ณ โรงพยาบาล
“อ้าว หมอเมฆ มาทำอะไรคะ อย่าบอกนะคะว่ามีเคสฉุกเฉิน”
“จะว่าฉุกเฉินก็ใช่ครับ ผมมากับรถของโรงพยาบาลที่มาถึงครับ”
“.....ชันสูตรเหรอคะ”
“ครับ ชันสูตร”
“เดี๋ยวดิฉันแจ้งให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
เมฆาพาปรางค์วลัยขับรถตามรถของโรงพยาบาลที่มารับ ตรงมายังโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่พยาบาลก็ถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงสำหรับติดต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อรู้ว่าเคสชันสูตรเป็นเคสที่มากับเมฆา เจ้าหน้าที่พยาบาลก็รีบกลับเข้าไปในแผนกและแจ้งลัดคิว เพราะเป็นสิทธิพิเศษของบุคลากรของที่นี่
“หนึ่ง แจ้งลัดคิวให้กูที” เมฆาโทรหาชยกร เพื่อนรักของเขา พ่วงด้วยตำแหน่งบุตรชายของเจ้าของโรงพยาบาลนี้
“หืม มีอะไรวะ”
“คุณแม่ของการ์ตูนเสีย ต้องชันสูตรเพื่อเอาเอกสารส่งประกัน ตูนเพื่อนเมียมึงอะ”
“เออ กูจำได้ เดี๋ยวกูจัดการให้”
หลังจากชยกรวางสายไป เมฆาก็เดินมานั่งลงข้างกายปรางค์วลัย ที่ยังนั่งเหม่ออยู่ เขามองหญิงสาวเงียบๆ มีเสียงถอนหายใจและเสียงสูดน้ำมูกบ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอก็พยายามใจแข็งไม่ร้องๆไห้ต่อหน้าคนอื่น
“ไอ้หนึ่งจัดการให้แล้ว น่าจะเร็วหน่อย แล้วเรื่องงานแม่ คิดไว้หรือยัง”
“ค่ะ คงจะ 3 คืนพอ”
“อื้ม ก็เดี๋ยวพอไปส่งแม่ที่วัดแล้วหาใครอยู่เป็นเพื่อนแม่ เราก็ไปก็ติดต่อร้าน แจ้งที่เขต แล้วก็เตรียมซื้อของที่ต้องใช้”
“ค่ะ”
“วันนี้กลับเถอะ ดึกแล้ว ชั้นสูตรใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถึงยังไงที่วัดก็ต้องรอเราไปติดต่อตอนเช้าอยู่ดี วันนี้ให้แม่นอนที่นี่ไปก่อน”
“.....ค่ะ”
“ไปเถอะ ไปพักผ่อน มีเสื้อผ้าชุดไหนที่จะให้แม่ไปก็ไปเตรียม ไปจดไว้ว่าต้องไปซื้ออะไรบ้าง” เมฆาช่วยเรียกสติหญิงสาวว่าเธอยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ
ความที่ปรางค์วลัยกับมารดาอยู่กันแค่ 2 คน อีกทั้งมารดาของเธอก็ไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหน เพราะส่วนใหญ่ก็ตัดขาดกันไป จึงไม่มีอะไรที่ยากนัก เพราะทุกอย่างคือเธอเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด
หญิงสาวลุกขึ้นยืนจากแรงดึงของเมฆา เธอแทบไม่มีแรงเหลือ เขารอจนเธอยืนได้มั่นคงจึงพาเธอเดินออกมายังที่จอดรถของบุคลากรด้านหน้าอาคารโรงพยาบาล ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งหลังจากที่เมฆาเปิดประตูรถให้
“คาดเข็มขัดด้วย” เมฆาสั่งหญิงสาว เมื่อเขาขึ้นรถและเตรียมตัวจะเหยียบคันเร่ง แต่ปรางค์วลัยยังนั่งนิ่งอยู่
“อ้าว ลืม โทษทีค่ะ” หญิงสาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด
เมฆารอจนปรางค์วลัยพร้อม เขาถึงเหยียบคันเร่ง เคลื่อนรถออกจากโรงพยาบาลไป วันนี้เขาขับไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบเร่งเหมือนเช่นทุกวัน จนเมื่อมาถึงบ้าน เขาก็จอดรถตรงกลางระหว่างบ้านเขากับบ้านเธอ
“ต่อไปต้องอยู่คนเดียวแล้ว ปิดล็อกประตูบ้านดีๆล่ะ” เมฆาสั่งเสียงขรึม ระหว่างยืนรอให้ปรางค์วลัยไขกุญแจเข้าบ้าน
“รู้แล้วค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมกับส่งค้อนเล็กน้อย เมื่อบ้านเธอก็มีแค่เขาคนเดียวที่เข้าออกยามวิกาล
เมฆายืนรอจนปรางค์วลัยเข้าบ้านเรียบร้อย เขาถึงเดินเข้าบ้านของตัวเอง ร่างสูงเดินหายขึ้นไปยังชั้นบน ไม่นานก็กลับลงมาอีกครั้งในชุดลำลอง เขาปิดล็อกบ้านตัวเองจนแน่นหนา ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
ทางด้านปรางค์วลัย หญิงสาวขึ้นบ้านแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำใหม่ ก่อนจะออกมานั่งอยู่ปลายเตียง ดวงตากลมโตที่ก่อนหน้านี้ฉายแววเข้มแข็งยามอยู่ต่อหน้าคนอื่น บัดนี้มีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ทำไมไม่ลากันก่อนล่ะแม่ ตูนยังไม่ทันได้บอกลาแม่เลยนะ” เสียงหวานใสสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
หญิงสาวนั่งน้ำตาไหลอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้สะอื้นหรือเปล่งเสียงออกมา ไม่ใช่เพราะว่าเธอใจแข็ง แต่เพราะว่าเธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแล้ว
แต่เดิมปรางค์วลัยก็อยู่กับมารดาแค่ 2 คนมาตลอด เมื่อสิ้นมารดาไปโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเลยเกิดอาการเคว้งคว้างไม่น้อย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าหากเป็นโรคนี้ ไม่นานก็คงต้องจากกัน แต่เธอก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่ดี
ดวงตากลมโตกระพริบไล่น้ำใสออกจากดวงตา มือเรียวลูบใบหน้าของตัวเองเพื่อตั้งสติหลังจากที่นั่งเหม่ออยู่นาน หญิงสาวก็ขยับตัวลุกขึ้นเดินหายเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็กลับออกมาด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นหลังจากได้ล้างคราบน้ำตาออก
ร่างกายสมส่วนเดินมาหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ก่อนจะเอนกายลงนอน สีหน้าเธอเหนื่อยล้า แต่ก็ทำได้เพียงแค่พยายามนอนหลับเพื่อให้มันผ่านไปอีกวันโดยเร็ว
เช้าวันต่อมา ปรางค์วลัยลงมาจากบนบ้านด้วยสภาพเพิ่งตื่นนอน เธอยังแอบคิดว่าตัวเองอาจจะฝันไปและลงมาเจอมารดาข้างล่าง จึงเดินลงมาช้าๆด้วยใจหวังเล็กๆ แต่ก็ต้องวูบไหวเมื่อภายในบ้านเงียบสงบ
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นออกมาจากทางในครัว หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหมุนตัวหันไปมอง ก็เห็นเมฆาเดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาวเดินออกมาพร้อมกับชามข้าวต้มร้อนๆ 2 ชาม
“.....เข้ามาเมื่อไหร่คะ”
“เมื่อคืน อาบน้ำเสร็จก็เข้ามานอนที่นี่”
“นอนในห้องแม่เหรอคะ”
“เปล่า นอนที่โซฟา”
“.....ค่ะ”
“มากินข้าว วันนี้ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”
“ค่ะ”
ปรางค์วลัยเดินมาขยับเก้าอี้แล้วหย่อนตัวนั่งลง ตรงหน้ามีชามข้าวต้มที่มีควันอบอวลอยู่ กลิ่นหอมกระเทียมเจียวทำให้หญิงสาวรู้สึกหิวขึ้นมา
“ในบ้านมีของเหรอคะ ตูนยังไม่ได้ไปจ่ายกับข้าวเลย”
“พี่ออกไปซื้อตลาดหน้าหมู่บ้านมาเมื่อเช้าอะสิ”
“อ๋อ ค่ะ รบกวนเยอะเลย ขอบคุณนะคะ”
เมฆาไม่ได้ตอบอะไรหญิงสาว เขานั่งลงแล้วกินข้าวต้มชามของตัวเองเงียบๆ ในใจคิดถึงงานที่ต้องจัดการในวันนี้และวันต่อไป
หลังจากจัดการมื้อเช้ากันเสร็จแล้ว เมฆาก็พาปรางค์วลัยไปติดต่อวัดที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อจองศาลา แล้วถึงมาที่โรงพยาบาลเพื่อจัดการรับศพของปริมกลับมาตั้งไว้ที่วัด เมฆาอยู่จัดการเรื่องรายละเอียดต่างๆให้กับปรางค์วลัย ส่วนหญิงสาวเอาเอกสารที่ได้จากโรงพยาบาลไปติดต่อแจ้งตายที่สำนักงานเขต ก่อนจะกลับมารดน้ำศพในช่วงเวลาบ่าย 3 โมง ซึ่งก็เกือบจะไม่ทัน เนื่องจากที่สำนักงานเขตคนค่อนข้างเยอะ
หลังจากปรางค์วลัยและผู้ที่มารดน้ำศพกันครบแล้วก็ทำการบรรจุปริมลงโรงศพที่ได้เตรียมเอาไว้ หญิงสาวกลั้นน้ำตาจนตาแดงก่ำ
“เสียใจด้วยนะแก ฉันเพิ่งรู้ข่าวจากพี่หนึ่งก็ลางานมาเลย ยัยพินนี่ไปต่างจังหวัด ฉันบอกข่าวไปแล้ว ตอนนี้กำลังเดินทางกลับมา น่าจะมาทันตอนพระสวด” ชมพูแพรเอ่ยบอกปรางค์วลัยพร้อมกับเดินเข้าไปกอด
“ขอบใจนะแก ฉันสติไม่มีเลย ได้หมอเมฆช่วยจัดการเกือบหมด” ปรางค์วลัยเอ่ยบอกเพื่อนรักเสียงแผ่ว
“ฉันเข้าใจ มีอะไรให้ช่วยก็บอกฉันได้เลยนะ ฉันพร้อมช่วยเต็มที่”
“พูดตามตรง ฉันเองยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง” ปรางค์วลัยพูดด้วยแววตาอ่อนแสง
“อื้ม เดี๋ยวแกไปติดต่อประกันสังคม ไปขอเอกสารมากรอก ต้องให้วัดประทับตาด้วย วันเผา เพื่อเอาไปยื่นเป็นผู้จัดการงานศพ” ชมพูแพรบอกปรางค์วลัยตามที่เธอรู้มา
“โอเค”
“เอกสารแม่น่ะ แกถ่ายสำเนาเอาไว้เยอะๆเลย เพราะแกต้องยื่นทั้งประกันสังคม ประกันชีวิตของแม่หลายตัวด้วยไม่ใช่เหรอ”
“อือ ก็หลายตัวอยู่ ประกันโรคร้าย ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องยื่นเคลมไปที่ไหนบ้าง ค่อยถามหมอเมฆอีกที” หญิงสาวหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆด้วยความเหนื่อยล้า โดยมีชมพูแพรตามมานั่งลงข้างๆ
“ที่ทำงานเราก็เบิกได้นะ เพราะเราบรรจุแล้ว”
“เออ จริงด้วยเนอะ เราบรรจุแล้ว” ปรางค์วลัยทวนคำเพื่อนราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
“ยัยตูน แกไหวไหมเนี่ย” ชมพูแพรมองปรางค์วลัยด้วยแววตาเป็นห่วง
“เออ ไหวอยู่”
“ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไร หมอเมฆแอบเข้ามานอนที่บ้านฉันเกือบทุกวันอยู่แล้ว”
“มีอะไรก็บอกฉันนะ”
“อือ”
ปรางค์วลัยรับคำเพื่อน เธอนั่งมองไปที่โลงศพของมารดาที่ใส่โลงเย็นแล้วตั้งเอาไว้ด้านข้างโลงที่ตั้งเอาไว้โชว์แขกที่มาด้วยแววตาหม่น
“ชมพูจะรออยู่ที่วัดไหม หรือจะไปด้วยกัน ยัยการ์ตูนต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ” เมฆาที่เดินเข้ามาหาสองสาวพร้อมกับชยกรถามขึ้นพร้อมกับบอกให้ปรางค์วลัยรู้สิ่งที่ต้องทำในทีเดียว
“รอที่นี่ดีกว่าค่ะ เผื่อมีอะไรขาดเหลือด้วย”
“มีแน่จ้ะ พี่จะไปซื้อของชำร่วยแจกแขกที่มา” ชยกรบอกแฟนสาวหลังจากที่เธอตอบเมฆา
“อ้าว โอเค งั้นชมพูไปกับพี่หนึ่งค่ะ”
“โอเค งั้นแยกกันตรงนี้นะ เจอกันตอนเย็นๆ” เมฆาบอกพลางดึงให้ปรางค์วลัยลุกขึ้น
“ตามนั้น” ชยกรเอ่ยรับคำ ก่อนจะพาชมพูแพรเดินออกไป
เมฆาหันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจึงดึงปรางค์วลัยให้เดินตามเขาไปที่รถ รอจนหญิงสาวขึ้นนั่งเรียบร้อย จึงแตะคันเร่งเคลื่อนตัวออกไป