"ทีหลังไม่ต้องมากินถึงที่นี่ ถ้าโรงอาหารที่คณะเต็ม ก็ออกไปกินข้างนอก เข้าใจหรือเปล่า"
มิลลิยังคงถูกคนเป็นพี่ชายบ่นไม่หยุด ขนาดว่ากินข้าวจะเสร็จแล้ว ก็ยังทำหน้าไม่พอใจ
"หรือว่าแอบชอบใครที่คณะนี้"สายตาคมของโซลหรี่มองน้องสาวอย่างจับผิด
"แค่ก! แค่ก!"
มิลลิสำลักออกมาทันที เมื่อคนเป็นพี่พูดแทงใจดำ พูดราวกับมานั่งอยู่ในใจเธอ หันหาเพื่อนสองคนเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงพี่ชายของเพื่อนจะหวงน้องสาวเหมือนกัน แต่คงไม่เท่าพี่ชายเธอทั้งสองคน
"เอ่อ...คือ ไม่มีหรอกค่ะพี่โซล ทีหลังเราจะไม่มาอีกแล้วนะคะ จะไปกินคณะนิติฯ แทน"
ปลายฝนแกล้งบอกออกไปแบบนั้น เพื่อให้โซลเห็นว่า ไม่ว่าจะคณะไหนก็มีผู้ชายทั้งนั้น
"ไม่ต้อง บอกว่าให้ออกไปกินข้างนอก"
"กินข้างนอกอะไร บางวันพักแค่ชั่วโมงเดียวมันไม่ทัน ไม่รู้แหละต่อไปมิลจะมากินที่นี่แหละ ใกล้กว่าคณะอื่นด้วย"
"อย่าดื้อได้ไหมมิล เดี๋ยวฟ้องพ่อนะ หรือพี่ฟรินท์ดี หรือแม่"
เมื่อถูกเอ่ยขู่ ด้วยคนที่เธอกลัวทั้งนั้น ก็ทำให้ร่างเล็กหุบปากลงไปได้ทันที
"เราก็เหมือนกันเทียร์ ไหนบอกไม่ชอบผู้ชายคณะนี้ เถื่อนอย่างนั้น เถื่อนอย่างนี้ ทำไมไม่ห้ามเพื่อน"
"แล้วทำไมเทียร์ต้องห้าม เราโตกันแล้วนะ อายุ20แล้วด้วย มีสิทธิ์มีแฟนแล้วด้วยซ้ำ"
มิลลิกับปลายฝนอมยิ้มชอบใจ แอบยกนิ้วโป้งให้ ที่คาเทียร์พูดแบบนั้นกับคนเป็นพี่ชาย
"ใครอนุญาติ?"
"ทำไมต้องรอให้ใครอนุญาติ ทีพวกพี่ยังควงสาวไม่เว้นแต่ละวัน พอพวกเราทำมาเป็นห้าม แบบนี้ไม่ยุติธรรมนะคะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายหรืิอผู้หญิงก็เท่าเทียมกันทั้งนั้น"เรื่องเถียงไว้ใจคาเทียร์ได้เลย
"มันไม่เหมือนกัน ถ้าจะมีก็ต้องผ่านพวกพี่ไปก่อนเข้าใจไหม ผู้ชายเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน"
คราวนี้เป็นสกายพี่ชายของปลายฝนที่บ่นออกมาเหมือนกัน หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน
"พี่ก็อย่าเอานิสัยของพวกพี่มาวัดสิคะ ถ้าพี่เอานิสัยตัวเองมาวัด เชื่อเถอะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้ดีสักคนแน่นอน"
"หยุดได้แล้วเทียร์ เถียงคำไม่ตกฟาก"
สามสาวตัดสินใจลุกขึ้นทันที ขืนให้นั่งต่อ ต้องโดนบ่นอีกพักใหญ่แน่
"ไปนะคะ"
เมื่อเอ่ยลาพี่ชายทั้งสามคน ก็เดินจะออกจากโรงอาหาร โดยมิลลิจูงมือเพื่อนทั้งสองให้เดินผ่านโต๊ะของพวกยีนส์ ตอนที่เธอเดินผ่านสายตาคมก็ยังคงมองสบตาเธอ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นจากเขา คือรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นมาเบา ๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
เขายิ้มให้เธอใช่ไหม?
แบบนี้เขารู้แล้วหรือเปล่าว่าเธอชอบเขา แต่ถึงยังไงเธอก็ได้เห็นรอยยิ้มของเขาแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม
"มึงเห็นเหมือนกูเห็นไหม ปลายฝน"
"รุ่นพี่คนนั้นเขาเหมือนจะยิ้มให้มึง"
แสดงว่าเธอไม่ได้คิดไปเองคนเดียว เพื่อนสองคนของเธอก็เห็นเหมือนกับเธอ
"กูอยากจะกรี๊ดให้ดัง ๆ พี่เขาหล่อมาก ขนาดไม่ได้ยิ้มกว้างอะไร ยังหล่อขนาดนี้ ถ้าได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา มันจะขนาดไหนว่ะ"
"ขนาดโดนพี่ชายด่า มึงยังไม่สะทกสะท้านเลย กูเชื่อจริง ๆ แล้ว ว่ามึงชอบพี่เขามาก แบบนี้ต้องไปสารภาพรักแล้วล่ะมั้ง"
"กูไม่กล้า รอให้ชัวร์กว่านี้ก่อนดีกว่า"
"ค่อยคิดเหอะ ตอนนี้กูอยากกินน้ำปั่นที่คาเฟ่มหาลัย พากูไปหน่อย"
คาเทียร์ผู้คลั่งไคล้น้ำปั่นเป็นชีวิตจิตใจ หากวันไหนไม่ได้กิน เพื่อนจะบอกว่าเหมือนมาไม่ถึงมหาลัย
สามสาวเดินมาคาเฟ่ของมหาลัย มีเวลาพักอีกเกือบชั่วโมง เลยตัดสินใจนั่งตากแอร์ที่นี่ดีกว่า
"เดี๋ยวกูไปจองโต๊ะ กูเอานมสดปั่นนะ"
มิลลิอาสาไปจองโต๊ะ เดินไปเลือกมุมที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก หยิบโทรศัพท์ออกมาไถโซเชี่ยลไปเรื่อย ๆ สักพักเพื่อนสองคนก็เดินตามมานั่งด้วย
"เย็นนี้ไปร้านเหล้าข้างมหาลัยกันไหม เป็นบาร์เล็ก ๆ มาเปิดใหม่ ชั้นสองโคตรน่านั่ง กูเห็นนักศึกษาแชร์กันเต็มฟีดไปหมด"
ปลายฝนนักดื่ม ต้องบอกว่าแอบดื่มมากกว่า พวกเธอสามคน อยู่คอนโดเดียวกันแต่คนละห้อง พ่อแม่ พี่ชายเลยไว้ใจ แต่ขนาดว่าไว้ใจ ยังโผล่มาเซอร์ไพรส์บ่อย ๆ เรื่องการเที่ยวผับเลยเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเป็นที่สิงสถิตของบรรดาพี่ชายทั้งหลาย พวกเธอยิ่งยากที่จะไปนั่งดื่มที่นั่น ขนาดว่าลุงพายุพ่อของปลายฝนเป็นเจ้าของผับใหญ่โต เราสามคนยังไม่เคยได้เข้าไปนั่งดื่มที่นั่นเลย
"น่าสนใจ"
กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงกริ่งเปิดประตูของคาเฟ่ เรียกความสนใจของเราสามคนให้หันไปมองบุคคลมาใหม่พร้อมกัน ก่อนที่มิลลิจะต้องตาเบิกโพลง ที่เห็นเป็นรุ่นพี่หนุ่มที่เธอแอบชอบกับเพื่อนสองคน เดินตรงมานั่งโต๊ะใกล้กับพวกเธอ
"บังเอิญหรือจงใจว่ะ"
คาเทียร์พูดเสียงเบาลอดไรฟัน พร้อมสายตาที่หันมามองเธออย่างจงใจ แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเพื่อนนัก เพราะตากลมโตถูกสายตาคมสะกดไว้จนไม่สามารถละสายตาไปได้
"มิลลิ"นิ้วเรียวของปลายฝนสะกิดเธอยิก ๆ จนต้องละสายตาหันมามองเพื่อนสองคน
"อะไรของพวกมึง"
"ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พี่เขาตามเรามาแน่"
เธอเองก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง เหมือนที่ปลายฝนบอก แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ คาเฟ่มหาลัยไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามเสียหน่อย นักศึกษาคณะไหน ๆ ก็สามารถมาใช้บริการได้ทั้งนั้น
"มึงสนใจเหรอว่ะ"
ตะวันที่ถูกเพื่อนลากให้มาคาเฟ่ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เต็มใจมา เรียนมาสามปี เป็นสถานที่ที่เขากับเพื่อนไม่เคยมาเลยด้วยซ้ำ แต่พอเห็นสามสาวเดินตรงมาทางนี้ ยีนส์ก็จงใจเดินตามมาห่าง ๆ ทำทีเป็นว่าบังเอิญ
"กูไม่รู้มึงกำลังคิดทำอะไรนะ แต่กูอยากให้คิดเยอะ ๆ"
"สามคนนี้น่าจะมีคนใดคนหนึ่ง เป็นแฟนกับพวกไอ้โซลแน่ หรือไม่ก็น้องผมลอนของมึงน่าจะเป็นแฟนมัน กูเห็นยืนคุยกันอยู่ตั้งนาน แถมยังเอามือลูบหัวกันด้วย"
"ไม่ใช่แค่ลูบหัว กูไม่เคยเห็นมันมองผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อนเลย น้องคนนั้นคงสำคัญกับมันมาก"
ยิ่งเพื่อนสองคนพูดเท่าไหร่ ยีนส์ยิ่งคิดแผนร้ายมากเท่านั้น เป็นเพื่อนกันมาหลายปี เขาเองก็ไม่เคยเห็นอดีตเพื่อนรัก จะดูหวงใครมากเท่าผู้หญิงคนนี้เลย ขนาดจูเน่ผู้หญิงที่มันแย่งเขาไป เขายังไม่เคยเห็นความจริงใจของมันเลย
"น้องเขาดูชอบมึงจริง ๆ นะไอ้ยีนส์ แต่ก่อนหน้านี้มึงไม่เห็นเคยสนใจ คงไม่ใช่เพราะว่าเป็นเด็กไอ้โซลหรอกใช่ไหม มึงถึงสนใจขึ้นมา"
ยีนส์ไม่สนใจคำพูดของเพื่อนสองคน เขาเอาแต่มองตากับผู้หญิงที่พวกมันว่า และคิดเหมือนเพื่อนสองคนว่าผู้หญิงคนนั้นสนใจเขาจริง ๆ
"กูเพิ่งเห็นว่าสวยขนาดนี้ ไม่ทันสังเกตุ"
คีรินหันไปมองตามสายตาเพื่อน ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ถ้าเตือนแล้วไม่ฟัง ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย