“คุณผู้หญิงให้คนไปตามเกดมีอะไรรึเปล่าคะ”
การะเกดเดินเข้ามาหานายหญิงของบ้านอย่างนอบน้อม
“ตานัทเค้าไม่ค่อยสบาย ฝากเกดช่วยดูแลเค้าแทนฉันทีนะ ฉันทำข้าวต้มเอาไว้ช่วยยกไปให้เค้าที แล้วก็หายาให้เค้ากินด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปวัดกับเพื่อนสักหน่อยคงจะกลับช่วงเย็นๆ น่ะ”
“เอ่อ...”
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
เห็นท่าทางอึกอักของอีกฝ่ายท่านก็มองเธออย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปจัดการตามที่คุณผู้หญิงบอกนะคะ”
เธอบอกพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนักที่ต้องขึ้นไปเจอกับคนที่เพิ่งจะทำแบบนั้นกับเธอเมื่อคืนนี้
“งั้นก็ฝากด้วยนะจ๊ะ ปกติตานัทเค้าไม่ค่อยป่วย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้ถึงป่วยได้นี่ถ้าเมื่อเช้าฉันไม่ได้ไปตามเพราะเห็นว่ายังไม่ลงมาเสียทีก็คงไม่รู้ว่าเขาป่วยหรอก”
“ค่ะคุณผู้หญิงไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะดูแลคุณนัทเองค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ นอกจากเธอแล้วฉันก็ไม่อยากไว้ใจใครอีก ตั้งแต่แม่เธอเสียไปฉันก็เหลือคนที่ไว้ใจได้ไม่มากนักหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันก็มองเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่งนะเกด ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้ แล้วฉันจะจัดการให้เอง”
“ขอบพระคุณคุณผู้หญิงที่เมตตาค่ะ ที่หนูได้มีโอกาสเรียนจบและได้ทำงานที่โรงแรมก็เพราะบารมีของคุณผู้หญิงทั้งนั้น หนูสาบานว่าหนูจะไม่ทรยศต่อความไว้ใจของคุณผู้หญิงแน่นอนค่ะ”
“ขอบใจนะ งั้นฉันไปก่อนล่ะ ไปช้าเดี๋ยวก็จะโดนมนุษย์ป้าทั้งหลายบ่นให้อีก”
ท่านบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะเดินทางออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ ส่วนการะเกดก็นำข้าวต้มไปเสิร์ฟให้กับลูกชายคนโตของท่านตามคำสั่ง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“ขออนุญาตเสิร์ฟข้าวต้มค่ะคุณนัท คุณผู้หญิงให้เกดยกมาให้ค่ะ” เธอตะโกนเข้าไปในห้อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
“เข้ามา”
หลังจากได้รับการอนุญาต เธอก็ค่อยๆ หมุนลูกบิดประตูเข้าไป ก่อนจะเห็นชายหนุ่มนอนหลับตาอยู่บนเตียง
“เกดเอาวางไว้บนโต๊ะนะคะ ขอตัวค่ะ” เธอวางข้าวต้มไว้บนโต๊ะทำงานของเขา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปเขาก็เรียกไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยว”
“คุณนัทมีอะไรให้เกดรับใช้คะ”
“มาใกล้ๆ สิ ฉันแทบไม่มีเสียงแล้วไม่ได้ยินหรือไง”
นี่ขนาดไม่มีเสียงยังหาเรื่องบ่นเธอได้อีกนะ
การะเกดได้แต่ค่อนขอดเขาในใจ ก่อนจะขยับเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงแล้วรอรับคำสั่ง
“พาฉันไปห้องน้ำที”
“คุณเดินไม่ไหวเหรอคะ” ก็ไม่ได้อยากจะกวนประสาทหรอกนะ แต่เธอก็แค่สงสัยว่าเขาป่วยหนักขนาดเดินเองไม่ได้เลยหรือ?
“ถ้าไหวจะขอให้ช่วยหรือไง” เขาบอกเสียงขุ่น น้ำเสียงนั้นก็แหบแห้งดูไม่เหมือนว่าแกล้งทำเท่าไหร่นัก
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวขยับเข้าไปช่วยประคองให้เขาลุกขึ้นมานั่งและจากการสัมผัสที่ต้นแขนของเขาก็ทำให้เธอรับรู้ได้ว่าเขาตัวร้อนมาก คิดว่าเขาน่าจะป่วยหนักจริงๆ
“มีอะไร”
เขาเงยหน้ามองคนที่เหมือนนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้แตะตัวเขา
“คุณตัวร้อนมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ เมื่อคืนนี้ยังปกติดีนี่นา หรือว่าตอนนอนเปิดแอร์แรงไปรึเปล่าคะ”
“คงงั้นมั้ง” เขาตอบสั้นๆ ไม่ได้ขยายความอะไรมากไปกว่านั้น เธอก็ไม่คิดจะถามให้เขาต้องรำคาญใจอีก ได้แต่คิดว่าเขาป่วยแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีแรงมาทำอะไรบ้าๆ กับเธอ
หญิงสาวประคองเขาไปจนถึงห้องน้ำ หลังจากรอให้เขาทำธุระส่วนตัวแล้วเธอก็พาเขาไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อให้เขาได้กินข้าวต้มและยาที่เธอเตรียมให้
“อีกชั่วโมงนึงเกดจะให้คนมาเก็บชามนะคะ ขอตัวค่ะ”
“จะไปไหน”
“ไปเตรียมชุดสำหรับงานที่โรงแรมค่ะ”
“เธอจะเริ่มทำงานที่โรงแรมฉันเมื่อไหร่นะ”
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“ทำแผนกไหน”
“ต้อนรับค่ะ”
“อ้อ”
“เกด...ไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”
“อืม”
เพียงแค่นั้นเธอก็ก้าวออกไปจากห้องได้อย่างสบายใจ เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรให้เธอรู้สึกอึดอัดใจอีก
ค่ายมวยแห่งหนึ่ง
คีตกาลขับมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์คันใหญ่เข้ามาจอดที่ค่ายมวยเพราะไม่อยากให้เฟอร์รารี่ของเขาสะดุดตาใครมากนัก ก่อนจะก้าวเข้าไปในค่ายที่กำลังคึกคักเพราะกำลังจะออกเดินทางไปยังสถานที่จัดการแข่งขันมวยไทยแห่งหนึ่ง
“มาแล้วเหรอไอ้ลูกชาย” ครูมวยเดินเข้ามาหาชายหนุ่มที่กำลังมองหาเขาอยู่พอดี
“สวัสดีครับครู จะไปกันแล้วเหรอครับ”
“ใช่ เดี๋ยวโน้ตไปคันเดียวกับครูนะ ครูจะได้คุยเรื่องคู่ต่อสู้ของเราให้ฟังระหว่างทาง”
“ได้ครับครู”
แล้วพวกเขาก็ทยอยกันไปขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่หน้าค่ายมวย ก่อนจะออกเดินทางไปพร้อมกัน
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นในเวลาสิบเอ็ดโมง โดยคู่ของคีตกาลเป็นคู่ที่สามซึ่งคู่แข่งของเขาคนนี้เป็นแชมป์เก่าถึงสองสมัยเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็สามารถเอาชนะคู่แข่งมาได้ด้วยร่างกายที่แข็งแรงกว่าด้วยอายุที่น้อยกว่าถึงสามปี บวกกับการออกอาวุธทั้งหมัดและเข่าที่หนักกว่า แต่กว่าจะชนะได้ก็เล่นเอาใบหน้าหล่อๆ ของเขาบวมช้ำอยู่ไม่น้อยเลย ไหนจะหางคิ้วที่แตกจนได้เลือดนั่นอีก
“วันนี้หนักหน่อยนะไอ้ลูกชาย ไปเถอะ เดี๋ยวครูพาไปทำแผล”
ครูมวยเดินเข้ามาหาเขาหลังจากนักมวยหนุ่มก้าวลงจากเวทีแล้ว