เธอพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่หนีไม่พ้น ริมฝีปากชั่วร้ายตามประกบติดแนบแน่น บดจูบอย่างดุเดือดจนไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ ตะโบมจูบบดเคล้าอย่างเร่าร้อนซอกซอนหาความหวานอย่างโหยหา ทั้งอุกอาจเอาแต่ใจและเรียกร้องเอาแต่ได้ สองมือหนาแนบกุมตรึงใบหน้าเธอแน่นหนาให้เขาลิ้มรสริมฝีปากได้ลึกซึ้งดื่มด่ำยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนรุกเร้ากวาดต้อนให้เธอจนมุมไร้แรงต้านทาน แล้วค่อยๆ ผ่อนแรงเปลี่ยนจังหวะเป็นเล้าโลมอ้อยอิ่ง จูบเคล้าอย่างอ่อนโยนหวานซึ้ง ขบเม้มดูดดื่มหวามใจ
เวนิกาชาหนึบไปทั้งตัว ได้แต่ยืนแข็งทื่อขาตาย สมองขาวโพลนจนหยุดการต่อต้าน ปรินธรจึงถอนริมฝีปากออกแล้วก้มหน้าถูไถปลายจมูกโด่งเข้ากับจมูกเล็กๆ น่ามันเขี้ยว หลับตาซึมซับไออุ่นที่ห่างหายให้เข้าไปถมหัวใจที่เว้าโหวงว่างเปล่าได้คลายหนาวเสียบ้าง
ลมหายใจอบอุ่นและสัมผัสอ่อนละมุนที่คุ้นเคยทำให้เวนิการู้สึกตัว เธอปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ กะพริบถี่ๆ ขับไล่ความวาบหวิวที่ล่อลวงสติและหัวใจ ดวงตาฉ่ำพริ้มเพราะพิษสวาทจับจ้องชายตรงหน้า ก่อนจะฉายแววเย็นชาชนิดที่แช่แข็งคนได้ สองมือบางผลักอกเขาอย่างแรง ตวัดฝ่ามือหวดบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเดือดดาล
หมับ!
ปรินธรคว้าแขนเธอไว้ทันควันก่อนปลายนิ้วจะเฉียดใบหน้าเขาเพียงนิดเดียว ดวงตาคมกริบวาววับเอาเรื่อง ริมฝีปากเหยียดยิ้ม เลิกคิ้วยั่วยุอารมณ์คนมองให้ยิ่งปะทุหนัก
“ที่คุณจงใจยั่วผม เพราะอยากรำลึกความหลังของเราไม่ใช่เหรอ ผมก็สนองให้แล้วไง”
เวนิกาจ้องหน้าคนพาลอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน โทสะพลุ่งพล่านจนระงับไม่อยู่ หอบหายใจระส่ำติดๆ ขัดๆ เธอเค้นเสียงเหมือนเค้นพลังชีวิตทั้งหมดตะโกนใส่หน้าเขาสุดเสียงว่า
“ฉันเกลียดคุณ...ไปตายซะ!!!”
ลมหายใจปรินธรสะดุดกึกโดยที่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เรียบยังไงก็เรียบยังงั้น แถมยังติดขรึมขึ้นอีกหลายส่วน เขาแสร้งยกยิ้มเลิกคิ้วไม่แยแส ทั้งที่ข้างในมันปั่นป่วนพิลึก มือไม้พาลอ่อนเปลี้ยจนปล่อยมือออกจากหญิงสาวราวกับต้องของร้อน แต่ยังกลบเกลื่อนด้วยการยกมันจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ในใจเฝ้าเตือนตัวเองว่า
เขามาวันนี้ก็เพื่อทักทายเธอเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบีบเธอให้ตายคามือ
“แล้วเจอกันใหม่นะ” ปรินธรก้มกระซิบเฉียดริมฝีปากอิ่ม ไล้ข้อต่อนิ้วเกลี่ยวนวลแก้มเล่นชั่วอึดใจ ก็หันหลังก้าวจากไป...
ทิ้งถ้อยคำที่เหมือนกับหินหนักอึ้งโยนใส่หัวใจของคนฟัง!
ฟาดฟันกับคนเลือดเย็นคล้ายจะสูบเอาพลังงานชีวิตของเธอไปจนหมดตัว เวนิกาแข็งใจยืนหยัดทั้งๆ ที่ขาอ่อนแรงจวนจะล้ม รอจนปรินธรเดินหายลับไปจากสายตาแล้ว เธอจึงหลับตาทิ้งตัวพิงกำแพงอย่างหมดแรง จากกันสี่ปีเธอนึกว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มากพอที่จะเผชิญหน้ากับเขาได้
แต่เปล่าเลย...
เธอยังคงอ่อนแอ ยังคงตัวสั่นเทาตอนที่เจอเขา!
หญิงสาวยิ้มเยาะสมเพช นึกดูถูกตัวเองที่ไม่เอาไหน อยากแก้แค้นแต่ก็มีแค่แรงใจ ไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะทำลายล้างเขาให้ย่อยยับได้ แววตามืดมนอับแสงเมื่อหวนคิดถึงความโหดร้ายที่เขาเคยหยิบยื่นให้ แผลใจถูกเปิดออกจนเหวอะหวะ ความเคียดแค้นก็พวยพุ่งบ่าทะลักออกมาราวกับก๊อกน้ำแตก ซึ่งเธอใช้มันเป็นพลังผลักดันให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ โดยที่ไม่ต้องกลายเป็น ‘บ้า’ ไปเสียก่อน
เธอเกลียดตัวเองที่ตัดสินใจผิดพลาดเข้าหาเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน ถ้าตอนนั้นเธอรู้ถึงความอำมหิตของเขาสักนิด หรือรู้ว่าตัวเองจะต้องพบจุดจบที่แสนเจ็บปวดเพราะน้ำมือเขา เธอจะไม่มีวันเฉียดเข้าไปใกล้เขาเป็นอันขาด
แต่ความเป็นจริงเธอย้อนเวลากลับไปไม่ได้ และถึงทำได้ แต่ในภาวะที่เธอจนตรอกหมดสิ้นหนทางและความหวัง สุดท้ายเธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากปรินธรอยู่ดี เพราะนอกจากเขา เธอไม่มีตัวช่วยอื่นที่ดีกว่า ไม่มีทางให้เลือกเดินเลย
เธอทำได้แค่ต้อง...เข้มแข็ง!
เวนิกายกมือลูบหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ ค่อยๆ พยุงตัวขึ้นยืนตรง เรียกความแข็งแกร่งให้ตัวเองอีกครั้ง