ตอนที่ 6 ลองคบกันดูไหม?

1093 คำ
ตอนที่ 6 ลองคบกันดูไหม? ยาหยีนั่งฟังทั้งสามคนคุยกันเรื่องต่างๆ นานาอยู่เงียบๆ เพราะเธอไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับที่พวกเขาคุยกันได้ แต่ลูเซียโน่ก็พยายามที่จะชวนเธอคุยเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกอึดอัด “แล้วนี่คิดจะไปเปิดตัวกับที่บ้านน้องเมื่อไหร่อะ” คำถามของโอเว่นทำเอายาหยีที่กำลังยกเครื่องดื่มขึ้นจิบสำลักออกมาทันที เพราะมันดูเป็นคำถามที่รวบรัด และกดดันตัวเธอเกิดไปเพราะทั้งเธอ และลูเซียโน่พึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เธอเองก็ยอมรับว่ารู้สึกดีกับลูเซียโน่ไม่น้อย “เหมือนมึงรีบนะ” ลูเซียโน่พูดตอบกลับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ เพราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโอเว่นตั้งใจจะกวนเขาต่อหน้ายาหยี “กูก็แค่ถาม นานๆ จะเห็นเพื่อนกูควงสาวมาเปิดตัว น้องยาหยีคงไม่ถือสาใช้ไหมครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ยาหยีตอบยิ้มๆ กลับไป “กูขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ต้องไปส่งหยีที่คอนโดอีก” ลูเซียโน่เอ่ยแทรกขึ้น “เออ แล้วเจอกัน คราวหน้าถ้ามีโอกาสก็ให้ไอ้ลูเซียสพามานั่งเล่นด้วยนะครับ” อลันบอกกับลูเซียโน่ในประโยคแรกก่อนจะหันมาบอกกับยาหยีที่นั่งอยู่ข้างๆ “ค่ะ” ยาหยีพยักหน้าตอบรับคำสั้นๆ ตามมารยาท ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินตามลูเซียโน่ออกไป “อึดอัดไหม พี่ขอโทษนะ น่าจะขอตัวกลับให้เร็วกว่านี้” ลูเซียโน่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ขณะที่ก้าวเข้ามานั่งภายในรถยนต์คันหรูแล้ว “ไม่เลยค่ะ เพื่อนๆ พี่ลูเซียสน่ารัก และเป็นกันเองมากเลยค่ะ” “หยีเป็นคนแรกเลยมั้งที่พูดว่าไอ้สองคนนั้นนิสัยดีน่ะ” “ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่โอเว่นกับพี่อลันก็ไม่ได้ด เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนี่คะ” ยาหยีตอบติดตลก เพราะถึงเธอจะรู้สึกอึดอัดบ้างครั้ง แต่เธอก็มองออกว่าทั้งโอเว่น และอลันพยายามที่จะไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดในแบบของพวกเขา “ไม่อึดอัดก็ดีแล้ว เพราะอาจจะได้เจอพวกมันบ่อยๆ” “...” ยาหยีหันไปส่งยิ้มหวานส่งไปให้ลูเซียโน่ โดยไม่ได้ตอบอะไรที่เป็นคำพูดกลับไป ลูเซียโน่จึงสตาร์ทรถยนต์ขับออกมาจากลานจอดรถของผับ เพื่อมุ่งหน้าไปส่งเธอที่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ระหว่างทางที่นั่งรถมา ยาหยีก็เผลอผล็อยหลับไปในที่สุด เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อนๆ ในร่างกายที่ดื่มมาจากผับก่อนหน้านี้ บวกกับระยะเวลาที่ดึกมากแล้วทำให้ร่างกายเธออ่นล่าลงตามลำดับ ลูเซียสขับรถเข้ามาจอดภายใต้อาคารลานจอดรถในคอนโดของยาหยี แทนที่จะจอดส่งหน้าคอนโดเหมือนทุกวัน เพราะตอนนี้คนตัวเล็กยังคงหลับตาพริ้มไม่ได้สติ ลูเซียโน่ค่อยๆ โน้มตัวไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับช้าๆ มือหนาอีกข้างคร่อมทับอีกฝั่งของร่างบางเอาไว้ ทำให้ตอนนี้เหมือนเธอกำลังอยู่ภายในอ้อมกอดของเขา ยาหยีที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจ้องมองเสี่ยวใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบด้วยหัวใจสั่นระรว กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขาที่เธอเคยได้กลิ่นก่อนหน้านี้ยังคงส่งผลต่อจิตใจของเธอเสมอ ไม่ทันที่ยาหยีจะได้จิตนาการความน่าหลงไหลของเขาไปมากกว่านั้น ใบหน้าคมคายตามฉบับเช้ายุโรปก็หันกลับมาสบตาเข้ากับดวงตาสีนิล ภายในเสี่ยววินาทีเหมือนหัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งหยุดลงในชั่วขณะ เมื่อลมหายใจที่ผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ เป่ารดลงมาบนปลายจมูกเชิดรันเบาๆ ใบหน้าคมคายค่อยๆ เลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานช้าๆ ภายในรถตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจของกัน และกันที่ดังขึ้นสอดประสานกัน แข่งกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ก่อนที่มันจะถูกกลืนลงไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากหนาทาบทับลงมาบนริมฝีปากสั่นระริกของหญิงสาว สัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากหนาที่ส่งผ่านมา ทำให้เปลือกตาบางค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ริมฝีปากหนาตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากอ่อนนุ่มตามอำเภอใจ เรียวลิ้นสากค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปทักทายปลายลิ้นอ่อนนุ่มของคนตัวเล็กอย่างเชื่องช้า เมื่อเธอเผย่อปากให้เขาได้เข้าไปทักทายกับปลายลิ้นอ่อนนุ่ม ที่พยายามตวัดเลียกลับมาอย่างเงอะงะ ก่อนที่ลูเซียโน่จะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากหนาออกมา หลังจากตักตวงความจนพึงพอใจ ดวงตาสีนิลหลุบมองต่ำ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรออกมาในตอนแรก ก่อนที่ลูเซียโน่จะเป็นฝ่ายพูดขึ้น เพื่อทำลายความเงียบภายในรถ “พี่ขอโทษนะ” “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ งั้นหยีขอตัวกลับขึ้นห้องก่อนนนะคะ” ยาหยีรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “เดี๋ยวก่อน” “มีอะไรรึเปล่าคะ” ยาหยีพยายามความคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ เมื่อข้อมือเรียวที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูถูกมือหนาของชายหนุ่มรั้งเอาไว้ “มันอาจจะดูเร็วเกินไป แต่พี่อยากให้เราลองมาคบกันจริงๆ จังๆ ดูไหม ถ้าคบกันแล้วหยีไม่ชอบพี่ หยีก็ไปจากพี่ได้เลย” ลูเซียโน่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นัยน์ตาสีเทามองลึกไปในดวงตาสีนิลอย่างลึกซึ้งเพื่อให้เธอรับรู้ถึงความรู้สึกวิงวอนของเขาในตอนนี้ “ถ้าพี่ลูเซียสมั่นใจ หยีก็ไม่ขัดอะไรค่ะ” “งั้นเมื่อกี้ถือว่าเป็นกู๊ดไนท์คิสนะคะ” ลูเซียโน่บอกด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบลงเบาๆ บนริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง เมื่อสถานะเขาในตอนนี้สามารถทำแบบนี้กับเธอได้โดยไม่ผิดอะไร “ฝันดีค่ะ” ใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถก้าวลงจากรถไป โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีแววตาสมเพช และรอยยิ้มเย้ยหยันมองมาจากภายในรถที่เธอก้าวลงมา เมื่อสักครู่นี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม