“ดีมาก เอาไว้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ พี่จะหาเพื่อนวิศวกรหล่อๆ มาให้นะ อย่าเพิ่งไปคบกับหนุ่มยุ่นซะก่อนล่ะ”
“โธ่ จีไปทำงานนะคะไม่ได้จะไปหาแฟน อีกอย่างจีก็ชอบหนุ่มไทยมากกว่าค่ะ”
“น่ารักที่สุด”
เขายิ้มกว้างแล้วบีบแก้มทั้งสองของเธออย่างมันเขี้ยว โดยไม่รู้เลยว่าภาพความสนิทสนมของสองพี่น้องถูกใครบางคนแอบมองอยู่ตรงหน้าต่างตั้งนานแล้ว
หลังจากเดินเล่นกับภูมิรพีได้พักใหญ่ ทั้งสองคนก็กลับเข้ามาในบ้านและพบว่าเหลือแค่ภูริตาที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นเท่านั้น
“พี่ภูมิไปไหนแล้วครับ” ภูมิรพีเอ่ยถามก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วหยิบเบียร์กระป๋องหนึ่งบนถาดน้ำแข็งขึ้นมาเปิดฝาแล้วกระดกลงคออย่างอารมณ์ดี
“เห็นว่าคุณแหวนโทรมาก็เลยออกไปเมื่อกี้นี้เองจ้ะ” สูตินรีแพทย์สาววัยยี่สิบเจ็ดบอกยิ้มๆ
“อ๋อ แล้วนี่ตกลงว่าเค้าได้ฤกษ์กันหรือยังนะครับสองคนนี้น่ะ”
“ได้แล้วมั้งจ๊ะ เหมือนเคยได้ยินคุณแหวนบอกว่าอีกราวๆ สามหรือสี่เดือนนี่แหละ ตอนนี้คงวุ่นเรื่องเตรียมงานแต่งกันอยู่น่ะ ว่าแต่เราเถอะ เรียนจบแล้วจะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนได้หรือยัง หรือยังอยากจะคุยไปเรื่อยๆ ก่อน”
“ก็คุยไปเรื่อยๆ ตามประสาคนหล่อแหละครับ ผมน่ะอายุน้อย พี่พู่นั่นแหละ อีกไม่กี่ปีจะสามสิบแล้ว ไม่คิดจะหาแฟนสักคนเหรอ เดี๋ยวเลยสามสิบจะหายากแล้วนะ”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ยังไม่มีแฟน” คนสวยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หืม? พี่พู่มีแฟนตอนไหน ทำไมผมไม่รู้เลยล่ะครับ”
“อยากเห็นหน้าแฟนพี่มั้ยล่ะจ๊ะ”
“อยากสิ มีรูปรึเปล่าครับ”
“เอาภาพเคลื่อนไหวไปเลยดีกว่า นั่นไง อยู่ในทีวีนั่น หล่อมั้ยล่ะ”
ภูมิรพีหันไปมองที่หน้าจอโทรทัศน์เช่นเดียวกับจีรชยาแล้วทั้งสองคนก็ถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“เฮ้อ ที่แท้ก็พระเอกซีรี่ส์นี่เอง สงสัยมัวแต่ทำคลอดมากไปสินะครับ ก็เลยไม่มีเวลาไปตามหาผู้ชายในชีวิตจริงแบบนี้น่ะ”
“สวยๆ อย่างพี่ยังจะต้องไปตามหาทำไม ทุกวันนี้ก็มีคนมาจีบไม่เว้นแต่ละวัน เพียงแต่ยังไม่เจอคนที่ใช่เท่านั้นเองแหละ”
“คร๊าบ...ผมก็ลืมไปว่าพี่สาวผมสวยมาก งั้นผมก็ขอให้เจอไวๆ นะครับคนที่ใช่น่ะ ขอตัวก่อนล่ะ พรุ่งนี้ต้องไปยื่นเรื่องจบที่มหาวิทยาลัยแต่เช้า เสร็จแล้วจะไปดูหนังกับสาวในสต๊อกซะหน่อย ฝันดีครับสองสาว อย่านอนดึกกันนักล่ะ” บอกแล้วเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะก้าวออกไปจากห้องนั้นอย่างไม่รีบร้อนนัก
“อะไรของเค้าเนี่ย พูดจบก็ทิ้งกันไปนอนเฉยเลย แต่ไปก็ดีเหมือนกัน พี่มีเรื่องอยากพูดกับจีอยู่พอดี” ภูริตาหันมามองน้องสาวคนเล็กก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบของชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะกลางหน้าโซฟาขึ้นมา
“นี่จ้ะ ของขวัญฉลองความสำเร็จก้าวแรกของน้อง พี่ดีใจด้วยอีกครั้งนะที่จีสอบผ่านและจะได้เดินตามความฝันของตัวเองซะที”
“ขอบคุณค่ะพี่พู่” จีรชยายกมือไหว้ก่อนจะรับของมาถือเอาไว้แล้วก็รู้สึกว่ามันมีน้ำหนักพอสมควร
“เปิดดูสิจ๊ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวเปิดฝากล่องขึ้นมาแล้วเธอก็ต้องตกใจมากเมื่อเห็นว่ามันคือเงินสดหลายปึกที่วางอยู่ในกล่องนั้น
“พี่พู่คะ นี่มัน...”
“พี่ซื้อของขวัญให้จีหลายชิ้นจนไม่รู้ว่าควรจะซื้ออะไรดีแล้ว ก็เลยคิดว่าเอาเงินสดให้จีไปเลยดีกว่า ไปอยู่ที่โน่นจีก็คงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ถือว่าเงินห้าแสนนี่เป็นเงินทุนที่พี่สนับสนุนน้องก็แล้วกันนะจ๊ะ”
“แต่ว่ามันมากเกินไปนะคะ จีไม่กล้ารับไว้หรอกค่ะ อีกอย่างตอนที่กินข้าวกันพ่อภูกับแม่จ๋าก็ให้เงินจีมาตั้งล้านนึงแล้ว จีไม่กล้ารับเงินของพี่พู่อีกหรอกค่ะ”
“นั่นเงินของคุณพ่อคุณแม่ แต่นี่เป็นเงินของพี่มันคนละส่วนกันนี่นา รับไปเถอะนะ พี่อยากสนับสนุนน้องจริงๆ แต่ถ้าน้องเกรงใจพรุ่งนี้ก็ทำราดหน้าทะเลอร่อยๆ ให้พี่กินซักจานละกัน”
“โธ่ ราดหน้ากับเงินห้าแสนมันจะไปทดแทนกันได้ยังไงคะ”
“ได้สิ สำหรับพี่แล้วมันทดแทนกันได้แน่นอน”
“พี่พู่...”
“ถึงเราจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่พี่ก็รักจีมากนะ แล้วความจริงพี่ก็ไม่อยากให้จีไปอยู่ไกลหูไกลตาเลย เพราะจีเป็นคนดี หัวอ่อน เชื่อคนง่าย พี่กลัวจีจะไปเจอคนไม่ดีแล้วโดนทำร้ายเอา แต่พี่ก็รู้ว่าพวกเราคงจะขังจีเอาไว้ไม่ได้ ยังไงจีก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง เพราะฉะนั้นพี่ก็อยากให้จีใช้เงินที่พวกเราให้ในการหาหอพักดีๆ และปลอดภัยอยู่ ได้ซื้อของอร่อยๆ และมีประโยชน์กิน แล้วก็ได้ซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่ แค่นี้พี่ก็คงรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ”
จีรชยาน้ำตาคลอก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะคะพี่พู่ หนูไม่รู้ว่าจะตอบแทนพระคุณของทุกคนยังไง ทุกคนดีกับหนูมากจริงๆ”
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้น คุณแม่เคยพูดว่าจีไม่เคยขอมาเป็นลูกของท่าน ไม่เคยขอมาเป็นน้องสาวของเรา แต่เราต่างหากที่รับจีเข้ามาในครอบครัว ในเมื่อคิดจะเลี้ยงแล้วก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด แค่จีทำให้คุณแม่ของพี่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ คอยดูแลท่านตอนที่พวกพี่ไปทำงาน แค่นี้ก็ถือเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลยนะ ทุกอย่างที่พวกเราให้ เราให้ด้วยความเต็มใจไม่ได้มีใครบังคับ ขอให้จีเต็มใจที่จะรับมันไว้ก็พอ”
“ค่ะพี่พู่”
“ดีมากจ้ะ”