‘ลลิล เด็กคนนี้ชื่อลลิล ปีนี้อายุ21ปีเต็ม ผมขายเธอให้คุณ’ คุณลุงปกรณ์ยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดูรูปฉันที่อยู่ในนั้น เขาไม่แม้จะปรายตามอง แต่กลับมีสีหน้าโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น
‘ไม่อยากเชื่อว่ามึงจะเลวถึงขั้นต้องขายลูกเลี้ยงกิน’
‘ช่วยไม่ได้ ถ้าคุณไม่เอา ผมจะขายเธอต่อให้คุณไฮเดน’
คุณลุงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ราวกับว่าเรื่องราวที่เขาเสนอให้มาเฟียกลุ่มนี้เป็นเรื่องธรรมดา มันจริงอย่างที่ผู้ชายคนนี้พูด ฉันถูกคุณลุงปกรณ์ หรือที่เรียกอีกอย่างก็คือพ่อเลี้ยง ฉันถูกเอามาเร่ขาย เขาทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง
ที่ผ่านมามาดีกับพวกฉันแม่ลูกมาก มากจนฉันคิดว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆ ของฉัน หลังจากคุณพ่อเสียชีวิตลงได้ไม่นาน แม่ของฉันตัดสินใจแต่งงานใหม่กับคุณลุงปกรณ์ ที่เป็นพ่อม่ายลูกติดเหมือนกัน อย่างที่บอก เขาส่งเสียฉันเรียนจนเข้าเรียนมหาลัย อยากได้อะไรก็ได้เมื่อพ่อลูกทั่วไปที่เขาให้กัน
ส่วนแม่ของฉันคุณลุงก็ดูแลใส่ใจอย่างดีมาตลอด แม่ไม่เคยต้องเหนื่อย ไม่เคยต้องทำงาน ทุกอย่างลุงปกรณ์มีให้พวกเราทั้งหมด ฉันไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคุณลุงจะทำอย่างนี้กับฉัน เขาคือต้นเหตุที่ฉันจะต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายพวกนี้สินะ เขาเก่งที่เก็บซ่อนนิสัยเลวๆของตัวเองไว้ได้ตั้งหลายปี
‘ผู้หญิง กูจะถือว่าเป็นดอก ส่วนเงินสองร้อยล้านกูให้เวลามึงยี่สิบสี่ชั่วโมง’
‘หญิงบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านผู้ชายคนไหนมาเชียวนะ ‘
ฉันกดปิดหน้าจอลง ยื่นมันคืนให้เขาเพราะรับสิ่งที่ได้ยินในคลิปไม่ได้ ฉันถูกขายให้มาเฟียคนนี้สินะ น้ำตาของฉันค่อยๆ ไหลออกมาผ่านแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ชีวิตฉันต่อจากนี้จะเป็นยังไง คงจะมีแค่เขาคนนี้ใช่มั้ยที่จะเป็นผู้กำหนด
“รับไม่ได้” เขาหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน เมื่อเห็นฉันร้องห่มร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าเขา เป็นบ้าอะไรทำตัวเหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าว มายืนหัวเราะเยาะอยู่ได้ ไอ้ผู้ชายบ้าอำนาจ
“ไปอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวซะ”
“ฮึก! ฉันอยากกลับบ้าน” ฉันก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนตัวโยกคลอนไปพร้อมๆ กับเสียงสะอื้น “ฮื่อ...ฉันจะกลับไปหาแม่”
“เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาเรียกร้องอะไรจากฉันได้” เขาบอกเสียงเข้ม เดินไปหยิบถุงกระดาษโยนลงมาข้างตัวฉัน
ตุ้บ!
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยว่ามันเอาเธอมาขัดดอกกับเงินสองร้อยล้านของฉัน”
“กรี๊ดดดดด! หุบปาก!คุณก็ได้ฉันไปแล้วไง ตอนนี้ก็ปล่อยฉันไปได้แล้ว”
ฉันกรีดร้องออกมาราวกับเสียสติ เมื่อเขาพูดย้ำการกระทำของลุงปกรณ์ซ้ำอีก คำพูดพวกนั้น มันน่ารังเกียจเกินกว่าฉันจะรับมันได้ ฉันจะไปแจ้งความให้ตำรวจมาลากตัวเขาไปเข้าคุก
“แค่อ้าขาให้ฉันเอาที สองที มันไม่พอกับเงินสองร้อยล้านที่ฉันเสียไปหรอก”
“คุณข่มขืนฉัน”
“ไม่ใช่เธอเองรึไง ที่อ้อนวอนให้ฉันเอาเธอ” มือหนาบีบคางฉันจนเจ็บไปทั่วหน้า ภาพที่ฉันดิ้นพล่านแล้วดึงเขาเข้ามาจูบฉายซ้ำขึ้นมา เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาพูดมามันคือเรื่องจาก ฉันขอร้องให้เขาทำแบบนั้นกับฉัน
“โอ๊ย!!” ฉันร้องออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อเขาเหวี่ยงมือผละออกจากคางฉัน ใจจริงอยากให้เขาฆ่าฉันให้ตายไปเลยซะมากกว่า จะได้ไม่ต้องมาทนรับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่มันกำลังจะเกิดขึ้นกับฉันอีก แต่ฉันยังมีแม่ ถ้าฉันไม่อยู่ใครจะดูแลแม่ที่นอนป่วยอยู่ ฉันจำใจต้องเอ่ยปากขอร้องเขาออกจนได้
“ฉัน ...ฉันต้องไปหาแม่ที่โรงพยาบาล คุณให้ฉันไปเถอะนะ” ฉันเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองเขาที่ก้มลงมองฉันด้วยสายตาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
“ไปอาบน้ำซะ ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถ้าให้ฉันพูดอีก จะเป็นการพูดกับศพ!”
ปัง!
คำพูดโหดเหี้ยม ไร้ความปราณีถูกพ่นออกมาจากปากของเขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจว่าฉันจะเจ็บปวดตรงร่างกายขนาดไหนก็ตาม มีทางเดียวที่ฉันจะออกไปหาแม่ได้ คือต้องหนีออกจากที่นี่ให้ได้สินะ ฉันหอบร่างที่บอบช้ำทั้งข้างนอกและข้างในเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้อง ร่างกายที่เป็นของฉัน ร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันค่อยๆ พยุงร่างตัวเองเดินมาหยิบถุงกระดาษที่เขาทิ้งไว้ให้ฉัน ในนั้นมีเสื้อผ้าสองสามชุดพร้อมกับชุดชั้นในผู้หญิง นี่เขาซื้อของพวกนี้เป็นด้วยเหรอ น่าอายชะมัดเมื่อพบว่าบราเชียร์ตัวนั้นมันสามารถใส่ลงบนตัวของฉันได้พอดีเป๊ะ
หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จฉันเดินออกไปนอนระเบียง ไม่พบชายชุดดำที่เดินขวักไขว่เหมือนตอนนั้นแล้ว ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมอง หนีสิอีหญิง ฉันจะหนีไปจากตรงนี้และต้องไปเดี๋ยวนี้ด้วย
ฉันมองลงไปนอกระเบียงชั้นสองอีกครั้ง พบว่ามันมีแผ่นปูนยื่นออกไปความกว้างประมาณหนึ่งไม้บรรทัด ซึ่งถ้าฉันคิดเอาไว้ว่าจะเหยียบแผ่นปูนนั้น จึ
จะกระโดดลงไปบนหลังคาหน้าจั่วที่ยื่นออกไปบริเวณหน้าบ้านได้ หลังคาสูงประมาณสามเมตร ถ้าโดดลงไปบนพื้นหญ้าฉันอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้นะ
เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็เริ่มปฏิบัติการทันที ทั้งๆ ที่ขายังสั่นและเจ็บตรงนั้นจากเหตุการณ์ก่อนหน้าแค่ไหน แต่ฉันจะไม่ทนอยู่ให้เขารังแกฉันแบบนี้ต่อไปแน่ๆ
“ฮึบ!” ฉันค่อยๆ ปีนลงมาจากระเบียงห้องแบบสไปรเดอร์แมนก็ยังอ้าปากค้าง ตอนนี้สองเท้าของฉันเหยียบอยู่บนแผ่นปูนนั้นเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนต่อไปคือกระโดดลงไปบนหลังคาหน้าจั่วนั่นสินะ แต่เมื่อฉันมองลงไปด้านล่าง ก็ต้องชะงักพร้อมยกมือขึ้นทาบอก หัวใจเต้นแรงคล้ายจะระเบิดออกมาด้านนอก
กรี๊ด...นี่มันสูงกว่าที่ฉันกะระยะไว้ตั้งเยอะ จากสามเมตรที่บอก ฉันว่าไม่ต่ำกว่าสี่เมตร ขาทั้งสองข้างกำลังสั่นพั่บๆเป็นเจ้าเข้า ฉันค่อยๆ นั่งลงบนแผ่นปูนขนาดเล็กนั่นด้วยความกลัว
“แม่จ๋า ลิลจะมีชีวิตไปเจอแม่มั้ยก็ไม่รู้ แง่!”