พ่อเลี้ยงหนูเป็นมาเฟีย
ตอน คนเลวที่แสนดี
หลังจากผ่านคืนอันเลวร้ายสำหรับเด็กสาวอย่างหนูพริ๊ง ตั้งแต่นั้นมาเธอก็หลบหน้าพ่อเลี้ยงมาเฟียมาโดยตลอด
แม้ว่าเรวตะจะเรียกเธอไปช่วยงานที่โรงแรมหรือไปออกกำลังกายต่างๆเธอก็ไม่สนใจ
ก่อนหน้านี้เด็กสาวไม่เคยดื้อดึงกับคุณพ่อที่ทรงอำนาจเลย กระทั่งชายหญิงทั้งหลายต่างก็กลัวพ่อเลี้ยงมาเฟียคนนี้เป็นอย่างมาก แต่เรวตะกลับไม่ลงโทษอะไรหนูพริ๊ง แม้เธอจะไม่ฟังคำสั่งเค้าอีกแล้ว
กลับกันหนุ่มใหญ่จะกลับมานอนที่บ้านทุกวันทั้งๆที่เมื่อก่อนเค้าจะตระเวนนอนที่ผับ โรงแรม และรีสอร์ท
ทุกคืนจะมีตุ๊กตามาวางที่หน้าประตูห้องนอนเด็กสาว และยิ่งนานวันเข้าตุ๊กตาที่วางง้อเธอมันก็ตัวใหญ่ขึ้น ๆในทุกๆคืน
ราวกับว่าคำขอโทษของมาเฟียหนุ่มนั้นคำโตขึ้นทุกวัน จนเมื่อคืนก่อนตุ๊กตาหมีสีชมพูสูงกว่าหนูพริ๊งไปแล้ว กระนั้นเด็กสาวก็ยังใจแข็งและไม่ยอมเจอหน้าคุณพ่อ
วันนี้ที่โรงเรียนมีกิจกรรมแลกของขวัญ หนูพริ๊งให้บอดี้การ์ดสองคนเปลี่ยนเอารถตู้ไปส่งเธอ โดยขนตุ๊กตาของพ่อเรวตะเต็มคันรถมาแจกเพื่อน
เด็กในโรงเรียนต่างก็แต่งชุดแฟนซีน่ารัก มีตั้งแต่ชั้นม.หนึ่งถึงม.หก ผู้ชายแต่งตัวเป็นเจ้าชายและนักรับ สาวๆแต่งตัวเป็นเจ้าหญิง คุณครูบางคนก็แต่งตัวเป็นแม่มดและสัตว์ประหลาด
ขณะที่ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ เจ้าหญิงผมทองในชุดเดรสขาวช่างสวยเด่นเกินใคร เธอไว้ผมเปียที่บ่าสองข้าง มือน้อยถือคฑาแก้ว แก้มป่องและตาโต
บอดี้การ์ดกลับมารอที่บ้านเพราะหนูพริ๊งกลัวเพื่อนจะเขม่นเธอที่มีคนมารอเฝ้าทั้งวัน
ขณะที่กิจกรรมบนเวทีจบ เจ้าหญิงผมทองก็เอาตุ๊กตาเกือบสามสิบตัวมาแจกเพื่อนๆและน้องๆ
พอทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านหนูพริ๊งก็มายืนรอรถบอดี้การ์ดที่ต้นไม้ข้างสระปลาคาร์ฟด้านนอกโรงเรียนเพียงลำพัง
จู่ๆเพื่อนที่เป็นหัวโจกแก๊งค์สาวคนนึงด็เดินกอดอกเข้ามาถาม
"นี่ยัยลูกคุณหนู แกคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน"
"อะไรนะ" หนูพริ๊งเงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วถามเพื่อน
สาวสองคนเดินมาข้างหลังหัวโจกแล้วชี้หน้าด่าแทนที่จะตอบ
"แกคิดว่าบ้านรวยมากหรือไงถึงเอาตุ๊กตามาแจก"
"คิดว่าอวดรวยแล้วเพื่อนจะรักงั้นรึ"
ฮิ! ๆ ๆ สามสาวกอดอกหัวเราะลั่น
"เราไม่ได้คิดจะอวดรวยนะ แต่ช่างมันเถอะ" หนูพริ๊งตอบแล้วหันหลังเดินหนีเพื่อนทั้งสามที่ตัวสูงกว่าเธอ
"นี่อีพริ๊ง ฉันยังไม่ได้ให้แกไปนะ" สาวหัวโจกเอ่ยแล้วถลามาดึงกระชากผมเด็กสาวตัวน้อยๆ
โอ๊ยยย! หนูพริ๊งร้องเจ็บและหน้าสะบัดหันข้างเมื่อโดนดึงจุกเปียด้านขวา
เพี๊ยะ! หัวโจกสาวใช้อีกมือหวดกับแก้มนวลอิ่มจนเป็นรอยมือแดงๆ
โอ๊ยย! พริ๊งพันดาวล้มลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น เธอกุมหน้าที่เจ็บชาร้อนผ่าวและเงยขึ้นร้องไห้โฮ
"ทำเค้าทำไม ฮือ! ๆ ๆ"
"ก็มืงอยากเด่นดังไม่ใช่หรือ ดังเปี๊ยะเลย สมควรละ ฮ่า ๆ ๆ" หัวโจกสาวหัวเราะลั่น
ถรุย! ๆ อีกสองสาวถุยน้ำลายใส่หน้าหนูพริ๊งแล้วจิกหัวเธอจนต้องถลาลุกยืนขึ้นมาอีก
ปุ๊ก! คนนึงชกท้องเด็กสาวจนเธอเจ็บจุกยืนตัวงอ
"รวยนักไม่ใช่เหรอ เอาเงินมืงมานี่" สาวอีกคนล้วงกระเป๋าสี่สะพายบ่าเด็กหญิง กระชากจนมันขาดแล้วล้วงเอาเงินสดออกไปทั้งหมดก่อนจะปากระเป๋าทิ้งลงสระ
"เอามันมานี่" สาวหัวโจกจิกหัวดึงร่างน้อยถลาไปหาแล้วหวดหน้ามือหลังมือกับใบหน้าเจ้าหญิงตัวน้อยสุดแรง
เพี๊ยะ! ๆ ฮือ! ๆ ๆ หนูพริ๊งร้องไห้โฮในสภาพหน้าสะบัดหันข้างทีซ้ายที
"อย่าอวดดีอีกล่ะอีเวร" สามสาวเอ่ยและเดินหนีตัวปลิวกลับบ้าน
เด็กหญิงทรุดลงนั่งพับเพียบบนพื้นหญ้า ก้มหน้าร้องไห้ด้วยหัวใจที่พังสลาย เธอไม่คิดเคยว่าโลกนี้จะมีคนโหดร้ายถึงเพียงนี้
และที่น้ำตาร่วงไม่หยุดคือเธอไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไรถึงถูกลงโทษ
พอบอดี้การ์ดสูทดำทั้งสองคนขับรถมาถึงก็หน้าเสีย พวกเค้าตกใจหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของหัวหน้ามาเฟียโดนทำร้ายในสภาพดูไม่ได้ แก้มแดงช้ำ หน้าเลอะน้ำลาย ผมรุงรังและกระดุมเสื้อฉีก
ทั้งสองสอบถามหนูพริ๊งแต่เธอไม่ตอบและขอกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านเด็กสาวก็วิ่งเข้าห้องนอนและกระโดดขึ้นเตียงนอนร้องไห้กระซิกๆ
คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวว่าเธอทำผิดอะไรเพื่อนๆถึงทำร้ายเธอ และเธอทำผิดอะไรคุณพ่อถึงทำกับเธอแบบไม่ใช่ลูก
เอี๊ยดดด! ๆ ๆ เสียงรถเก๋งแล่นเข้าบ้านด้วยความเร็วสูง เสียงเบรคดังลั่นและปรากฏร่างหนุ่มใหญ่ที่ตัวสูงกว่าใครๆวิ่งเข้าบ้านในสุดสูทสีเทา
ตุ๊บ! ๆ ๆ ๆ รองเท้าหนังสัตว์ราคาแพงกระแทกพื้นหินอ่อนในห้องโถงด้วยฝีเท้าที่เร็วปานเสือออกล่า
"ขอโทษครับนายท่าน ๆ" เสียงบอดี้การ์ดทั้งสองคนเอ่ยดังขึ้นมาถึงชั้นบน
เปรี๊ยง! ๆ เสียงกำปั้นใหญ่กระแทกหน้าทั้งสองดังลั่น โครม! ๆ ร่างชายฉกรรจ์ทั้งสองล้มหงายลงไปนอนหมดสติในหมัดเดียวชนิดที่ไม่มีเรียงร้องเจ็บให้ได้ยินซักแอะ
ตุ่บ! ๆ ๆ ๆ เสียงรองเท้าดังใกล้จากบันใดขึ้นมาถึงหน้าห้องนอนหนูพริ๊ง
โครมม! ประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ร่างกำยำสูงใหญ่วิ่งลงมาคุกเข่าที่ข้างเตียง
พรึ่บ! มือใหญ่ดึงผ้าห่มที่คลุมร่างเจ้าหญิงตัวน้อยๆออก
"เป็นอะไรบ้างหนูพริ๊ง สุดที่รักของพ่อ"
มาเฟียหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำและนุ่มนวลชนิดที่ไม่มีใครเคยได้ยิน
"หนูไม่เป็นอะไร ออกไปเถอะค่ะ" เด็กหญิงนอนหงายหันข้าง มองหน้าคุณพ่อและตอบอย่างเย็นชา ถึงแม้เธอจะตกใจกับคำพูดอันแสนอบอุ่นของเค้าก็ตามที
"ไม่ไป" เสียงดุดันตวาดดังขึ้นมาตอบในบัดดล ใบหน้าคมคายดุดันก้มมองสำรวจใบหน้าเล็กขาว มือใหญ่ลูบกระหม่อมน้อยเบาๆและเสยผมหน้าม้า
ดวงตาดุดันดั่งราชสีห์มองสำรวจใบหน้าที่เล็กขาว หนูพริ๊งเห็นชัดว่าแววตาคุณพ่อสั่นและแดงกล่ำ มีน้ำตาเอ่อจนทั้งลูกตาเป็นประกายกระเพื่อมไหวดั่งน้ำทะเลยามพายุโหมกระหน่ำ
"ใครทำหนูเจ็บแบบนี้" เรวตะ
"หนูทะเลาะกับเพื่อน มันจบแล้ว" หนูพริ๊ง
"อย่าโกหก หนูไม่เคยมีเรื่องกับใคร บอกมาว่าใครทำ" เรวตะ
หนูพริ๊งส่ายหน้าที่แดงก่ำ เธอตกใจตาลุกวาวเมื่อเห็นใบหน้าอันคมคายมีน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
เด็กหญิงพลิกนอนตะแคงหันข้างมองหน้าคุณพ่อและยกมือน้อยที่สั่นเทาลูบน้ำตาบนหน้าของเค้าเบาๆ
เธอไม่กล้าถาม ไม่กล้าปริปากหรือออกเสียงอะไรเลย ในเมื่อหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเธอเป็นคนที่แข็งแกร่งและแข็งกร้าวจนผู้อื่นต้องโค้งหัวคำนับ ทว่าวันนี้เค้ากลับร้องไห้ต่อหน้าเธอ
ฟุ่บ! ๆ มือใหญ่ลูบผมบนหัวเด็กสาวเบาๆ ก่อนจะลดลงมาลูบน้ำที่เปรอะแก้มซ้ายและแก้มขวา
"ขอโทษนะที่ดูแลหนูไม่ดีพอ ให้คำสัญญากับคุณแม่หนูเอาไว้แล้วแท้ๆ" หนุ่มใหญ่เริ่มสะอึกสะอื้น
เด็กสาวยิ่งน้ำตาเอ่อเมื่อเห็นเสื้อสูทพ่อสั่นเทาราวกับเค้ากำลังเกร็งร่างกายที่กำลังดิ้นทุรนทุรายให้แน่นิ่ง
ฮือ! ๆ ๆ สาวน้อยร้องไห้โฮออกมาขณะที่ดึงแขนท่อนใหญ่บนหัวลงมากอดแนบอก เอาใบหน้าซุกแขนเสื้อในขณะที่เจ็บปวดในอกเมื่อเห็นพ่อตัวเองต้องร้องไห้
ไม่มีอะไรที่เธอสามารถอธิบายออกมาได้เลยกับความรู้สึกในตอนนี้ เหมือนว่าส่วนหนึ่งของร่างกายเธออยู่ในตัวคุณพ่อ และส่วนนั้นทำให้เค้าเองกำลังเจ็บปวดไปพร้อมๆกับเธอ
สองชั่วโมงต่อมา รถตู้สองคันแล่นเข้าบ้าน
เด็กสาวสามคนและครอบครัวของพวกเธอโดนหนุ่มฉกรรจ์ในชุดสูทนับสิบๆคนลากลงมาจากรถ
ฮือ! ๆ ๆ "อย่าทำอะไรพวกเราเลย อย่าทำลูกเราเลยครับ ฉันยอมแล้วค่ะ ปล่อยลูกๆฉันไปเถอะ"
เสียงครอบครัวสามสาวร้องไห้และร้องขอชีวิต
หนุ่มใหญ่จูงมือเด็กหญิงลงจากบันใดวนลงมาที่ห้องโถงและยืนค้ำหัวทุกคนที่หมอบคุกเข่าคุกคลายอยู่ตรงหน้า
"ไหนใครทำหนูพริ๊ง" เรวตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา แผ่วเบาแต่น่ากลัวจนขนลุก
"ออกมา มานี่ พวกเธอมานี่" สามหนุ่มในสูทเทากระชากนักเรียนสาวทั้งสามคนออกมายืนตรงหน้าหนูพริ๊ง
"พริ๊ง เราขอโทษนะ" หัวโจกสาวก้มลงกราบเท้าเจ้าหญิงผมทองที่ใบหน้ายังเลอะครอบน้ำตา
"พวกเราก็ผิดไปแล้ว เราขอโทษนะ" สองสาวรีบคุกเข่าก้มกราบแนบรองเท้าแก้วเจ้าหญิงน้อย
เรวตะกระชากหัวโจกลุกยืนแล้วฟาดหลังมือกับหน้าเธอ
เพี๊ยะ! โอ๊ยย! เลือดกลบปากเด็กสาวในพลันใด เห็นได้ชัดว่าเค้าออมแรง เพราะถ้าไม่งั้นหล่อนคงสลบเหมือดไปแล้ว
"อย่าทำพวกเธอเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พ่อต้องทำอะไรที่เลวมากกว่านี้อีกแล้ว" หนูพริ๊งยกมือห้ามเรวตะที่กำลังใช้สองมือจิกหัวอีกสองสาว
"ทำไม ทำเลวกว่านี้ก็ได้ถ้าทำเพื่อหนู" เรวตะหันมาตะคอกใส่ลูกด้วยความโมโหโกรธา
"อย่าทำอะไรลูกๆเราเลยนะครับ นะคะ ฮือ! ๆ " พ่อแม่สามสาวยกมือไหว้ท่วมหัวและร้องห่มร้องไห้
"หนูไม่อยากเลวเหมือนพวกเธอค่ะ" หนูพริ๊งตอบและจับข้อมือใหญ่ๆของพ่อขึ้นมาจากที่จิกหัวเพื่อนๆทั้งสองคน
กร่อดด! หนุ่มใหญ่กัดฟันจนหน้าสั่นแต่ก็ยอมปล่อยทั้งสองสาว
"พวกเธอลุกขึ้นมาสิ"
"ลุกขึ้นมาแล้วทำให้พ่อแม่เธอเห็นว่าทำอะไรกับฉันลงไป" หนูพริ๊งสั่ง
ห๊ะ! หา! สองสาวตกใจงง
"เดี๋ยวนี้" เจ้าหญิงผมทองตะโกนลั่น
สองสาวรีบลุกยืน
"ตบฉัน ตบฉันเหมือนที่โรงเรียนสิ" หนูพริ๊งออกคำสั่งที่คุณพ่อยังตกใจหันมามอง
"ตบสิ ไม่งั้นชั้นให้คุณพ่อตบเธอนะ" หนูพริ๊งยื่นแก้มให้สองสาว
เพี๊ยะ! ๆ
"ขอโทษนะ ๆ" เพื่อนๆตบหน้าเรียวเล็กแดงฉานและยกมือไหว้
"หนอย อีลูกชั่ว" ผู้ชายคนนึงลุกยืนและฟาดหลังมือกับหน้าลูกสาวของเค้าจนเซล้ม
โครม! ๆ ๆ พอลูกล้มทั้งแม่ทั้งพ่อก็ทั้งเตะทั้งต่อยลูกสาวตัวเอง
อีกคนโดนแม่จิกหัวให้ก้มกราบเท้าหนูพริ๊ง พอกราบเสร็จก็โดนแม่จิกหัวขึ้นมาตบจนปากแตก
ฮือ! ๆ ๆ สามสาวคลานออกจากห้องโถงอย่างหมดสภาพ ขณะที่พ่อๆแม่ๆพวกหล่อนจะเดินหนีจากไปแล้ว
หิ! ๆ ๆ คุณพ่อเรวตะแอบมองเจ้าหญิงน้อยที่กำลังยืนกอดอกอย่างประทับใจ เค้าไม่คิดเลยว่าหนูพริ๊งจะเฉลียวฉลาดและร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้
"ต่อไปนี้นะ ใครทำมิดีมิร้ายกับหนูก็ต้องโดน"
หนูพริ๊งหันมาถลึงตาขู่คุณพ่อ
ขวับ! หนุ่มใหญ่รีบหันหน้าหลบสายเจ้าหญิง