“ไม่ได้เกลียด แล้วทำไมชอบหลบหน้าหลบตาฉัน”
ดวงตากลมโตช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของคำถามแวบหนึ่งก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำดังเดิม เธอไม่ได้ชอบหลบหน้าหลบตาเขาเสียหน่อย เพียงแต่เธอไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ ต่างหาก เพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของเขา หัวใจของเธอก็เต้นกระหน่ำรัวไปหมดแล้ว และมันก็เต้นแรงไปเสียทุกครั้งจนเธอเองยังตกใจ
“ผิงเปล่านะคะ”
ปาริมาปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อในคำพูดของเธอ
“ถ้าเปล่า ก็อย่าหลบตาฉัน”
ฟาบิโอไม่ชอบใจเลยที่หญิงสาวเอาแต่หลบหน้าเขา พูดจบก็ก้มลงมองพื้น ที่พื้นมันมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าใบหน้าหล่อๆ ของเขาอย่างนั้นหรือ
ใบหน้าเล็กค่อยๆ แหงนเงยขึ้นประสานสายตากับคนที่สูงกว่า แม้กล้ามเนื้อในอกซ้ายจะเต้นกระหน่ำรัวอย่างรุนแรง เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอเอ่ยออกไปคือเรื่องจริง
ดวงตาสองคู่สบประสานกัน คู่หนึ่งไหวระริก ส่วนอีกคู่ดูเป็นประกายเจิดจ้า ก่อนจะปรับเป็นราบเรียบเพียงเสี้ยววินาทียากต่อการคาดเดา ปาริมาเองก็ไม่กล้าหลบสายตา เพราะเกรงว่าจะโดนตำหนิอีก หญิงสาวทำได้เพียงมองสบตากับเขาอยู่แบบนั้น
“ทีหลังห้ามหลบหน้าฉันอีก เข้าใจมั้ย”
ฟาบิโอขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าเล็กอีกนิดตอนที่ออกปากกำชับ ตอนนี้จึงเหลือพื้นที่ว่างระหว่างกันไม่มาก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ปาริมาเริ่มหายใจได้ไม่สะดวกนัก ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มขาดห้วงเป็นพักๆ จนคนที่สูงกว่าสังเกตได้ ร่างสูงจึงขยับถอยออกมาเมื่อคนตัวเล็กกว่ารับคำ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดี ถ้าเธอหลบหน้าหลบตาหรือเวลาที่พูดแล้วไม่สบตาฉัน ฉันจะลงโทษเธอเข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
ปาริมารีบพยักหน้ารับหงึกๆ ไม่รอให้ฟาบิโอเอ่ยปากเป็นครั้งที่สอง แม้จะไม่ทราบว่าเขาจะลงโทษเธออย่างไร แต่หญิงสาวก็ไม่อยากเสี่ยง
“ไปเตรียมชาคาโมมายล์ แล้วยกไปให้ฉันที่ห้องทำงานด้วย”
ฟาบิโอออกปากสั่ง แล้วขยับเท้าถอยห่างออกจากร่างเล็ก มือหนาทั้งสองข้างที่เคยวางทาบทับฝาผนังก็ถูกลดลงไว้ข้างลำตัว ปาริมารีบพยักหน้ารับทันที
“ได้ค่ะ”
บอกแล้วเท้าเล็กก็ขยับออกไปจากห้องน้ำทันที ฟาบิโอเองก็ไม่ได้รั้งอีกฝ่ายเอาไว้ เขาทำเพียงเอี้ยวตัวมองตามแผ่นหลังบอบบางไปจนลับสายตา ริมฝีปากหยึกลึกคลี่ยิ้มบางเบา
‘กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากตัวเธอล่ะสินะ ปาริมา’
ปาริมายกแก้วชาคาโมมายล์ขึ้นมาที่ห้องทำงานของฟาบิโอ จัดการวางถ้วยชาลงบนโต๊ะทำงาน จากนั้นจึงถอยเท้าออกมายืนรอฟาบิโอที่ยังไม่เข้ามาในห้องทำงาน ตรงบริเวณมุมห้องที่มีโซฟาตัวยาวหุ้มหนังอย่างดีสีน้ำตาลเข้มวางอยู่
ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้น ร่างสูงสง่าของฟาบิโอก็ก้าวเข้ามาในห้องทำงาน ชายหนุ่มสวมชุดนอนสีฟ้าอ่อนลายทาง แบบเสื้อคอปกแขนยาวกับกางเกงขายาวพร้อมสวมเสื้อคลุมแบบผ้าแพรสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาคู่คมกวาดสายตามองหาปาริมาเป็นอันดับแรก ก่อนจะเห็นร่างเล็กยืนกุมมืออยู่ที่มุมห้อง
“ไปยืนทำอะไรตรงนั้น”
เสียงทุ้มแม้จะไม่ได้ฟังนุ่มหู ทว่าก็ไม่ได้ดูแข็งกระด้างมากนัก ปาริมาเกือบจะตอบออกไปทั้งที่ยังไม่ทันได้สบตากับอีกฝ่าย หากแต่คำสั่งกำชับที่ลอยเข้ามาในหัว ทำให้ใบหน้าเรียวแหงนเงยขึ้น ประสานสายตากับคนสูงกว่า แล้วจึงให้คำตอบ
“ผิงรอเผื่อว่าคุณฟาบิโอต้องการอะไรเพิ่มเติมค่ะ”
ปาริมาให้คำตอบแล้วลดสายตาลงเล็กน้อย เพราะการสบสายตากับนัยน์ตาสีเทาอ่อนคู่นั้นนานๆ ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อหัวใจดวงน้อยของเธอนัก
พอได้คำตอบ ฟาบิโอก็ขยับไปที่โต๊ะทำงาน ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ออกแล้วทิ้งตัวนั่งลง ระหว่างนั้นสายตาคู่คมยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กของปาริมา ที่ยืนกุมมือ ร่างเล็กแทบไม่ไหวติง มีเพียงช่วงอกที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เท่านั้น ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังหายใจอยู่
“นั่งลงก่อนสิ”
ปาริมาเหลือบสายตามองคนเป็นเจ้าของห้อง ดวงตากลมโตฉายแววงุนงงเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าระหว่างเก้าอี้กับโซฟา เขาจะให้เธอนั่งตรงไหน
“ที่โซฟานั่นแหละ”
ดูเหมือนว่าฟาบิโอจะเดาท่าทางของเธอออก ชายหนุ่มจึงออกปากสั่ง และปาริมาก็ไม่รีรอรีบพาตัวเองไปนั่งที่โซฟาตัวดังกล่าวทันที
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อหญิงสาวนั่งเรียบร้อย ฟาบิโอจึงละสายตาจากร่างเล็ก เพราะการที่เขาทิ้งสายตาเอาไว้ที่เธอแบบนั้น มันทำให้ร่างเล็กดูเกร็งเครียด ข้อนั้นเขารู้ดี ชายหนุ่มจึงยอมละสายตาจากเธอ แล้วหันมาสนใจแฟ้มเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าแทน หากแต่สายตาคู่คมยังคงเหลือบมองปาริมาเป็นระยะ เพียงแต่ไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวก็เท่านั้น
ร่างกายของปาริมาดูผ่อนคลายลงเมื่อไม่ถูกดวงตาคู่คมของฟาบิโอจับจ้อง บรรยากาศชวนให้อึดอัดหายใจลำบากก็ค่อยๆ จางหายไป แต่ความเย็นจากการทำงานของเครื่องปรับอากาศทำให้หญิงสาวต้องยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบกอดร่างเล็กของตัวเองไว้ เพราะทนกับความหนาวเย็นไม่ค่อยไหว
“หนาวเหรอ”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเพราะไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะอยู่ในสายตาของฟาบิโอ คำสั่งที่ยังคงอยู่ในหัวเด่นชัด ทำให้ดวงตากลมโตประสานเข้ากับนัยน์ตาสีเทาอ่อนแม้จะมีอาการประหม่าพอสมควร แล้วจึงให้คำตอบ
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่วเบา ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบแขนตัวเองขึ้นลงเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย แม้จะช่วยได้ไม่มากนักก็ตาม
บทสนทนาระหว่างทั้งคู่สิ้นสุดลงตรงนั้น เมื่อฟาบิโอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ปาริมาจึงดึงสายตากลับมาที่ตัวเอง และแน่นอนว่าหญิงสาวเลือกที่จะมองพื้นห้องแทนการมองเจ้าของห้องอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ร่างเล็กต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ มีผ้ามาคลุมร่างของเธอ หญิงสาวพบว่าผ้าผืนดังกล่าวก็คือเสื้อคลุมผ้าแพรสีน้ำเงินของฟาบิโอ
“คลุมเอาไว้ จะได้ไม่หนาว”
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตากลมโตไหวระริกตอนที่แหงนหน้าขึ้นแล้วพบว่าร่างสูงของฟาบิโอก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว แม้อาการประหม่าจะมีอยู่มาก แต่หญิงสาวยังคงทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายอย่างเคร่งครัด นั่นก็คือการสบตาก่อนที่จะพูดจาโต้ตอบ
“ขอบคุณค่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลาทำเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานตามเดิม โดยมีดวงตากลมโตมองตามไปจนกระทั่งร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นหญิงสาวจึงดึงสายตากลับมา ค่อยๆ ลดใบหน้าลงต่ำ พยายามเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เพราะเกรงว่าตัวเองจะเผยรอยยิ้มออกมา และเป็นเหตุให้ถูกเจ้าของห้องตำหนิเอาได้
‘อุ่นจัง’
ไม่น่าเชื่อว่าแค่เสื้อคลุมตัวบางๆ จะมอบความอบอุ่นให้เธอได้มากขนาดนี้ ปาริมากระชับเสื้อคลุมของฟาบิโอให้แนบกับลำตัวแน่นขึ้น หญิงสาวปล่อยให้ความอบอุ่นได้โอบล้อมเรือนกายของตนเอาไว้ แม้เพียงเสี้ยวระยะเวลาหนึ่งก็ยังดี
ปาริมาไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว รู้เพียงแต่ว่ายังเหลือเอกสารอีกสองแฟ้มที่ฟาบิโอยังไม่ได้เปิดอ่าน หญิงสาวทราบเพียงแต่ว่าเปลือกตาทั้งสองข้างหนักอึ้ง หญิงสาวพยายามอย่างสุดกำลังที่จะเปิดเปลือกตาขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต่อสู้กับความง่วงงุนได้ แผ่นหลังบอบบางค่อยๆ เอนพิงพนักโซฟา ก่อนที่เปลือกตาจะปิดสนิทแล้วจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา