ตอนที่ 8
สายโทรเข้าที่ทำให้ยิ้มได้
นลินนากลับเข้ามาในห้องนอนหลังจากคุยกับป้าสุรีย์อยู่พักใหญ่ หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมาบนเตียง เธอพยายามข่มตาให้หลับ แต่ภาพเอกสารที่ไม่ตรงสเปกและคำพูดห้วนๆ ของหัวหน้าก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งทับอยู่ในอก หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาเพื่อนสนิท
“นอนหรือยังป่าน”
“ยังเลย เป็นไงบ้างทำงานวันแรกโอเคไหม เจ้านายหล่อหรือเปล่า” ธมนวรรณถามด้วยความอยากรู้
“แหมๆ รีบถามถึงเจ้านายเลยนะ แต่ขอโทษที่คำตอบของฉันต้องทำให้แกผิดหวังนะป่าน เจ้านายของฉันน้ำหนักน่าจะเกินร้อยกิโลได้นะ ยังสนใจอยู่ไหมล่ะ”
“ใครจะสนล่ะ ฉันไม่ได้บลูลี่เรื่องรูปร่างหรอกนะ”
“อือ ฉันรู้ว่าสเปกของแกต้องหล่อขาวตี๋ใช่ไหมล่ะ” นลินนารู้ว่าเพื่อนชอบผู้ชายแบบไหน
“ถูกต้องที่สุด เอาล่ะที่นี่เล่าเรื่องทำงานบ้างสิ เป็นไงบ้างงานหนักไหม”
“ไม่น่ะ วันนี้ก็แค่ศึกษาเอกสารน่ะ มีอะไรมากหรอก” หญิงสาวไม่กล้าเล่าเรื่องที่ตนเองเจอให้เพื่อนฟังเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลไปกับตัวเอง
“แล้วเพื่อนร่วมงานล่ะโอเคไหม”
“ก็โอเคนะ ทุกอย่างไปได้ดีเลยล่ะ แล้วแกล่ะป่านไปเริ่มงานที่บริษัทของพ่อหรือยัง”
“ยังเลยตอนนี้กำลังคิดว่าอยากจะเรียนต่อปริญญาโทน่ะ”
“เอาสิ แต่จะเรียนที่เดิมหรือไปเรียนต่างประเทศล่ะ” นลินนาสนับสนุนเพื่อนอย่างเต็มที่
“พ่ออยากให้ไปเรียนที่อังกฤษ”
“ฉันว่ามันดีกับแกมากนะ ถ้าแกจบแล้วไปทำงานที่บริษัทเลยคนอาจจะมองว่าแกก็แค่เด็กจบใหม่ที่ได้เข้าทำงานเพราะพ่อเป็นเจ้าของบริษัท แต่ถ้าแกไปเรียนต่อและได้ทำงานเก็บประสบการณ์จากต่างประเทศเวลากลับมารับตำแหน่งบริหารพนักงานก็คงยอมรับในความสามารถของแก”
“พ่อก็บอกแบบนั้น แต่ถ้าฉันไปเรียนก็คงเหงามาก”
“คนอัธยาศัยดีอย่างแกฉันว่าคงหาเพื่อนที่นั่นได้ไม่ยากและฉันสัญญาเลยว่าจะโทรหาแกบ่อยๆ”
“ฉันจะลองคิดดูอีกทีนะ บางทีอาจเรียนที่เมืองไทยก็ได้”
“ไม่ว่าแกจะเลือกเรียนที่ไหนฉันก็เอาใจช่วยแกเสมอ”
“ขอบใจนะลิน ฉันก็เอาใจช่วยแกเหมือนกันนะ”
นลินนาคุยกับเพื่อนอีกนานเท่าไหร่ก็วางสาย จากนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นไปหยิบหนังสือนิยายที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาอ่าน หวังว่าเรื่องราวในนั้นจะช่วยให้เธอคลายความกังวลและช่วยให้เธอง่วงนอนได้
ขณะที่นลินนากำลังจมดิ่งอยู่กับตัวอักษรแล้วเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็ดังขึ้นมา เธอตกใจเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยมีใครโทรหาเธอตอนดึกแบบนี้นอกจากธมนวรรณแต่เธอกับเพื่อนก็เพิ่งคุยกันไปเมื่อครู่
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอแต่ปรากฏชื่อนั่นเพราะเธอไม่ได้บันทึกไว้ เธอลังเลว่าจะกดรับดีหรือเปล่าแต่เมื่อคิดว่าอาจจะเป็นคนที่บริษัทหญิงสาวก็กดรับทันที
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทักทายเพียงสั้นๆ เพราะอยากจะรู้ว่าปลายสายคือใครก่อนจะพูดอะไรต่อ
“สวัสดีครับ” เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสาย ทำให้นลินนาถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นมาทันที
“พี่ธีร์เหรอคะ” นลินนาดีใจและแปลกใจที่เขาโทรมาหาเพราะเธอไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์กับเขา
“ใช่ครับ พี่เองลินนอนหรือยังครับ” ธีรกฤษตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ยังค่ะ พี่ธีร์เอาเบอร์ลินมาจากไหนคะ” นลินนาถามตรงๆ น้ำเสียงยังคงมีแต่ความดีใจ
“ขอมาจากน้าสมรครับ” ธีรกฤษตอบไปตามตรงและกว่าจะเบอร์โทรศัพท์ของเธอเขาก็ต้องคิดหาเหตุผลอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอมบอกน้าสมรไปตามตรงว่าเขาสนใจนลินนาและอยากจะคุยต่อ พอน้าสมรรู้ก็เชียร์เขาอย่างออกหน้าเพราะเธอเองก็ถูกชะตากับนลินนาอยู่มาก
“พี่ธีร์มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” เธอคิดว่าถ้าไม่ธุระอะไรเขาคงไม่โทรหาเธอในเวลานี้แน่นอน
“ไม่มีธุระหรอกพี่ก็แค่อยากโทรมาถามว่าวันแรกของการทำงานเป็นยังไงบ้าง” ธีรกฤษถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและห่วงใย ซึ่งผิดวิสัยจากนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมอย่างเขา ที่ปกติจะให้ความสำคัญกับเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว
“พี่จำได้เหรอคะว่าวันนี้ลินไปทำงานวันแรก” เธอเล่าให้เขาฟังเมื่อครั้งก่อนตอนที่เขาขับรถมาส่งที่บ้านแต่ไม่คิดว่าเขาจะจำได้เพราะมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
“พี่จำได้ แล้วทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้าง” เขาถามซ้ำอีกครั้ง
นลินนาเงียบไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จะบอกความจริงเรื่องที่เจอความผิดปกติในบริษัทดีไหม หรือจะโกหกเหมือนที่โกหกป้าไปแล้ว
“ก็ดีค่ะพี่ธีร์ เพื่อนร่วมงานน่ารัก หัวหน้าก็โอเคเลยค่ะ” หญิงสาวตัดสินใจเลือกที่จะโกหกออกไป น้ำเสียงเธอพยายามทำให้ฟังดูร่าเริงที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่รู้ว่าวันแรกของการทำงานมันก็อาจจะดูวุ่นๆ หน่อย แต่เชื่อเถอะครับ เดี๋ยวก็ปรับตัวได้” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนจนนลินนารู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขา
“ค่ะ ลินก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ” นลินนาตอบรับ ความรู้สึกอึดอัดใจเริ่มเข้ามาเกาะกุมอีกครั้ง แต่เธอก็พยายามสะบัดมันทิ้งไป
“พี่กินคุกกี้ที่ทำมาให้แล้ว”
“เป็นไงบ้างคะอร่อยไหม” เธอถามกลับด้วยความตื่นเต้นและลุ้นกับคำตอบของธีรกฤษ
“อร่อยมากเลยล่ะ น้าสมรก็บอกว่าอร่อย”
“จริงเหรอคะ ถ้างั้นลินจะทำไปให้อีกดีไหม”
“เอาตรงๆ นะพี่เกรงใจเพราะตอนนี้ลินก็ไปเริ่มทำงานแล้ว ถ้ายังต้องทำคุกกี้มาให้พี่ก็คงจะเหนื่อย”
“ก็ทำวันหยุดได้นี่คะ ถ้าลินทำแล้วจะเอาไปให้ที่บ้านนะคะ”
“ให้พี่ไปเอาที่บ้านก็ได้นะ” เขาอยากหาโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินนาและคิดว่าการเข้าไปในบ้านของเธอจะทำให้ได้รู้จักกับเธอมากขึ้น
“ไม่ได้นะคะ” หญิงสาวรีบห้าม
“ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“ลินไม่อยากให้พี่ธีร์เจอกับป้าของลิน”
“บอกได้ไหมว่าเพราะอะไร”
“ป้าไม่รู้เรื่องที่ลินเมาแล้วไปนอนที่เบาะหลังรถของพี่ธีร์ค่ะ”
“พี่เข้าใจแล้ว เรื่องนั้นมันเป็นความลับใช่ไหม”
“ค่ะ มีแค่ลิน พี่ธีร์และน้าสมรที่รู้เรื่อง”
“พี่ขอโทษนะลิน” เมื่อเธอบอกว่าเป็นความลับเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเพราะเผลอไปเล่าเรื่องนั้นให้เพื่อนสนิทฟังไปแล้ว
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ”
“ก็พี่เล่าเรื่องลินให้เพื่อนฟังไปแล้วสองคน แต่ลินมั่นใจได้เลยว่าเพื่อนพี่ไม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังแน่” ธีรกฤษรีบบอกเพื่ออยากให้นลินนาสบายใจ
“น่าอายมากใช่ไหมคะเพื่อนพี่ก็คงหัวเราะกันสนุกไปเลยใช่ไหม” เธอรู้สึกผิดหวังที่เขาเอาเรื่องน่าอายของเธอไปเล่าให้คนอื่นฟัง
“ไม่เลย เพื่อนพี่เข้าใจดี คนเราเวลาเมาก็ทำอะไรไปโดยที่มีรู้ตัว แค่ขึ้นรถผิดคันมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพื่อนพี่มันยังเคยเมาแล้วบอกให้แท็กซี่ไปส่งที่บ้านของแฟนเก่าทั้งที่เลิกกันมาหลายเดือนแล้ว"
“พี่ธีร์กำลังพูดให้ลินสบายใจใช่ไหม”
“พี่พูดจริงไม่เชื่อลองมาถามเพื่อนพี่เองสิ แล้วลินจะรู้ว่าเรื่องที่ลินทำนั้นมันไม่ได้น่าอายเลย”
“ลินจะเชื่อพี่ก็ได้ค่ะ”
“พี่กวนเวลาลินมานานแล้วแต่ก่อนจะวางพี่ว่าจะถามอะไรอีกอย่าง”
“ถามอะไรคะ”
“ลินทำงานแผนกอะไรครับ” เขาถามกลับมาเข้าเรื่องงานอีกครั้ง
“แผนกจัดซื้อค่ะ ดูแลเรื่องเอกสารการสั่งซื้อประสานงานกับซัพพลายเออร์ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกถึงความผิดปกติที่เธอเจอ
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยได้ก็บอกนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ขอบคุณมากนะคะพี่ธีร์” เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่ธีรกฤษยังคงเป็นห่วงและพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอ
นลินนารู้สึกสบายใจขึ้นอย่างประหลาดเมื่อได้คุยกับธีรกฤษ เขามีบุคลิกที่แตกต่างจากที่เธอคิดไว้มาก จากที่ดูเป็นคนเย็นชาและเคร่งขรึม แต่เมื่อได้คุยกันจริงๆ เขากลับเป็นคนอบอุ่นและมีอารมณ์ขันเล็กน้อย
“งั้นพี่ไม่กวนลินแล้วนะครับ พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงาน”
“ค่ะพี่ธีร์ ขอบคุณมากนะคะที่โทรมา” นลินนาตอบด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายขึ้นมาก
“ไม่เป็นไรครับ ฝันดีนะครับลิน” ธีรกฤษกล่าวลา
“ฝันดีค่ะพี่ธีร์” นลินนากล่าวตอบก่อนที่ธีรกฤษจะวางสายไป
หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้ เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด การได้คุยกับเขาทำให้ความเครียดที่สะสมมาทั้งวันคลายลงไปได้บ้าง แม้ปัญหาเรื่องงานยังคงอยู่ แต่การได้คุยกับธีรกฤษก็ทำให้เธอรู้สึกว่าอย่างน้อย เธอก็ยังมีใครบางคนที่คอยห่วงใยอยู่