นิรดาชำเลืองสายตามองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อีกครั้ง รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นคนที่มีลักษณะท่าทางเหมือนผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ทว่าพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน
“น้องเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอ? พี่ไม่เคยเห็นน้องเลย”
ผู้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคนที่ถามเพื่อนๆในกลุ่มว่าจะสั่งอะไรเพิ่มหรือเปล่าหันมาถามเธอ จากคำถามของเขาทำให้นิรดารู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะเป็นลูกค้าประจำของร้าน แต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกไปเพื่อนเขาที่นั่งอยู่ข้างกันก็พูดขึ้นซะก่อน
“ไอ้เชี่ยเหนือมึงอย่าแรด แม่งเดี๋ยวก็ได้แดกตีนลูกน้องเฮียสิงหาแทนแดกเหล้าหรอก” ติณหรือติณณภพพูดขึ้น
“สัสกูก็แค่ถามน้องปะวะ ไอ้ติณมึงแม่งพูดซะกูดูน่ากลัว เดี๋ยวน้องเขาก็คิดว่ากูน่ากลัวจริงๆหรอก” ทิศเหนือโวย และเสียงโวยนั้นก็ทำให้คนที่มีชื่อเล่นยาวกว่าชื่อจริงอย่างธีโอหรือเธียรมองด้วยสายตาเอือมระอา
“มึงไม่ได้น่ากลัวไอ้เหนือแต่มึงแรด”
“ครับคุณธีโอคุณไม่แรดเลยครับ” ทิศเหนือเบะปากมองบนใส่เพื่อนที่ด่าตัวเองเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งทั้งที่มันเองก็แรดไม่ต่างจากเขา ก็คือสายพันธุ์เดียวกันไงถึงมาคบกันได้ ก่อนจะหันไปถามพชรวิชญ์ที่ยังก้มหน้าอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
“แล้วมึงอะไอ้พาย จะเอาไรเพิ่มรึเปล่า”
“มึงจะสั่งไรก็สั่ง มึงสั่งเชี่ยไรมากูก็แดกได้หมดแหละ” คนถูกถามตอบเสียงเรียบโดยไม่เงยหน้ามองเพื่อน เพราะกำลังหงุดหงิดคู่สนทนาที่เริ่มคุยกันไม่รู้เรื่อง ก่อนคุยก็เหมือนจะเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่เรียกร้องสถานะอะไร แต่ทว่าพอเริ่มคุยได้ไม่ถึงเดือนก็ถามหาสถานะโน้นนั่นนี่ไม่หยุด เธอเรียกร้องจนเขารำคาญ ทำตัวเหมือนเป็นแฟนทั้งที่มันไม่ใช่
เพราะแบบนี้ไงเขาเลยไม่คิดอยากจะคุยกับใคร ไม่คิดที่จะคบใครเป็นแฟนทั้งที่มีผู้หญิงมากมายพยายามที่จะเข้าหา
“งั้นกูสั่งเหล้าขาวสี่สิบดีกรีให้มึงนะ”
“กวนตีน!” พชรวิชญ์ที่ตั้งใจเงยหน้าขึ้นมาด่าเพื่อนที่กวนตีนไม่หยุดตั้งแต่มาถึงถึงกับนิ่งงันไปทันทีเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เป็นใบหน้าของคนที่เขาเคยรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนานเกือบสิบปี ทว่าเขากลับจำเธอได้และนึกชื่อของเธอได้ทันทีที่เห็นหน้า
“หนูนิ่ม...”
และไม่ใช่เฉพาะคนที่เพิ่งเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์เท่านั้นที่นิ่งงัน นิรดาเองก็นิ่งงันไปเหมือนกันเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับใครบางคนที่เธอเคยรู้จัก
ซึ่งแน่นอนล่ะว่าเขาไม่ใช่แค่เหมือน แต่เขาคือคนๆนั้น คนที่เธอรู้จักและเคยสนิทสนมด้วยเมื่อนานมาแล้ว
เกือบสิบปีที่เราสองคนไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ติดต่อหากัน ทว่าเธอกลับจำเขาได้ทันทีที่เห็นหน้า แต่ไม่รู้ว่าเขาจะจำเธอได้หรือเปล่า เพราะดวงตาคมกริบของเขาทอประกายแปลกใจเพียงเสี้ยววินาทีก็กลับไปนิ่งเหมือนเดิม
ที่เขาชะงักในคราแรกก็อาจจะรู้สึกคุ้นหน้าเธอ และที่นิ่งไปก็อาจจะเป็นเพราะจำเธอไม่ได้ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเราสองคนเคยรู้จักกันเมื่อนานมาแล้ว และเราสองคนก็ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสิบปี เขาจำเธอไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่สำคัญเธอเองก็เปลี่ยนไปมาก มากจนเขานึกไม่ถึงทีเดียว
“เอ่อ ไอ้พายเมื่อกี้มึงว่าไรนุ่มๆนิ่มๆวะ กูได้ยินไม่ชัดพูดใหม่อีกทีดิ”
คำว่า ‘นิ่ม’ ที่อยู่ในประโยคคำถามของเพื่อนเขาทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโต เต้นแรงและตื่นเต้นเอามากๆ เริ่มมีความหวังว่าเขาอาจจะจำเธอได้จริงๆ แต่ทว่าไม่นานหัวใจที่เต้นแรงของเธอก็กลับมาอยู่ในระดับปกติเมื่อได้ยินคำตอบที่เขาตอบเพื่อน ซึ่งคำตอบนั้นมันชัดเจนว่า... เขาจำเธอไม่ได้
“ไม่มี มึงจะสั่งอะไรก็สั่งมา”
จำไม่ได้จริงๆสินะ
“งั้นกูสั่งเหล้าขาว?”
“...”
“เอาอะไรดีวะ? สี่สิบดีกรีหรือว่าหกสิบดีกรี? แต่กูว่าสี่สิบดีกรีก็น่าจะพอแล้วมั้ยหกสิบดีกรีเดี๋ยวมึงลุกไม่ขึ้น ฮ่าๆ” ทิศเหนือพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยักคิ้วส่งให้อย่างยียวนกวนประสาท แถมยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมา ซึ่งความรู้สึกที่ว่าก็คงไม่พ้นว่ามันอยากถีบเขาให้ตกเก้าอี้
“เดี๋ยวมึงได้แดกตีนกูแทนแดกเหล้า”
นั่นไง เขาพูดผิดซะที่ไหน
ทิศเหนือชู้ดปาก ยักคิ้วให้เพื่อนทั้งสองอย่างรู้กันดี ไอ้พายมันไม่ได้กระแดะแดกเหล้าขาวไม่เป็นหรอก ถึงมันจะหล่อมากบ้านมันจะรวยเว่อมันก็แดกได้หมดแหละไม่ว่าสี่สิบดีกรีหรือว่าหกสิบดีกรี แต่ทว่าที่มันไม่อยากแดกเพราะเมื่อไหร่ที่มันแดกเหล้าขาวแล้วเมา มันจะไม่ใช่ไอ้พายคนดีย์คนเดิมไง
บอกได้คำเดียวว่าเวลาที่ไอ้พายเมาเหล้าขาวแล้วโคตรเด็ด
แน่นอนว่าความลับนี้มีแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นที่รู้
คนที่เผลอแพร่งพรายความลับให้เพื่อนรู้โดยบังเอิญมองด้วยสายตาหงุดหงิด และต้องหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเพื่อนทั้งสามพร้อมใจกันหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
หัวเราะพ่อง!
แม่ง! ครูสอนไม่จำเหรอวะว่าห้ามหัวเราะเยาะคนอื่น