอะไรของมึงเนี่ยไอ้โน้ต สารภาพรักอะไรวะ กูไม่ได้...” วฤทธิ์ตั้งท่าจะเถียงแต่คีตกาลก็เอามือมาปิดปากเพื่อนไว้เสียก่อน “มึงไม่ต้องมาปฏิเสธ กูอยู่กับพวกมึงมาจะสามปีละ แค่พวกมึงอ้าปากกูแทบจะเห็นลิ้นไก่ แต่กูแค่ไม่อยากยุ่งเท่านั้นเอง” “ไม่อยากยุ่งแล้วจะถามทำไมวะ” “ก็แค่อยากรู้ว่าพวกมึงจะป๊อดกันไปถึงไหนไง แอบชอบเค้ามาตั้งนานแล้วนี่ มัวแต่เก๊กกันอยู่ได้ เห็นแล้วอึดอัดว่ะ โดยเฉพาะมึงนะไอ้ฤทธิ์ เอาแต่กวนตีนไอ้กุ้งทั้งวันอย่านึกว่ากูไม่รู้ว่ามึงคิดยังไงกับมัน” คีตกาลบอกยิ้มๆ ก่อนจะยกเบียร์ขวดเล็กขึ้นมาดื่ม “ใครแอบชอบ? กูไม่ได้แอบชอบไอ้กุ้งซะหน่อย มึงมั่วแล้วไอ้โน้ต มึงก็เห็นว่าสาวๆ กูมีจนล้นสต๊อก ให้นับนิ้วยังนับไม่ครบเลย ทำไมกูจะต้องไปชอบยัยทอมนั่นด้วยวะ” “หึ มึงก็รู้ว่ายัยกุ้งไม่ใช่ทอม และมึงก็รู้ดีว่าเด็กในสต๊อกมึงก็แค่คนคุยไม่ใช่คู่นอนด้วยซ้ำ กูเตือนมึงในฐานะเพื่อนนะไอ้ฤทธิ์ ถ้ามึงยังปากไม่ตรงกับใจ สักวันมึงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” วฤทธิ์อยากจะเถียงแต่ก็เหมือนมีอะไรมาจุกปาก สุดท้ายเขาจึงได้ยกเบียร์ขึ้นดื่มพรวดๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ “แล้วมึงล่ะไอ้โดม” “กูยังไม่พร้อม” เมธาวินถอนหายใจเฮือก เขาไม่คิดปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองเหมือนวฤทธิ์ แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้คงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม “ไม่พร้อมอะไรมึง แค่บอกรักมันยากตรงไหนวะ” “แค่บอกรักไม่ยาก แต่กูยังดูแลใครไม่ได้มึงก็เห็น กูไม่ได้รวยแบบไอ้ฤทธิ์นะ แล้วคะน้าเค้าก็ไม่ใช่ลูกตาสีตาสาที่ไหน พ่อแม่เค้าก็มีฐานะออกขนาดนั้น มึงไม่เห็นเหรอว่าลูกสาวเค้าขับรถอะไรมาเรียน ในขณะที่กูยังนั่งรถเมล์บ้างแท็กซี่บ้างอยู่เลย ไหนจะเรื่องเงินค่าผ่าตัดที่กูอยากจะหามาคืนเจ้านายพี่ดรีมอีก นี่คือความไม่พร้อมของกู กูยังไม่พร้อมจะพูดคำว่ารักกับเค้าหรอก” “แล้วเมื่อไหร่มึงจะพร้อมวะ มึงจะรอให้ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง หรือมีเศรษฐีที่ไหนมาอุปการะมึงเป็นลูกบุญธรรม ให้มึงขับรถหรูๆ ก่อนหรือไง มึงถึงจะกล้ารักน้องมันน่ะ” “ก็คงงั้นมั้ง” “ไอ้ขี้ขลาด” คีตกาลพูดใส่หน้าเพื่อนอย่างไม่เกรงใจ “เออ กูยอมรับว่ากูขี้ขลาด แต่กูจะไม่พาเค้ามาลำบากกับกูหรอก ถ้ากูยังดูแลตัวเองกับพี่ดรีมไม่ได้ กูก็จะขอเป็นเพื่อนของน้องมันต่อไปแบบนี้แหละ อีกอย่างนะ ต่อให้กูมีความกล้าที่จะสารภาพออกไป ก็ใช่ว่าเค้าจะรักกูตอบนี่ เค้าอาจจะไม่ได้คิดแบบที่กูคิดก็ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม