สงครามลากเพียงขวัญลงมาจากชั้นสองของบ้าน แรงบีบบริเวณข้อมือส่งผลให้เจ็บแปล๊บจนต้องนิ่วหน้า
“ฉันเจ็บนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะสงคราม” ร้องไปก็แค่นั้น เขาไม่ปล่อย ซ้ำยังลากเธอไปที่รถของเขาแล้วพาออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
ความหวาดกลัวส่งผลให้มือเรียวคว้าเข็มขัดนิรภัยทันที ทั้งที่คนขับไม่ได้หันมามองทางเธอด้วยซ้ำ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน
โรคจิตทั้งพี่ทั้งน้อง อันนี้ไม่น่าจะเกินจริงเลย!
“คราม นายกำลังจะปล่อยให้น้องสาวนายป่วยนะ” เธอพยายามเตือนสติทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามันจะได้ผลแค่ไหน
“งั้นเหรอ”
“นี่ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ และมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้ายังขืนปล่อยให้เขาเป็นอยู่แบบนี้ คนที่แค่อยากเอาชนะจนทำได้ทุกอย่างความคิดของเขามันอันตรายมากนะ”
“ดูเธอหวังดีกับน้องสาวของฉันจังเลยนะ”
“มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไปคิดร้ายกับน้องสาวนาย”
“งั้นเธอก็ขอให้พี่ชายของเธอกลับมารับผิดชอบน้องฉันสิ ลากมันกลับมาตอนนี้วินาทีนี้ เธอทำได้ไหม” คนถามใส่อารมณ์เต็มที่ ตะโกนก้องรถจนเพียงขวัญเบือนหน้าหลับตาปี๋
เธอกลัวเขา แต่ก็พยายามข่มความหวาดกลัวแล้วใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“ใจเย็นๆ ก่อนคราม”
“แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันก็แนะนำให้เธออยู่เฉยๆ อย่างสร้างปัญหา เพราะถ้าเธอเอาแต่สร้างปัญหา ฉันก็จะไปลากคอพี่ชายของเธอด้วยตัวเอง แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพอถึงตอนนั้นฉันไม่ได้ลากมันมาเพื่อรับผิดชอบน้องฉันแน่นอน” ประกายตาของเพียงขวัญวาบวับ เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอที่เป็นน้องสาวของคนที่เขาคิดไม่ดีด้วย
“แต่ฉันเชื่อว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น” สงครามชะงัก มุมปากยังคงยกยิ้มอยู่แบบนั้นพลางหันกลับมาสบตาเธอ
“ฉันเชื่อว่านายทำทุกอย่างก็เพราะรักน้องสาวตัวเอง ฉันเชื่อว่านายไม่มีทางทำร้ายพี่ชายฉันแน่ ฉันเชื่อว่านายมีเหตุผลมากกว่านี้นะคราม”
“เพิ่งรู้นะว่าฉันเป็นคนดีในสายตาเธอด้วย”
“เนื้อแท้นายไม่ได้เลวฉันเชื่อแบบนั้น แต่เราต้องเปลี่ยนความคิดและมุมมองนะคราม เรามาแก้ไขเรื่องนี้ไปด้วยกันดีไหม” เพียงขวัญใช้ไม้อ่อนพลางหันหน้าเข้าหาคนขับ
ถ้าเขารักน้องสาวของเขาได้มากขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมที่ลึกๆ เขาเองก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่ก็อย่างที่เธอบอกเขาต้องลองเปลี่ยนมุมมองและความเห็นใหม่ และเธอเชื่อว่าถ้าเขายอมฟังเธอ ทุกอย่างมันจะออกมาดีกว่านี้แน่นอน
“ฉันจะลงโทษใบตองที่ปล่อยให้เธอไปวุ่นวายที่บ้านของฉัน”
“ไม่ได้ ใบตองไม่ได้ผิด ฉันเป็นคนบังคับให้เขาพาฉันไปที่นั่นเอง”
“แต่ใบตองเป็นคนของฉัน เขาไม่มีสิทธิ์ไปเข้าข้างเธอและสนับสนุนให้เธอทำอะไรแบบนั้น ถ้าไม่สั่งสอนคนผิดก็ไม่รู้จักหลาบจำ”
“ฉันแค่คิดว่าฉันจะปรับความเข้าใจกับคะนิ้งได้ ฉันคิดว่าผู้หญิงด้วยกันน่าจะคุยกันง่ายกว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจหาเรื่องน้องสาวนายด้วยซ้ำ”
“ลูกน้องฉันมีเป็นร้อย ถ้าปล่อยให้ใบตองทำผิดแล้วไม่ลงโทษเลย คนอื่นก็จะเอาเป็นตัวอย่าง”
“งั้นฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างแทนใบตองเอง ฉันบอกไปแล้วว่าฉันทำแบบนั้นเพื่ออะไร และฉันก็เตือนนายด้วยความหวังดีแล้ว แต่ถ้านายตาบอดจนมองไม่เห็นความหวังดีนี้ ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเหมือนกัน”
“นี่เธอ!”
“สุดท้ายฉันก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่ ฉันไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ ที่พยายามหาทางออกร่วมกันก็ไม่ได้เข้าข้างใครเลยด้วย นายตอบได้ไหมล่ะว่าจนถึงตอนนี้ความผิดของฉันคืออะไร แค่เป็นน้องสาวของพี่เพลิงก็ผิดแล้วงั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถึงคราวซวยของฉันแล้วแหละ และฉันคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
“…..”
“และที่น้องสาวนายกระชากผมและตบหน้าฉัน ฉันก็คงเจ็บฟรี” เพียงขวัญเบือนหน้าหนีพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น เกิดมาเคยมีใครทำกับเธอแบบนี้ซะที่ไหน เด็กนั่นเป็นคนแรก แล้วแบบนี้เขายังจะกล้ามาลงโทษฝ่ายเธออีก ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเธอจะหาความยุติธรรมจากที่นี่ได้ที่ไหน อยู่ยากแล้วจริงๆ
สงครามพาเธอกลับมาที่ไร่อีกครั้ง และเขาก็คงจะโยกย้ายเธอกลับไปกลับมาตามอารมณ์ของเขานั่นแหละ เอาเถอะ ถ้าเขาลากเธอมาทำงานที่นี่ คอยใส่ปุ๋ย ตัดตกแต่งกิ่งที่ไร่สตรอว์เบอร์รีก็แล้วแต่เขา เธอเองก็จะรอจนกว่าจะถึงวันที่หลุดพ้นเหมือนกัน
“ถ้ามีปัญหานักก็มาอยู่ที่นี่”
“ฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรอยู่แล้วนี่ นายจะเฉดหัวฉันไปตรงไหนก็ได้ นี่มันถิ่นนาย”
“เพียง….”
“ไม่ต้องลงโทษใบตอง ถ้าอยากจะลงโทษก็มาลงโทษฉัน ฉันรับผิดชอบทุกอย่างเอง แล้วบอกมาเลยว่าจะให้ฉันทำอะไร ฉันจะก้มหน้ารับใช้นายจนกว่านายจะพอใจ จนกว่าฉันจะเป็นอิสระแล้วได้ไปจากที่นี่ และสาบานเลยว่าฉันจะไม่จดจำอะไรที่เกี่ยวข้องกับที่นี่เด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีความยุติธรรมเลยอย่างนาย” คนถูกตอกหน้าจากผู้หญิงคนแรกหน้าชาไปทั้งแถบ และทำได้เพียงกระชากแขนขาวแล้วดึงเธอเข้ามาหาตัวอีกครั้ง
“ใช่เร้อ… มาอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้ เอาอะไรมามั่นใจว่าเธอจะลืมฉันได้”
“แล้วนายมีอะไรให้ฉันจดจำบ้างเหรอ เข้าข้างอยู่แค่ฝ่ายเดียวไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ไม่คิดจะฟัง จำเอาไว้เลยว่านายจะเป็นของสิ่งแรกที่ฉันลืม”
“นี่เธอเปรียบฉันเป็นสิ่งของงั้นเหรอ”
“ใช่ จะเป็นอะไรก็ช่างที่ฉันอยากให้เป็น นายจะเป็นแค่ต้นไม้หรือไม่ก็ใบหญ้าหรือไม่ก็แค่โต๊ะหรือเก้าอี้แข็งกระด้างไร้ความรู้สึกที่ไม่มีค่าให้จดจำ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจดจำเธอเหมือนกัน”
“ดี รีบเบื่อหน้าฉันเร็วๆ หน่อยสิ ฉันอยากไปจากที่นี่จะแย่อยู่แล้ว ไม่อยากรอจนถึงสี่เดือน ช่วยสงเคราะห์หน่อยได้ไหมล่ะคะ” เธอมองเขาตาใส ท้าทายจนสงครามกัดฟันกรอด เพียงขวัญฉลาดแกมโกง เชื่อแล้วว่าสวยๆ แบบนี้โคตรอันตราย
“มาเป็นของเล่นแก้ขัดให้ฉันสักคืนสิ แค่เอากัน ถ้าถูกใจเดี๋ยวปล่อยกลับบ้านเลย”
“ไอ้บ้า!”
“โห พูดแค่นี้นี่ทำให้คุณหนูเพียงขึ้นได้เลยเหรอ อยากกลับนักไม่ใช่เหรอครับ กล้าไหมล่ะ นอนด้วยกันคืนเดียวแล้วฉันจะปล่อยเธอกลับบ้านเลย เปลืองตัวนิดเดียว ถึงยังไงก็คุ้มอยู่ดี ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินแบบนี้นี่ขึ้นไปแก้ผ้ารอบนเตียงแล้วนะ”
“ฝันไปเถอะ!”
“ไม่อยากฝันครับ อยากได้จริงๆ”
“ไอ้โรคจิต”
“ก็ถ้าไม่อยากได้ไอ้โรคจิตเป็นผัวก็อยู่ให้เป็น อย่ามีเรื่อง อย่าสร้างปัญหา เข้าใจไหมครับ” นิ้วยาวเหยียดแตะลงที่ใบหน้าขาวเนียนทว่าเพียงขวัญปัดมือนั้นออกห่างทันที
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“มากกว่าแตะก็ทำได้ถ้าคิดที่จะทำ” ประกายตาของสงครามจริงจังก่อนจะกระชากข้อมือเล็กทั้งสองข้าง ส่งผลให้ร่างบอบบางถลาไปด้านหน้า อกนุ่มกระแทกเบียดกับแผงอกแกร่งก่อนที่สงครามจะบดขยี้ริมฝีปากลงมาบนกลีบปากนุ่มอย่างรวดเร็ว
ความกระด้างจาบจ้วงแปลเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนแทรกความป่าเถื่อนเข้ามาเป็นระยะเมื่อสงครามเลื่อนมือขึ้นมาประคองใบหน้าสวยเอาไว้แน่น ลิ้นสากสอดเข้าไปควานหาความหวาน สัมผัสเธออย่างใจเย็น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าทันทีที่ถอนจูบเขาโดนเธอตบแน่นอน