“ไม่เป็นไรครับครู เดี๋ยวผมไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า”
“ไหงรอบนี้คิดจะไปโรงพยาบาลล่ะ หรือว่าคิดจะไปจีบพยาบาลแถวนั้นกันล่ะ” ท่านถามขำๆ แต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้ม
“ก็ว่าจะไปจีบพยาบาลนั่นแหละครับ”
“เฮ้ย เอาจริงดิ”
“ใครจะไปรู้ครับ ครูอาจจะได้ลูกสะใภ้เป็นพยาบาลก็ได้นะ”
“แต่เค้าจะชอบนักมวยอย่างเราเร้อไอ้ลูกชาย”
“ไม่รู้สิครับ ยังไงก็คงต้องลองจีบดูก่อน งั้นผมขอตัวเอาหน้าเละๆ นี่ไปจีบสาวก่อนนะครับครู ก่อนที่เลือดจะเข้าตาแล้วหาสาวไม่เจอไปซะก่อน”
“โอเคๆ เดี๋ยวเงินรางวัลครูโอนไปให้เหมือนเดิมนะ วันนี้ขอบใจมาก”
“ขอบคุณครูมากครับที่ให้โอกาสผม” คีตกาลยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลของบิดาที่อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้มากนักโดยใช้บริการรถแท็กซี่ ตั้งใจว่าหลังจากทำแผลที่แผนกฉุกเฉินแล้วจะขึ้นไปจีบสาวที่ชั้นสี่สักหน่อย
แต่เหมือนว่าโชคชะตาจะเข้าข้างเขา เพราะเมื่อก้าวลงจากรถแท็กซี่เขาก็เห็นเธอเดินออกมาที่หน้าโรงพยาบาลพอดี เขาจึงได้เดินเข้าไปทักทายโดยลืมไปว่าสภาพของเขาตอนนี้อาจจะทำให้เธอจำเขาไม่ได้เลยสักนิด
“สวัสดีครับคุณพยาบาล สบายดีแล้วเหรอครับ”
“เอ่อ...เรา...รู้จักกันเหรอคะ”
คุณัญญาถามออกไปอย่างงงๆ เพราะคนที่ถามเธอว่าสบายดีหรือไม่ เขาดูจะไม่ค่อยสบายนัก
“อะไรกัน จำผมไม่ได้เหรอ ผมที่เจอคุณในลิฟต์เมื่อวานไง แล้วผมก็อุ้มคุณไปส่งที่วอร์ดตอนที่คุณเป็นลมด้วย”
“อ๋อ คุณเองเหรอคะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย แล้วนี่คุณ...เป็นอะไรมาเหรอคะ”
“พอดีโดนซ้อมมาน่ะครับ เลยว่าจะมาทำแผลหน่อย คุณพยาบาลว่างมั้ยครับ ช่วยทำแผลให้ผมหน่อยสิ ผมขี้เกียจรอคิวน่ะ”
“แต่ยังไงก็ต้องทำตามระบบนะคะ ไม่อย่างนั้นจะผิดกฎค่ะ”
“งั้นผมไม่เข้าระบบได้มั้ย แถวนี้มีร้านขายยารึเปล่า คุณช่วยทำแผลให้ผมหน่อยสิครับ พอดีผมรีบน่ะต้องไปทำงานพิเศษต่อ เดี๋ยวเจ้านายจะดุเอาถ้าไปช้า อีกอย่าง...ผมก็ไม่ค่อยมีเงินด้วย ตอนแรกจะไปโรงพยาบาลรัฐแล้วแต่ก็กลัวจะช้า โชคดีจริงๆ ที่เจอคุณ”
เขาบอกด้วยท่าทางน่าสงสาร
คุณัญญามองเขาอย่างชั่งใจ แต่เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่มีพิษมีภัยอีกทั้งยังเคยช่วยพาเธอไปส่งถึงวอร์ด เธอก็ควรจะตอบแทนเขาสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไรนัก
“งั้นคุณไปนั่งรอตรงนั้นนะคะ ฉันจะไปซื้อของมาทำแผลให้”
เธอชี้ไปยังสวนหย่อมข้างโรงพยาบาลที่มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่และตอนนี้ก็ไม่มีคนนั่งด้วย
“ได้ครับ ขอบคุณนะ แล้วคุณเลิกงานแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันเลิกงานแล้ว” เธอพยักหน้ารับแล้วจึงเดินไปยังร้านขายยาที่อยู่ไม่ไกลนัก ส่วนเขาก็เดินไปนั่งตรงตำแหน่งที่เธอบอกอย่างอารมณ์ดี ไม่นานคุณัญญาก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
“แล้วนี่แจ้งตำรวจหรือยังคะ”
“ครับ? แจ้งทำไมเหรอ”
“ก็คุณโดนซ้อมมาไม่ใช่เหรอคะ ไม่แจ้งตำรวจเหรอคะ”
“อ๋อ...เอ่อ...ผมไม่แจ้งหรอกครับ ตีกันกับเพื่อนที่มหา’ลัยน่ะ ตีกันแบบลูกผู้ชายไง”
“ทำไมลูกผู้ชายจะต้องต่อยตีกันตลอดก็ไม่รู้ แล้วนี่เรียนช่างเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมเรียนวิศวกรโยธาน่ะ ปีสี่แล้ว อ้อ ลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อโน้ตนะครับ แล้วคุณพยาบาลชื่ออะไรเหรอ”
“แตงกวาค่ะ”
“ชื่อเป็นผักเหมือนเพื่อนผมเลย ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อคะน้าน่ะ” เขาแกล้งพูดออกมาทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร
“เอ๋? คะน้าเหรอคะ นั่นชื่อน้องสาวพี่นะ น้องเรียนที่ไหนคะ”
“ผมเรียนที่...” เมื่อได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ เธอก็มั่นใจได้แล้วว่าเขาเป็นเพื่อนน้องสาวของเธอจริงๆ
“โน้ตอายุยี่สิบสองใช่มั้ยคะ”
“ใช่แล้ว”
“งั้นพี่ก็เป็นพี่ของโน้ตสองปีค่ะ แปลกใจจังที่โน้ตเป็นเพื่อนของคะน้า โลกกลมดีนะคะ”
“นั่นสิครับ” เขากลั้นยิ้มเมื่อรู้สึกว่าวันนี้เขาได้เข้าใกล้เธอมากกว่าที่คิดเสียอีก
“ทำแผลเสร็จแล้วค่ะ”
“ขอบคุณนะแตงกวา”
“เรียกพี่แตงกวาสิคะ”
“ไม่เอาอะ ไม่ชอบเรียกผู้หญิงว่าพี่ แล้วนี่แตงกวาจะกลับบ้านยังไง ให้เราไปส่งมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก พี่นั่งวินมอเตอร์ไซค์ได้ค่ะ อีกอย่างก็ไม่กลับบ้านด้วยแต่จะกลับหอพักน่ะ อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก”
“แต่เราอยากไปส่งนะ ตอบแทนที่แตงกวาทำแผลให้ไง”
“ไม่ต้องหรอก พี่ทำแผลให้ก็เพราะตอบแทนที่เราพาไปส่งที่วอร์ด ตอนนี้เราสองคนก็ไม่มีหนี้บุญคุณต่อกันแล้วนะ ยังไงก็อย่าไปทะเลาะกับเพื่อนบ่อยนักล่ะ พี่ไปล่ะ นี่จ้ะอุปกรณ์ทำแผล ของที่เหลือก็ให้แฟนทำให้วันละครั้งนะ สักอาทิตย์นึงคงเริ่มตกสะเก็ดแล้วล่ะ”
“เรายังไม่มีแฟนเลย โสดสนิท”
“งั้นก็ทำเองละกัน พี่ไปล่ะ โชคดีจ้ะ”
แล้วเธอก็สะพายกระเป๋าก่อนจะเดินไปยังวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้เขาได้แต่มองตามเธอจนลับสายตา
“เอาวะไอ้โน้ต อย่างน้อยวันนี้ก็ถือว่าไปได้สวย เอาไว้ค่อยไปส่งวันอื่นละกัน รอให้สนิทกว่านี้อีกหน่อย”
ชายหนุ่มมองถุงอุปกรณ์ทำแผลที่เธอทิ้งไว้ให้ ก่อนจะหิ้วถุงแล้วเดินไปที่หน้าโรงพยาบาลเพื่อเรียกแท็กซี่ แต่ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าเสียก่อน และเมื่อเจ้าของรถลดกระจกลงเขาก็เห็นว่าเป็นอาหมอนั่นเอง