เมื่อลดาวดีแต่งตัวเสร็จธีรภัทรก็พาเธอออกมาที่ลานจอดรถเพื่อจะไปส่งเธอกลับบ้าน เมื่อมาถึงลดาวดีก็เห็นว่ามีผู้ชายสองที่เธอเจอเมื่อคืนรออยู่แล้ว
“นี่กิตติและวีระเป็นลูกน้องคนสนิทของผม” เมื่อได้รับการแนะนำกิตติและวีระก็โค้งศีรษะให้ลดาวดีเล็กน้อยและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เธอจึงยิ้มตอบแล้วก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่แน่นขึ้นบริเวณเอวคอดเธอจึงหันไปมองคนข้างกายก็พบว่าเขามองมาด้วยสายตาดุๆ
“ทำไมต้องยิ้มหวานขนาดนั้นด้วย” ลดาวดีถึงกับเหวอไปเลยกับอาการพาลของธีรภัทร แต่ไม่ทันที่เธอจะได้โต้แย้งเขาก็เปิดประตูส่งเธอเข้าไปในรถ ก่อนจะก้าวตามเข้าไปแล้วปิดประตูทันทีจึงไม่ได้เห็นสายตาของคนสนิทที่ลอบมองกันยิ้มๆ กับอาการหวงจนออกนอกหน้าของเจ้านายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ธีรภัทรตวัดร่างบางนุ่มนิ่มขึ้นมานั่งบนตักโดยไม่สนใจว่าตอนนี้เจ้าของร่างบางหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกด้วยอายต่อสายตาของบอดี้การ์ดทั้งสองของเขา
“อุ๊ย...คุณธีปล่อยลดาค่ะ อย่าทำแบบนี้ อายลูกน้องคุณบ้างสิคะ” ลดาวดีกระซิบบอกให้คนตัวโตปล่อยเธอให้เป็นอิสระแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะธีรภัทรกลับกอดเธอแน่นขึ้นแถมด้วยหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“อยู่เฉยๆ อย่าดิ้นนะลดา นี่คือการลงโทษที่บังอาจไปยิ้มหวานให้ผู้ชายคนอื่น ต่อไปนี้ผมขอสั่งห้ามไม่ให้ลดายิ้มแบบนี้กับผู้ชายคนไหนทั้งนั้นนอกจากผมคนเดียว” ลดาวดีหน้างอทันที
“อะไรกันคะคุณธี ลดาแค่ยิ้มให้เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” หญิงสาวพยายามอธิบายให้คนขี้หวงเข้าใจแต่ดูจะไร้ประโยชน์เพราะเขาไม่สนใจฟังเธอสักนิด เพราะสนใจแต่แก้มหอมๆ กับเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเธอเท่านั้น เมื่อจนปัญญาลดาวดีก็ได้แต่ถอนใจและซบหน้าลงกับอกเขานิ่งๆ ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจจนเผลอหลับไปเนื่องจากวันนี้เธอต้องรีบตื่นแต่เช้าเพราะความกังวลเป็นห่วงยายทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ธีรภัทรก้มลงมองคนในอ้อมกอดพลางยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะกอดเธอไว้แนบอกจนถึงที่หมาย
“ลดา...ลดาครับ ถึงแล้วคนดี” ธีรภัทรกระซิบเบาๆ ลดาวดีกระพริบเปลือกตาสองสามทีก่อนจะนึกได้ว่าเธออยู่ที่ไหนก็รีบไถลลงจากตักเขาทันที
“ถึงแล้วเหรอคะ...แต่เอ๊ะ...ลดาไม่เคยบอกคุณธีเลยนะคะว่าบ้านลดาอยู่ที่ไหนคุณธีทราบได้ยังไงกันคะ” ลดาวดีถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องของลดาแล้วผมไม่รู้หรอก” ธีรภัทรตอบและจงใจยิ้มหวานใส่ตาเธอจนคนได้รับรอยยิ้มต้องหลบสายตาอย่างเขินอายทำให้คนแกล้งหัวเราะชอบใจ เขาชอบเหลือเกินเวลาเห็นแก้มเนียนเป็นสีแดงระเรื่อเพราะความเขินอายจึงมักแกล้งเธอบ่อยๆ
“ลดาเข้าบ้านก่อนนะคะ”
“แล้วเจอกันครับ” ธีรภัทรยืนรอจนลดาวดีเดินเข้าไปในบ้านจึงหันหลังกำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่เสียงกรีดร้องของลดาวดีที่ดังมาจากในบ้านทำให้เขารีบวิ่งเข้าไปทันที
“ยาย... ยายจ๋า...ยายเป็นอะไร ตื่นสิจ๊ะยายฮือๆ ยายได้ยินลดาไหม” ลดาวดีเขย่าร่างของผู้เป็นยายแรงๆ หวังจะให้รู้สึกตัวขึ้นมาพูดกับเธอ หญิงสาวตกใจแทบช็อกเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นผู้เป็นยายนอนนิ่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขกจึงถลาเข้ามาประคองและเขย่าเรียกให้ผู้เป็นยายรู้สึกตัว แต่เมื่อเห็นผู้เป็นยายยังนอนนิ่งหญิงสาวก็น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวว่าจะเสียญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่ไป ธีรภัทรรีบเข้ามาจับลดาวดีแยกออกจากยายแล้วให้ลูกน้องอุ้มยายของหญิงสาวไปขึ้นรถ ลดาวดีร้องไห้ไปตลอดทางและร้องเรียกผู้เป็นยายตลอดเวลา
“ลดาใจเย็นๆ นะครับ ยายของลดาจะต้องไม่เป็นอะไรเชื่อผมนะ” ธีรภัทรโอบไหล่ของเธออย่างปลอบโยน
“แต่ลดากลัว ยายไม่ค่อยแข็งแรง ลดากลัวว่ายายจะทิ้งลดาไป ลดาไม่เหลือใครอีกแล้วฮือๆ” ลดาวดีกล่าวจบก็ร้องไห้โฮ ธีรภัทรดึงร่างบอบบางมากอดพลางลูบหลังอย่างปลอบโยน
“เดี๋ยวถึงมือหมอยายของลดาต้องปลอดภัยเชื่อผมนะ” เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังยายชื่นถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินทันที ลดาวดีทรุดลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินและร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร
“เป็นเพราะลดาคนเดียว ลดาผิดเองที่ทิ้งยายไว้คนเดียวถ้าลดากลับบ้านยายก็คงไม่เป็นแบบนี้” ลดาวดีโทษตัวเองพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ธีรภัทรโอบกอดร่างบางไว้แน่น
“ไม่ใช่ความผิดของลดาเลยคนดี มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ลดาไม่ต้องกลัวนะ ผมจะดูแลรับผิดชอบเรื่องรักษาพยาบาลของคุณยายให้ดีที่สุด” ธีรภัทรปลอบโยนอย่างต้องการให้ร่างบางในอ้อมแขนคลายกังวล ลดาวดีและ ธีรภัทรนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินจนกระทั่งบุรุษพยาบาลเข็นร่างของยายชื่นออกมา ลดาวดีเดินตามบุรุษพยาบาลที่กำลังเข็นเตียงของผู้เป็นยายไปยังห้องพักฟื้น เมื่อมาถึงห้องพักเรียบร้อยคุณหมอหนุ่มจึงแจ้งอาการป่วยให้ญาติทราบ
“คนไข้มีอาการน็อกจากความดันสูงนะครับ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพักฟื้นดูอาการสัก 1 คืนถ้าไม่มีอะไรผิดปรกติพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วครับ”
“ขอบคุณมากครับพี่หมอ” ธีรภัทรกล่าวขอบคุณคุณหมอหนุ่มซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและมีฐานะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย
“ไม่เป็นไรธี มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว” หมอหนุ่มเบนสายตาไปทางลดาวดีอย่างแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญอะไรกับรุ่นน้องเพลย์บอยของเขาคนนี้ ดูจากท่าทางคงจะสำคัญมากทีเดียว แต่คงไม่เหมาะที่จะถามอะไรออกไป ธีรภัทรเห็นสายตาของนายแพทย์รุ่นพี่ก็พอจะเดาออกจึงเอ่ยแนะนำอย่างไม่รีรอ
“เอ่อ..พี่หมอครับ นี่ลดาวดีคนรักของผมครับ” คุณหมอหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะไม่น่าเชื่อว่าเพลย์บอยอย่าง ธีรภัทรจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
“ลดาครับ...นี่คุณหมอนทีเป็นรุ่นพี่ของผมและเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย”
“สวัสดีค่ะ” ลดาวดียกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ขอบคุณ คุณหมอนทีมากเลยนะคะที่ช่วยชีวิตยายของ
ลดาเอาไว้” คุณหมอหนุ่มยิ้มรับอย่างยินดี
“มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นก่อนนะครับ”
“ไปก่อนนะธี” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยขอตัวแล้วก้าวออกจากห้องเพื่อไปดูคนไข้รายอื่นต่อไป ลดาวดีนั่งลงข้างๆ เตียงพลางกุมมือของผู้เป็นยายไว้แน่น
“ยายจ๋า ลดาขอโทษที่ทิ้งยายไว้คนเดียว ถ้าลดาอยู่ด้วยยายคงไม่เป็นแบบนี้” น้ำตาที่หยุดไหลไปได้สักครู่รินไหลลงมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วงหญิงชราผู้เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ธีรภัทรเดินเข้ามาโอบไหล่เธอไว้อย่างให้กำลังใจ
“อย่าร้องนะคนดี ยายของลดาปลอดภัยแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล เดี๋ยวผมจะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลคุณยายของลดาให้เอง” แม้จะอยากปฏิเสธเพราะความเกรงใจแต่เธอก็เห็นว่าดีกว่าจะปล่อยยายไว้คนเดียวยามที่เธอต้องไปทำงาน หญิงสาวจึงยอมรับข้อเสนอของเขาด้วยความเต็มใจและซาบซึ้งเป็นอย่างมากกับความเอื้ออาทรที่เขามีให้
“ขอบคุณคุณธีมากนะคะที่กรุณากับลดาและยายมากขนาดนี้” ลดาวดีกุมมือเขาไว้อย่างขอบคุณ ก่อนหน้านี้เธออาจจะลังเลและคลางแคลงใจต่อเขาว่าต้องการอะไรจากเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่สงสัยใดๆ อีกต่อไปแล้วเพราะเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาจริงใจและดีต่อเธอมากเหลือเกิน ลดาวดียอมรับกับตัวเองแล้วว่าตอนนี้เขาเข้ามาจับจองพื้นที่ทั้งสี่ห้องหัวใจของเธอจนไม่เหลือที่ว่างไว้ให้ใครอีกต่อไป
“เดี๋ยวลดาขอโทรไปลางานกับเจ๊หงส์ก่อนนะคะ” ลดาวดีบอกเขาพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหาโทรศัพท์
“ลาทำไม ลดาไม่ใช่พนักงานของที่นั่นอีกแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่อนุญาตให้ลดาไปทำงานที่นั่นอีก” ธีรภัทรกล่าวเสียงเข้ม
“ไม่ได้นะคะ ลดาจะลาออกได้ยังไง ลดามียายที่ต้องเลี้ยงดูนะคะ”
“ลดาลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นใคร ผมมีปัญญาเลี้ยงดูลดากับยายได้อย่างไม่ลำบาก”
“คุณธีจะให้ลดาทำแบบนั้นได้ยังไงกันคะ เรายังเป็นแค่แฟนนะคะ อีกอย่างลดาก็ยังสามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองและยายได้” ลดาวดีแย้งเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“แต่ผมไม่ชอบ”
“โธ่... คุณธี อย่าบังคับลดาแบบนี้เลยนะคะ ลดาลำบากใจให้ลดาทำงานที่นี่ต่อเถอะนะคะ จะให้ลดาอยู่เฉยๆ ลดาทำไม่ได้หรอกค่ะ ลดาเคยทำงานมาตลอด”
“ถ้าลดายังดื้อผมจะสั่งปิดผับนั่นซะ” ธีรภัทรขู่อย่างกรุ่นโกรธและลดาวดีรู้ดีว่าเขาสามารถทำได้เพราะช่วงเวลาที่คบกันเธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากตัวเขาเป็นต้นว่าเขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ อะไรที่เขาต้องการไม่มีที่จะไม่ได้และครอบครัวของเขาก็มีอิทธิพลมากพอที่จะทำอย่างที่เขาว่าได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวใครทั้งนั้น
“แต่ว่า...”
“ลดา” เสียงแหบแห้งเรียกชื่อเธอดังมาจากเตียงพักฟื้น ลดาวดีหันขวับไปมองทันทีโดยลืมเรื่องที่กำลังถกเถียงกับธีรภัทรเสียสนิท
“ยายจ๋า...ยายฟื้นแล้ว ยายเป็นไงบ้างจ๊ะ ลดาขอโทษที่ทิ้งยายไว้คนเดียว” ลดาวดีโผเข้ากอดผู้เป็นยายเอาไว้แน่นน้ำตาซึมอย่างดีใจและเสียใจไปพร้อมๆ กันจนแยกแยะไม่ถูก
“มันไม่ใช่ความผิดของลดาหรอกลูก ยายแก่แล้วโรคภัยไข้เจ็บก็รุมเร้าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ลดาต้องยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้นะลูก” หญิงชรากล่าวอย่างยอมรับชะตากรรมพร้อมยกมือเหี่ยวย่นลูบศีรษะหลานสาวอย่างแสนรัก
“ไม่เอา ลดาไม่อยากฟัง ยายห้ามพูดแบบนี้อีกนะคะ” ยายชื่นหันไปมองชายหนุ่มท่าทางดูดีหัวจรดเท้าอย่างสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร มารู้จักกับหลานสาวของนางได้อย่างไรเพราะดูจากลักษณะท่าทางแล้วเป็นคนละระดับกับนางและหลานสาวอย่างแน่นอน ฝ่ายธีรภัทรเมื่อเห็นหญิงชรามองมาก็รีบแนะนำตัวทันที
“สวัสดีครับคุณยาย ผมชื่อธีรภัทรเป็นแฟนของลดาครับ”
“อะไรนะ” ยายชื่นถามย้ำอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองจะเป็นไปได้อย่างไรกันผู้ชายท่าทางดูดีมีระดับคนนี้มารู้จักถึงขั้นคบหาเป็นแฟนกับหลานสาวของนางได้อย่างไร ที่สำคัญหลานรักของนางไม่เคยเอ่ยถึงเขาให้ฟังมาก่อน หญิงชราเบนสายตาไปทางหลานสาวทันที เมื่อเห็นอาการอ้ำอึ้งหน้าแดงก่ำของหลานในไส้นางก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ได้โกหกก็ในเมื่ออาการหลานสาวของตัวเองฟ้องอยู่ซะขนาดนี้
“เอ่อ...คือ...ลดา” ธีรภัทรเมื่อเห็นคนรักอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบผู้เป็นยายจึงคิดว่าควรจะให้เวลายายหลานได้คุยกันเป็นการส่วนตัวจึงเอ่ยขอตัวทันที
“คุณยายคงมีเรื่องอยากจะคุยกับลดาเป็นการส่วนตัว ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวก่อนแล้วเย็นๆ จะแวะมาใหม่ครับ” ธีรภัทรบอกลายายชื่นเสร็จก็หันไปหาคนรัก
“เดี๋ยวเย็นๆ ผมจะแวะมาอีกทีนะครับลดา ส่วนเรื่องที่เราคุยกันผมยังยืนยันคำเดิม” เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็ไหว้ลายายชื่นแล้วเดินออกจากห้องไป