“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลยคะคุณวา” ขนิมสงสัยเมื่อเห็นเจ้านายสาวอาบน้ำแต่งตัวสวยงามมานั่งทำการบ้านที่สวนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
“เมื่อคืนวานอนไม่ค่อยหลับ การบ้านเยอะน่ะ” วาพูดพร้อมจดอะไรบางอย่างในสมุด
“สวัสดีค่ะคุณนักเรียนหมอ” ขนิมเอ่ยทักพี่เบลล์ที่กำลังเดินผ่านทั้งสองเพื่อเดินไปยังรถของตนเองที่จอดอยู่บ้านคุณลุงหมอ
“สวัสดีครับ”
“จะไปฝึกงานแล้วเหรอคะพี่เบลล์” วาทักพร้อมส่งยิ้มหวานให้
วันนี้พี่เบลล์ใส่เสื้อกาวน์ฝึกงานสีขาวสะอาด ชายหนุ่มในชุดนี้ช่างดูเป็นผู้ใหญ่ที่แสนอบอุ่นน่าฝากชีวิตไว้จริงๆ
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้ทั้งสอง “ไปแล้วนะครับ”
“ค่ะ” วากับขนิมตอบพร้อมกัน ก่อนจะเฝ้ามองชายหนุ่มเดินไปยังเรือนรองแล้วขับรถออกไปจากอาณาเขตบ้าน
“คุณวาทำตัวแปลกๆ นะคะช่วงนี้เป็นอะไรหรือเปล่า” ขนิมอดไม่ได้ขอแซวเจ้านายสาวสักหน่อย
“ไม่แปลกหรอกวาแค่โตขึ้น แค่นั้นเอง ว่าแต่เช้านี้มีอะไรกินบ้างล่ะ” วาพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ข้าวต้มกุ้งค่ะ นั่นคุณวาจะไปไหนเหรอคะ”
“ไปนอนจ้า”
“อ้าวไม่ทำการบ้านแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้วจ้า วามานั่งทำตั้งนานสองนานแล้ว”
“ค่ะ ค่ะ เสร็จก็เสร็จ”
“เอาอาหารไปเสิร์ฟที่ห้องด้วยเข้าใจเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ หนิมกลัวคุณย่าดุ คุณวาลงมากินเองเถอะ”
“เฮ้อออออ ไม่ได้ดั่งใจเลยยยยย” วาถอนหายใจก่อนจะเดินไปนอน แต่นอนเพลินไปหน่อยตื่นมาอีกทีก็เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว
วาตื่นขึ้นมาเพราะความหิวก่อนจะได้กลิ่นแกงเขียวหวานลอยมาแต่ไกล หญิงสาวรีบพาท้องที่หิวเดินเข้าไปในครัวก่อนจะพบคุณย่าและเหล่าแม่ครัวหัวป่ากำลังทำอาหารกลางวันอยู่
“หอมจังเลยค่ะ มีอะไรทานบ้างคะ”
“ไม่หิวได้ไง นอนกินบ้านกินเมืองขนาดนั้น” คุณย่าบ่นหลานสาวที่กำลังตักขนมจีนแกงเขียวหวานใส่จาน
“แหมมม คุณย่าก็ อยู่มหาลัยวาตื่นหกโมงเช้าทุกวันเลยนะคะ ว่าแต่อาหารพวกนั้นจะเอาไปไหนเหรอคะ” วามองคุณย่าที่กำลังตักแกงเขียวหวานใส่กล่อง
“เอาไปส่งคนที่โรงพยาบาล ช่วงนี้เค้าปรับปรุงโรงอาหารคนมาขายน้อย ย่ากลัวไม่ถูกปากคุณหมอเลยจะเอาไปส่ง นี่ย่าทำเผื่อคุณนักเรียนหมอด้วยนะ”
“อ้อออ”
“คุณย่าาาา งั้นเดี๋ยววาเอาไปให้เองค่ะ วาจะไปหาปองขวัญพอดี”
“ไม่ต้อง วาจะไปก็ไปเลยจะได้ไม่เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววาไปเองจะได้ประหยัดน้ำมัน” วาพยายามโน้มน้าวซึ่งมันก็จริงเพราะบ้านยัยปองขวัญอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลพอดิบพอดี
“ตามใจ คนมันอุตส่าห์อยากทำความดี”
“งั้นคุณยายใส่กล่องรอเลยนะคะ วาขอกินห้านาที” หญิงสาวกินขนมจีนอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ไม่ให้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เพียงไม่กี่นาทีหลานสาวตัวดีก็ลงมารับตะกร้าอาหารไปวางไว้ที่เบาะข้างคนขับก่อนที่คุณเธอจะขับรถไปยังจุดหมาย
วาขับรถเพียงสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาลประจำอำเภอที่คุณลุงหมอเป็นผู้อำนวยการ วาคุ้นเคยกับที่นี่ดีเพราะตอนที่เธอยังเด็กถ้าช่วงไหนที่ทางคุณย่ายุ่งกับการทำสวนคุณลุงหมอเป็นอันต้องหนีบเธอมาทำงานด้วยเสมอ
เมื่อวาเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเธอก็ต้องเอ่ยทักทายตั้งแต่พี่เวรแปลยันหัวหน้าพยาบาลกว่าจะเดินถึงห้องทำงานคุณลุงหมอ ช่วยไม่ได้เรามันคนดังประจำอำเภอนี่นา
“คุณลุง วาเอาอาหารมาส่งค่ะ ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”
“ไม่จ้ะ ลุงกำลังจะพักพอดี มาๆ มากินกับลุง”
“วากินมาแล้วค่ะ คือว่าจะแวะไปหายัยปองด้วยน่ะค่ะ”
“จ้ะ งั้นเจอกันที่บ้านนะ”
“ค่ะ” วารีบเอาอาหารไปจัดใส่จานแล้วยกไปวางที่โต๊ะให้คุณลุงหมอ ก่อนจะรินน้ำสมุนไพรใส่แก้วก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แม้งานบ้านงานเรือนจะไม่ถนัดแต่วาก็พยายามดูแลทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี
“เอ่อ คุณลุงหมอคะคือว่าคุณย่าให้เอาอาหารมาให้พี่เบลล์ด้วยค่ะ พี่เบลล์อยู่ไหนเหรอคะ”
“อยู่ที่ห้องพักนักเรียน วาเดินไปดูสิ”
“งั้นวาไปก่อนนะคะ วารีบไปหายัยปองค่ะ”
“จ้ะ”
“ทานให้อร่อยนะคะ เย็นนี้เจอกันค่ะ” วาโบกมือลาคุณลุงสุดที่รักก่อนจะเดินไปไปยังห้องพักนักเรียน วาเปิดประตูเข้าไปก็เจอชายหนุ่มนั่งอ่านแฟ้มคนไข้อยู่คนเดียว
“พี่เบลล์คะ”
“อ้าววา มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“คุณย่าให้เอาอาหารมาให้ค่ะ” หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องก่อนจะวางตะกร้าใส่อาหารบนโต๊ะ
“.....ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยไม่นึกว่าจะได้การดูแลดีขนาดนี้
“เดี๋ยววาเอาไปใส่จานให้นะคะ กินเลยเนอะเที่ยงพอดีเลย”
“อ้อ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพี่ทำเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ วาคุ้นเคยกับที่นี่ดี ว่ารู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน”
“…” ชายหนุ่มเก็บแฟ้มคนไข้ก่อนจะลุกไปช่วยเธอเปิดกล่องอาหารแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะ
“นี่น้ำอัญชันมะนาวหวานน้อยค่ะ สดชื่นมากเลยนะคะ วาเปิดกระบอกน้ำเก็บความเย็นให้ชายหนุ่มดูก่อนเธอแกะหลอดเสียบลงไป
“เรียบร้อย” วายืนชื่นชมการจัดเรียงอาหารของตนเองที่ทำออกมาได้น่ารับประทานสุดๆ
“วาทานด้วยกันมั้ย”
“จะดีเหรอคะ ก็ได้ค่ะ วาก็เตรียมมาพอดี” ว่าแล้วเธอก็เปิดกล่องข้าวผัดกระเพาะเนื้อที่คุณย่าฝากมาให้ปองขวัญออกมากินพร้อมกับขอโทษเพื่อนรักในใจ วันหลังจะเอาไปฝากสิบกล่องเลยนะเพื่อนวันนี้วาขอกินก่อน
“พี่เบลล์กินเนื้อมั้ยคะ”
“ไม่ครับ”
“โอเคค่ะ งั้นวากินคนเดียวเลยน้ากล่องนี้”
“…”
เบลล์นั่งกินเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ส่วนวานั้นก็คอยแอบชำเลืองมองชายหนุ่มเป็นพักๆ หน้าของชายหนุ่มนั้นใสมาก ผิวขาวๆ แบบนี้สงสัยไม่ค่อยได้ออกแดดเท่าไหร่ วาก้มมองผิวสีแทนของตนเองอย่างอนาถใจ สงสัยต้องทากันแดดซะแล้วขนาดกลับมาแค่ไม่กี่วันยังคล้ำขนาดนี้
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อยมากครับ ฝากขอบคุณคุณย่าด้วยนะ”
“เย็นนี้พี่เบลล์ก็ไปบอกเองสิคะ” วาพูดยิ้มๆ
“พี่เบลล์ลองชิมนี่มั้ย” วาจิ้มทอดมันขึ้นมายื่นไปที่ปากของเขา ลองดูเผื่อฟลุ๊ค ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยแต่ก็เอาจมูกมาดมฟุดฟิดๆ ก่อนจะกินเข้าไป วายิ้มกว้าง นี่เรากำลังป้อนพี่เบลล์อยู่เหรอเนี่ย โอ้ยยยยยเขิน
“อร่อยมั้ยคะ”
ชายหนุ่มเคี้ยวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา
“อร่อยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยิ้มมุมปากน้อยๆ
วาอมยิ้มก่อนจะนั่งทานข้าวต่อจนอิ่มอกอิ่มใจ
“เดี๋ยววาเอากลับไปล้างที่บ้านเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกเก็บถ้วยจานแล้วเอาไปล้าง วาเดินตามไปช่วยอยู่ข้างๆ ดูไปแล้วพี่เบลล์ล้างจานคล่องแคล่วกว่าเธอเสียอีก
“เอ่อ พี่เบลล์คะคือว่า คุณย่าให้ขอเบอร์พี่เบลล์ไว้น่ะค่ะ คุณย่าเป็นห่วง เผื่อไว้กรณีฉุกเฉิน”
“.......ก็ได้ครับ”
“งั้นพี่เบลล์บอกเบอร์เลยค่ะ เดี๋ยววาจะบันทึกไว้…ให้คุณย่า” วาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าก่อนที่เริ่มกดหมายเลขตามที่ชายหนุ่มบอก
“แล้วไลน์ไอดีล่ะคะ”
“ก็ถ้าบันทึกชื่อมันก็จะขึ้นไลน์พี่เลย”
“อ้อ ค่ะ” วาเปิดดูแล้วก็เห็นชื่อของชายหนุ่มเพิ่มเข้ามาเธอเลยส่งสติกเกอร์ไปทักทาย
“วาทักไปแล้วนะคะ”
“......”
ทั้งสองช่วยกันล้างจานหรือจะพูดให้ถูกก็คือพี่เบลล์ล้างจานจนเสร็จส่วนวายืนให้กำลังใจ หญิงสาวเก็บถ้วยจานใส่ตะกร้าแล้วลากลับบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ลืมเรื่องไปบ้านเพื่อนรักเสียสนิทแถมยังกินอาหารจนหมดอีกต่างหาก