ตอนที่ 6
แม่เลี้ยงใจร้าย
หลายชั่วยามผ่านไป ท้องฟ้าที่เคยสว่างจ้าเริ่มเปลี่ยนแสงแดดจัดให้กลายเป็นความอบอุ่นแบบอ่อนโยน คาราวานของตระกูลซูยังคงเคลื่อนตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ภายในรถม้านั้น เด็กแฝดที่ตอนแรกยังจับกล่องขนมกันแน่น ตอนนี้กลับเริ่มนั่งเอนไปเอนมาเพราะความง่วงที่ครอบงำ
“ท่านพี่.. ข้าอยากกินขนมถั่วเขียว” เสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวซูดังขึ้นเบา ๆ ในขณะที่เธอเอนหัวพิงไหล่พี่ชาย ต้าซูหรี่ตาลงแล้วเอียงคอนิด ๆ
“ไว้ถึงบ้านแล้วพี่จะให้ท่านพ่อซื้อให้นะเสี่ยวซู”
“ข้าขอสามชิ้นนะเจ้าคะ..” เสี่ยวซูพึมพำออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอเริ่มแผ่วราวกับกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
“ได้เลย” ต้าซูตอบเสียงเบาพร้อมกับหาวหวอดๆ ก่อนที่ร่างเล็กทั้งสองจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับเบาะ มือน้อยยังคงจับกันไว้แน่น สลับกับเหลือบมองแม่เลี้ยงที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ฝั่งตรงข้าม
แม้จะยังไม่ไว้ใจ แต่ดูเหมือนท่านแม่ตอนนี้จะไม่ได้ทำอะไรน่ากลัวอย่างที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน ก่อนที่เปลือกตาเล็ก ๆ จะปิดลงจนสนิท
ซูอวี่และเฉาซีนั่งเงียบมาเกือบตลอดทาง ต่างฝ่ายต่างไม่เอ่ยคำใด มีเพียงสายลมที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างรถม้ากับเสียงฝีเท้าม้าของคาราวานเท่านั้นที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่จู่ ๆ รถม้าก็เกิดตกหลุมทำให้เด็ก ๆ นั้นเสียหลัก
“อ๊ะ!”
“เฮ้ย!!”
ร่างเล็กของซูไป๋จื้อและซูไป๋ฮวาถูกแรงกระแทกเหวี่ยงลอยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเกือบคะมำหน้าทิ่ม ในเสี้ยววินาทีนั้นเฉาซีได้คว้าตัวต้าซูเอาไว้ได้ทัน พร้อมกันกับที่ซูอวี่เองก็คว้าเสี่ยวซูเข้ามากอดแน่นไม่ให้ล้ม
และเพราะเด็ก ๆ คู่นี้ที่ผ่านมานั้นร่างกายของพวกเขาถูกฮั่วเฉาซีใช้ยากับเด็ก ๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้มีผลข้างเคียงกลายเป็นเด็กที่หลับลึกมากกว่าปกติ
ร่างของทั้งสี่คนเอนไปตามแรงเหวี่ยง รถม้าโยกแรงจนผ้าปูเบาะหลุดออกจากที่เดิมแต่ไม่มีใครบาดเจ็บ เฉาซีกอดเด็กชายไว้แน่นก่อนจะหันไปสบตากับซูอวี่อย่างไม่ตั้งใจ สายตาของเขานิ่งขรึมในขณะที่เธอก็เม้มปากแน่นพูดเบา ๆ
“ข้าแค่ไม่อยากให้เด็ก ๆ เจ็บตัว”
เงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ขยับตัวมายังฝั่งเดียวกับเขา พลางอุ้มต้าซูขึ้นนั่งตักอย่างระวัง ซูอวี่มองเธอนิ่งแต่ไม่ได้ว่าอะไร เขาปรับท่านั่งนิดหน่อย ก่อนจะจับเสี่ยวซูให้นั่งอย่างสบายอยู่บนตักของตนเอง
ค่ำคืนที่ม่านสีครามเข้มคลุมผืนฟ้า กลิ่นดินแห้งและลมอุ่นพัดผ่านเบา ๆ ขณะที่คาราวานของตระกูลซูเคลื่อนตัวมาหยุดพักยังโรงเตี๊ยมเก่า ๆ ริมทาง
เสียงฝีเท้าม้าชะลอลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจของเหล่าผู้ติดตามที่ใช้เวลาเดินทางมาทั้งวัน ผ้าปิดรถม้าเลิกขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของหว่างตันที่โผล่มาก่อน
“คุณชาย.. คืนนี้ต้องพักที่โรงเตี๊ยมก่อนนะขอรับ อีกเกือบครึ่งวันถึงจะถึงท่าเรือขอรับ” เขาเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะมองเข้ามาในรถม้า แต่ก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสายตาของหว่างตันนั้นสบกับภาพเบื้องหน้า
ซูอวี่นั่งนิ่งจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาราบเรียบ สองแขนอุ้มซูไป๋ฮวาที่หลับปุ๋ย ส่วนเฉาซีนั้นนอนหลับใช้ศีรษะพิงไหล่ของเขาอยู่อย่างหมดแรง ร่างของเธอโอบซูไป๋จื้อไว้แน่น
หว่างตันนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาเจ้านายแล้วถอยกลับไปหลังจากได้รับเพียงแค่พยักหน้าเล็ก ๆ จากซูอวี่ ไม่นานเขาก็กลับมาอีกครั้ง
“จัดการเรื่องห้องพักเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“เอาเด็ก ๆ ลงก่อน” ซูอวี่พูดเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หว่างตันขึ้นมารับซูไป๋ฮวาไปก่อน แล้วกลับมาอุ้มซูไป๋จื้อไปอีกคน เด็กทั้งสองยังคงหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เมื่อร่างเล็กทั้งสองหายลับไปแล้ว ซูอวี่จึงค่อย ๆ โน้มตัวลงไปอุ้มหญิงสาวที่ยังหลับอยู่ขึ้นมาในอ้อมแขนแทนการปลุกให้นางตื่นขึ้นมา
“อือ..” เธอครางเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา แสงไฟจากโคมหน้าประตูโรงเตี๊ยมสะท้อนใบหน้าของเขาในผ่านความมืด ขณะที่สายตากำลังจ้องมองใบหน้าของเธอที่แนบอกเขาอย่างลืมตัว
ริมฝีปากของเธอขยับเบา ๆ ราวกับละเมอ เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแผ่นอกตนผ่านเนื้อผ้าบาง ๆ หัวใจที่คิดว่าชาไปแล้วกลับกระตุกแปลบขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่าทำให้ข้ารักเจ้าไปมากกว่านี้ได้หรือไม่ เฉาซี..” เขาเคยพูดประโยคนี้กับเธอในคืนที่พายุฝนพัดผ่านราวกับโลกทั้งใบจะถล่ม และในคืนนั้นเธอก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาราวกับคนที่กำลังสนุกก่อนจะซุกหน้าลงกับอกเขา
“ไม่ได้หรอกท่านพี่.. ข้าชอบเวลาท่านรักข้า ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งชอบท่านมากเท่านั้น”
ชายหนุ่มยืนมองใบหน้าของเฉาซีพร้อมความทรงจำในอดีต นึกถึงคืนนั้น คืนที่เธอครางชื่อเขาอย่างออดอ้อน ร่างกายที่เคยแนบสนิท เสียงกระซิบ ความอบอุ่นยามเธอเอื้อมมือมาจับปลายนิ้วเขาไว้ไม่ให้ขยับหนี แต่ภาพนั้นก็ดับวูบไปในพริบตาเดียว
ถูกแทนด้วยภาพของเธอในหอนางโลม ยามที่เขาเปิดประตูเข้าไปและพบว่าเฉาซีกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้า เสื้อผ้าที่ถูกรูดลงเผยให้เห็นไหล่เนียนขาวที่เคยเป็นของเขา กลับเปื้อนรอยจูบของคนอื่น
หัวใจของเขาเคยแตกสลายตรงนั้น และแม้ตอนนี้อ้อมแขนเขาจะกอดเธอไว้อีกครั้ง แต่ในใจเขากลับเหมือนยังถูกแทงซ้ำทุกครั้งที่หวนคิด
“เจ้านี่มัน.. ตายยากตายเย็นเสียจริงเฉาซี” เขาพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงแฝงด้วยความขมขื่นและอ่อนโยนในคราวเดียวกัน
เมื่อเดินมาถึงห้องพัก เขาวางเธอลงอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย สองเท้ายยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงมองหญิงสาวในยามหลับไหลอยู่อย่างนั้น ร่างกายของเธอดูบางเบาและอ่อนแรงกว่าที่เคยเห็น เดิมทีเขาคิดว่าตนเองนั้นเกลียดเธอเข้าไส้ จนสามารถฆ่าเธอให้ตายได้อย่างไม่ลังเล แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เหตุใดต้องส่งเธอให้กลับมาเจอกับเขาอีกครั้ง
“ทำไมต้องกลับมา..”
เขาแทบไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ต่อไป จะให้นางใช้ชีวิตเสวยสุขอย่างที่ผ่านมาตัดทิ้งไปได้เลย งั้นก็เหลือเพียงแค่.. ต้องให้เธอได้ชดใช้ในสิ่งที่เธอเคยทำไว้สินะ
"หรือที่สวรรค์ส่งเจ้ากลับมาเพื่อชดใช้สินะ.. การตายคงง่ายไปสำหรับเจ้าสินะ"
“อือ.. หมอนข้างหนิงเกอข้างข้า..” ซูอวี่ที่กำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง เป็นต้องหันกลับไปมองหญิงสาวที่นอนละเมอ ก่อนที่ร่างบางบนเตียงจะปรือตาขึ้นเล็กน้อย มือเล็กของเธอก็คว้าหมับที่ชายเสื้อของเขาแล้วกระชากเต็มแรง
“เฮ้ย” ซูอวี่โอนเอนไปข้างหน้าไม่ทันตั้งตัว ในจังหวะเดียวกับที่มือเรียวของเฉาซีก็กอดเอวเขาเอาไว้แน่น แล้วเขาก็ล้มลงไปนอนแนบข้างเธออย่างช่วยไม่ได้
“ฮึ่ม..” เสียงในลำคอของเขาดูไม่แน่ใจว่าควรจะคำรามหรือถอนหายใจดี แขนสองข้างของหญิงสาวรัดรอบเอวเขาแน่นราวกับเขาคือหมอนข้างลายที่เธอฝันถึง เธอพึมพำเบา ๆ ฟังแทบไม่เป็นภาษา ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับแผงอกของเขาอย่างหวงแหน ไม่เพียงแค่นั้นนางยังขยับเรียวขาขึ้นมาก่ายเขาไว้เต็มเหนี่ยวจนซูอวี่แข็งค้างไปทั้งตัว
“เฉาซี! เจ้ากำลังทำอะไร” เขาพึมพำออกมาอย่างคนที่ตกใจ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะทั้งกลิ่นหอมของกายเธอ และท่าทางที่เธอกระทำนั้นดูเหมือนว่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“อือออ หนิงเกอจ๋าอย่าหนีนะ มานี่เร็ว..” เธอพึมพำต่อพร้อมรอยยิ้มโดยที่ไม่แม้แต่จะลืมตา ริมฝีปากเย็น ๆ แนบเข้ากับปลายคางของเขาโดยไม่รู้ตัวทำให้ชายหนุ่มนั้นขนลุกซู่ตั้งแต่ท้ายทอยจรดสันหลัง ชายหนุ่มนอนนิ่งแทบไม่กล้าหายใจ มือทั้งสองวางแปะอยู่ข้างตัวไม่กล้าแตะต้องอะไรทั้งสิ้น ดวงตาจ้องเพดานอย่างพยายามไม่คิดอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด เขาแพ้กลิ่นกายของเธอที่ยังเหมือนเดิม แพ้สัมผัสนุ่มนิ่มของร่างในอ้อมแขน แม้ว่าจะเกลียดเธอมาก.. แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขานั้นยังคงแพ้ทุกอย่างที่เป็นเธอ
“เจ้า.. เจ้ากำลังจะทำให้ข้าขาดอากาศตายหรือไง เฉาซี.. ขยับไป อุ๊บ!!”