จุ๊บ!!
“น่ารักมาก จำชื่อผัวตัวเองได้ด้วย” มาร์คอฟยิ้มและจูบไปที่ริมฝีปากเธอเบาๆ ทำให้เธอนั้นตกใจและมองเขาตาปริบๆ สายตาเธอจ้องมองเขาเหมือนตกอยู่ภวังค์
‘ทำไมเขาหล่อและดูดีขนาดนี้กันนะ ไม่!! น้ำแข็ง มันไม่ใช่เวลาที่เธอต้องมาปลื้มเขา เธอต้องออกห่างเขาให้มากที่สุด เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้’
“คุณไม่ใช่สามีหนู ปล่อยนะ” หญิงสาวที่ได้สติก็ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มนั้นสามารถยกตัวเธอขึ้นมานั่งบนตักแกร่งภายในรถอย่างง่ายดาย
“คุณจะทำอะไร คุณปล่อยหนูนะ”
พรึ่บ!!!
จู่ๆ ชายหนุ่มก็กอดรัดตัวเธอเอาไว้เบาๆ และเอาคางเกยไหล่ของเธอ
“หืม อยู่นิ่งๆ ฉันกำลังชาร์จพลัง” เมื่อหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็หยุดดิ้นทันที
คุณ
“คุณ…”
“ถ้าเธอยังพูดอีกฉันจะไม่หยุดแค่กอดแล้วนะ” เธอได้ยินดังนั้นก็ปิดปากของตัวเองไว้อย่างดี แล้วก้มหน้าลงมุดไปที่ไหลของชายหนุ่ม ทำให้เขาถึงกับคิ้วขมวดออกมาทันที
“เป็นอะไร??”
“..” หญิงสาวที่ได้ยินคำถามก็เงียบไม่ยอมตอบ
“ฉันถามว่าเป็นอะไร??”
“...”
“ถ้าเธอไม่พูดฉันจะจับเธอมาจูบนะ”
“หนูอาย”
“อาย??”
“อือ อายพี่ๆ เขาที่อยู่ในรถ” หญิงสาวตอบเบาๆ และก้มหน้าซบลงไหล่เขาอีกครั้ง เพราะตอนนี้รถกำลังเคลื่อนตัวอยู่บนท้องถนน และยังมีบอดี้การ์ดของเขาอีกสองคนนั่งอยู่ภายในรถ ทำให้เธอนั้นรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก และอีกอย่างคุณแม่และคุณยายก็สอนให้เธอรักนวลสงวนตัว แต่ตอนนี้เธอกลับมานั่งให้ผู้ชายแปลกหน้าที่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่ครั้งกอดเธอ และยังเป็นคนที่พรากพรหมจรรย์เธอไปอีกด้วย
“ใครมอง กูจะยิงตาบอดให้หมด” มาร์คอฟพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจ เมื่อบอดี้การ์ดได้ยินก็มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล
“คุณ ทะ ทำไมใจร้ายกับพี่ๆ เขาจังเลยคะ”
“หรือเธออยากให้พวกมันมอง”
“มะ ไม่ค่ะ”
“งั้นก็อยู่นิ่งๆ” เขาพูดพร้อมกอดเธอเอาไว้เหมือนเดิม
เนิ่นนานหลายสิบนาที ที่ทั้งสองไม่ยอมพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นเบาลงเลย แถมยังเต้นถี่ขึ้นและแรงขึ้นอีกต่างหาก จนเธอแอบกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเธอ
ไม่นานรถก็เขามาจอดยังคฤหาสน์ของมาร์คอฟ
เธอค่อยๆ ลงจากรถ และเมื่อก้าวขาลงและมองไปรอบๆ เธอก็เพิ่งสังเกตุได้ว่าคฤหาสน์หลังนี้มันใหญ่มาก ตัวบ้านตั้งตระหง่านเด่นติดกับทะเลสาป และมีลมพัดเย็นๆ กระทบที่ใบหน้าเธอเบาๆ ทำให้เธอนั้นรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก มันสวยมากๆ เลยล่ะ เมื่อเทียบกับที่อยู่ของเธอ ต้นไม้นานาพันธุ์ถูกปลูกประดับเขียวขจีไว้อย่างสวยงาม
แต่เธอก็ไม่ได้ยืนชื่นชมมันนานเท่าไหร่นัก เพราะว่าชายหนุ่มนั้นคว้าข้อมือของเธอและดึงเธอเดินเข้าไปในตัวบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่พอเข้ามาในบ้านเธอก็ต้องตะลึงอีกครั้ง เพราะว่าภายในนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา มีห้องโถงขนาดใหญ่ และเมื่อเธอมองขึ้นไปชั้นสองก็พบกับห้องที่เธอเคยแอบหนีออกมาก็ทำให้เธอนั้นต้องหน้าแดงขึ้นอีกครั้งด้วยความเขินอาย
“ไง แค่มองประตูหน้าห้องยังหน้าแดงขนาดนี้ ถ้าเข้าไปไม่หัวใจวายเลยหรือไง”
มาร์คอฟแซวเธอออกมา
“ปะ เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบที่คุณคิดหรอก คุณคิดแต่เรื่องที่ไม่ดี”
“หึ เธอรู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่”
“คุณ..คุณว่าหนูคิดลามกเหรอ??”
“หึ เธอคิดไปเองคนเดียว” มาร์คอฟพูดจบก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน
ตามฉันมา เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักทันที
“นะ หนูต้องไปทำงาน ขอตัวก่อนนะคะ” เธอหันหลังกลับไปเพื่อจะเร่งฝีเท้าวิ่งออกจากบ้านของเขา
“ถ้าเธอก้าวออกจากที่นี่ไป สาบานได้ว่าฉันจะทำให้เธอคลานออกจากบ้านของฉัน”
กึก!! ปลายเท้าของเธอหยุดชะงักอย่างรวดเร็ว
“แต่หนูไม่อยากทำแบบนั้นกับคุณแล้ว วันนั้นมันเป็นแค่ความผิดพลาด”
“หึ” มาร์คอฟเดินลงมาหาเธออีกครั้งและกระซิบข้างใบหูของเธอ
“มันไม่ได้ผิดพลาด คืนนั้นฉันตั้งใจจะตอกเธออยู่แล้วสาวน้อย”
เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็ถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าก็ทำให้เธอนั้นต้องเสียหลักสะดุดขาตัวเอง
“ว๊ายยยย!!” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ คิดว่าก้นของเธอจะต้องกระแทกลงพื้นอย่างแรง แต่ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเธอนั้นกลับลอยอยู่ในอากาศ เมื่อลืมตาขึ้นมาดูก็พบว่าเธอในอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว และเขาก็อุ้มเธอเอาไว้ในท่าเจ้าสาว และหลังจากนั้นก็พาเธอเดินไปยังชั้นสอง
หัวใจของเธอเต้นเร็วแรงและถี่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าห้องนอนห้องนั้น
“หึ ยัยลามก” มาร์คอฟเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาในลำคอและพาเธอเดินผ่านหน้าห้องนั้นไป และเดินมายังห้องถัดไปจากห้องนอนของเขา และเมื่อเปิดประตูเข้าไป หญิงสาวก็พบว่าห้องนั้นมันคือห้องทำงานของชายหนุ่มนั่นเอง เธอจึงโล่งใจขึ้นมา
“คุณปล่อยหนูลงได้แล้ว” เมื่อมาร์คอฟได้ยินดังนั้นก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
และผ่านมือให้เธอนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เมื่อเธอเห็นดังนั้นก็เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้อย่างง่ายดาย ไม่นานเขาก็เดินอ้อมไปยังโต๊ะทำงานอีกฝั่งและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ราคาแพง และภายในห้องก็เงียบสงัดขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดทำลายความเงียบออกมา
“ฉันเสียใจเรื่องคุณยายของเธอด้วยนะ”
“คะ คุณรู้ได้ยังไงคะ??”
“ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ” มาร์คอฟพูดออกไป วันนั้นเขาได้รับรู้เรื่องราวจากลูกน้องของเขา เขาก็รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงหญิงสาวเช่นกัน แต่ทว่างานของเขามันกลับรัดแน่นเกินไปที่จะปลีกตัวออกมาได้ จึงทำได้มองดูเธอไกลๆ จากมอสโกแค่นั้น
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เปิดตู้เซฟด้านข้าง พร้อมหยิบกระเป๋านิรภัยสีดำขึ้นมา
“อะไรเหรอคะ??” หญิงสาวถามออกมาด้วยความสงสัย
“เปิดดูสิ”
หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ใช้มือเรียวบางของเธอปลดล็อคกระเป๋าอย่างเบามือ และเมื่อเปิดขึ้นมาเธอก็ต้องตกใจอีกครั้ง
เพราะในกระเป๋าใบนี้มันมีเงินมากมายอัดอยู่ในกล่อง
“คุณให้หนูดูทำไม??” เธอถามออกมาด้วยความสงสัย
“ในนี้มีเงินจำนวนหนึ่งล้านบาท มันคือค่าตัวคืนนั้นของเธอ”
“แต่หนูไม่ได้ขายตัวนะคะ” น้ำแข็งพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“จะขายไม่ขาย ฉันไม่สน เพราะฉันรับปากกับเธอไว้แล้ว”
“...”
“และอีกอย่าง…ฉันสนแค่ว่า ต่อไปนี้เธอจะต้องเป็นของเล่นของฉัน จนกว่าฉันจะเบื่อ และสิ่งที่ฉันจะตอบแทนก็คือ ของทุกอย่างที่เธออยากได้”
“ไม่ ถึงหนูจะจน แต่หนูก็ไม่ยอมทำตามคำสั่งที่คุณบอกหรอกนะคะ”
“...”
“หนูมีมือมีเท้าและอวัยวะครบสามสิบสองประการ หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“เธอคิดว่าจะหนีฉันได้เหรอ พนิดา”