บทที่8

3101 คำ
@คอนโดรามสูร หลังจากที่นั่งคอพับคอแข็งอยู่ที่ผับตั้งนานเพราะนั่งรอรามสูรดื่มเหล้าและนั่งคุยกับเพื่อนจนกว่าจะพอใจมันแล้วยอมพาฉันกลับมา ก็เล่นเอาฉันตาปรือเลยอะ ไอ้บ้ารามสูรนี่มันบ้าจริง ๆ เลย วันนี้ฉันยิ่งเหนื่อย ๆ กับงานอยู่ แล้วดูมัน...ยังจะพาไปผับแล้วพากลับมาที่คอนโดเอาตอนตี1อีก เหอะ ฉันละอยากข่วนหน้ามันจริง ๆ แล้วไม่พอแค่นั้นนะมันยังกวนประสาทฉันด้วยการให้ฉันทำกับข้าวให้มันกินอีก แล้วพอฉันนิ่งไม่ยอมลุกไปทำให้มันกินมันก็จะ... “เจ้า ช่วยทำข้าวให้กินหน่อยดิ หิวว่ะ” ใช่ค่ะ มันก็จะพูดแต่ประโยคเดิมไม่หยุด จนฉันเริ่มรู้สึกรำคาญมัน “แต่มันตีหนึ่งแล้วนะราม ใครเขากินข้าวกัน” “ก็ฉันนี่ไงที่จะกิน จะทำไม่ทำ ถ้าไม่ทำฉันจะได้กินเธอแทนข้าว” ดูมันพูด คือจะกินข้าวป่านนี้ในขณะที่ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังทาครีมเตรียมจะเข้านอน แต่มันที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ทำอะไรเลยมาสั่งฉันให้ทำ คือไม่รู้จะด่ามันว่ายังไงดีอะ “รามแต่เจ้าง่วงแล้วอะ” “ถ้าเธอมาถึงเตียงฉันรับรองว่าเธอจะไม่ได้นอนถึงเช้าเจ้า” “จิ๊ ก็คือจะกินให้ได้ว่างั้นเถอะ” “ก็เอ่อดิว่ะ คนมันหิวนี่หว่า” “แล้วตอนอยู่ที่ผับทำไมไม่รู้จักกินให้เรียบร้อยไปเลยหะ” “เอาเวลาที่บ่นฉัน ไปผัดข้าวดีกว่าไหมเจ้า” ฮึ่ย ไอ้บ้ารามสูร ฉันอยากร้องไห้อะ ทำไมมันเป็นคนแบบนี้ว่ะ ไม่สงสารเมียตัวเองเลยรึไงหะ คนมันตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยยังให้ทำกับข้าวให้มันกินอีก... ฉันเดินปึงปังพร้อมกับหน้าบึ้งๆ ออกมาจากห้องนอนไปเข้าห้องครัวเพื่อเตรียมของที่จะทำให้มันกิน ฉันยืนคิดอยู่หน้าตู้เย็นว่าจะทำอะไรให้มันกินดี พอนึกออกแล้ว ฉันจึงเปิดตู้เย็นเอาไข่ไก่มาสองฟองแล้วไปหยิบชามมาตอกไข่ลงไป แล้วก็เตรียมกระทะไว้ ก็เห็นรามสูรเดินเข้ามานั่งตรงเคาน์เตอร์พอดี โดยมีสายตามันที่คอยจับจ้องฉันเวลาที่หยิบจับอะไรแต่มันก็ไม่คิดจะช่วยหรอกน่ะ “ฉันอยากกินข้าวผัดซีอิ๊วดำว่ะ” “แหกตาดูว่ามีซีอิ๊วไหม” “ไม่มี” “เพราะฉะนั้นฉันทำอะไรก็กินๆ ไปเหอะ อย่าเรื่องมาก” “แต่ฉันอยากกินข้าวผัดซีอิ๊วดำ เดี๋ยวออกไปซื้อซีอิ๊วแป๊บหนึ่ง” โฮ๊ะ!!! ไอ้บ้ารามสูรนี่มันหิวจริงหรือกำลังกวนฉันอยู่หะ คือมันพูดจบก็เดินออกไปจากห้องเลยไง ไม่ได้ถามฉันสักนิดว่าจะรอมันกลับจากซื้อซีอิ๊วไหวไหม คือมันเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้อะ อยากกินก็ต้องได้กินอะ มันถึงยังอุตส่าห์จะออกไปซื้อซีอิ๊วเอาป่านนี้คิดดู ส่วนฉันที่เป็นคนทำก็คงต้องทำให้มันกินอะถ้ามันอุตส่าห์ขนาดนั้น ฉันจึงทำอย่างอื่นไปก่อนที่พอจะทำได้จะได้ไม่เสียเวลาแล้วสุดท้ายแค่รอซีอิ๊วกลับมา เมื่อว่างไม่มีอะไรทำแล้วจึงออกไปเปิดทีวีที่โซฟาดูเพื่อรอรามสูรกลับมาจะได้ทำให้มันกินเสร็จๆ ไป ฉันจะได้นอนสักที ง่วงจะตายอยู่แล้ว... รามสูรพาทย์ ผมรีบออกจากห้องแล้วขับรถมาที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อซีอิ๊วขวดเดียวเอากลับไปให้เมียที่บ้าน ซึ่งผมโคตรจะลงทุนมาซื้อมากอะ ทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ แต่แม่งอารมณ์อยากกินอะ มันก็ต้องได้กินป่ะว่ะ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับไปที่คอนโดก็ดันเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเดินอยู่ริมฟุตบาทเหมือนกำลังจะเป็นลมแต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกจนขับผ่านเธอไป แต่สายตาผมก็ดันเหลือบไปมองผ่านกระจกหลังพอดีเลยทำให้ได้รู้ว่าเป็นน้ำฟ้า และตอนนี้เธอแม่งก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้วด้วย เอี๊ยด!! ผมเลยเบรกรถกะทันหันแล้วรีบถอยรถลงไปดูเธอ.... “เธอ เธอ น้ำฟ้า ตื่นดิว่ะ” ผมพยายามปลูกน้ำฟ้าโดยการตบเบา ๆ ที่ใบหน้าเธอเพื่อให้เธอฟื้น “คะคุณราม” ผมเห็นน้ำฟ้าลืมตามมองผมด้วยความตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมจนยันตัวเองออกจากแขนของผมที่โอบเธอไว้ ผมถึงได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าเธอซีดมากแทบไม่มีเลือดมาเลี้ยงเลยมั้ง แถมยังเห็นรอยช้ำเล็กน้อยตามแขนอีก “เธอเป็นอะไรรึเปล่า แล้วดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้าน” “หนูเพิ่งทำงานเสร็จค่ะ” “เพิ่งทำงานเสร็จ? หมายถึงงานที่คาสิโนฉันนะเหรอ” “ค่ะ” หลังจากที่ผมได้รับคำตอบจากน้ำฟ้าผมก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีว่าทำไมไอ้เคมันถึงปล่อยให้น้ำฟ้าเลิกงานเอาป่านนี้ ผมจึงหยิบโทรศัพท์มือถือต่อสายหามันทันที... “ไอ้เค ทำไมมึงถึงปล่อยเด็กที่เข้ามาใหม่วันนี้กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แถมยังมีสภาพร่างกายที่ดูแย่อีกด้วย มึงดูแลเด็กยังไงวะ” “มึงเตรียมคำตอบมาให้กูด้วยพรุ่งนี้” ติ๊ด. ผมกดตัดสายลูกน้องอย่างหงุดหงิดที่มันทำท่าอึกอักในการจะตอบคำถามของผม ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของน้ำฟ้าที่กำลังมองผมอยู่ “บ้านเธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง” “เอ่อ...ฟ้าอยู่อพาร์ตเมนต์ข้างหน้าไปอีกนิดหน่อยค่ะ คุณรามไม่ต้องไปส่งก็ได้ หนูรู้สึกดีขึ้นแล้ว” “มันดึกแล้ว จะเดินคนเดียวให้พวกขี้เมาจับไปขมขื่นรึไง” (ในใจน้ำฟ้าคือ วันนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกที่เธอกลับมาในสภาพแบบนี้ก็เพราะรับแขกที่คาสิโนรามสูรนั้นแหละ) “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” น้ำฟ้าค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปที่รถผมแต่เธอก็ดันเดินเซจะล้มสักก่อน แต่ดีที่ผมคว้าตัวเธอมากอดไว้ทันไม่งั้นมีหัวแตกบ้างล่ะ ผมหันไปมองใบหน้าสวยซีดเซียวของเธอที่อยู่ในอ้อมกอดของผมอย่างชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะจัดการอุ้มเธอไปที่รถแทน... -ภายในรถรามสูร- “ห้องอยู่แถวไหนค่อยบอกฉันละกัน” “ได้ค่ะ” หลังจากบอกน้ำฟ้าเสร็จผมก็ขับรถไปที่ห้องพักของเธอทันที ส่วนระหว่างทางก็ปล่อยให้ภายในรถเหลือแต่ความเงียบโดยไม่มีการเอ่ยถามอะไรใด ๆ ออกไป เพราะผมต้องใช้สมาธิในการขับรถด้วย อีกอย่างก็คือไม่รู้จะถามอะไรด้วยไง... “ซอยข้างหน้าเลี้ยวเข้าไปได้เลยค่ะ” น้ำฟ้าเอ่ยออกมาเมื่อใกล้ถึงซอยข้างหน้า ผมจึงเลี้ยวเข้าไปในซอยที่ค่อนข้างจะเปลี่ยวหน่อยๆ ตามที่เธอบอกพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าเธอกล้าเดินกลับบ้านคนเดียวได้ไงทางออกจะมืดแบบนี้มีแค่แสงไฟจากข้างทางที่เปิดไว้อย่างสลัวๆ “อพาร์ตเมนต์ข้างหน้าค่ะ” เมื่อรถที่ผมขับใกล้จะถึงอพาร์ตเมนต์ที่เธอว่า ผมจึงตีไฟเลี้ยวพลาง ๆ ก่อนจะพบกับอพาร์ตเมนต์ที่ดูโทรมจนไม่น่าอยู่อยู่ข้างหน้า คือซอยนี้เอาจริง ๆ มันไม่เหมาะที่จะมีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เดินคนเดียวดึก ๆ แบบนี้ว่ะ มันอันตรายเกินไป “ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณคุณรามสูรมากๆ นะคะ” “อืม” “เดินขึ้นห้องไหวใช่ไหม” “ไหวค่ะ” แต่พอเธอจะเปิดประตูรถลงเธอก็ดันเซอีกครั้ง ผมจึงรีบยื่นมือไปจับตัวเธอไว้มานั่งที่เดิม แล้วรีบเปิดประตูฝั่งผมลงไปยังฝั่งเธอ... “เดี๋ยวฉันอุ้มไปส่ง” “แต่ว่า....” “เร็วๆ” “ค่ะ” พอเธอตอบผมเสร็จจึงยื่นแขนตัวเองมาโอบคอผมไว้ ผมจึงอุ้มเธอเข้าไปในหอพักที่โคตรจะโทรมของเธอ และแม่งมันไม่มีลิฟต์ด้วยประเด็น “ฉิบ ไม่มีลิฟต์หรอว่ะ เธออยู่ฉันชั้นไหน” ผมสบถออกมาเล็กน้อยพร้อมกับหันไปถามน้ำฟ้าที่มองผมอยู่ “ชั้น3ค่ะ” “เฮ้อ~” ผมถึงกับถอนหายใจชั้นสามมันก็เหนื่อยน่ะเว้ย แม่งเมียตัวเองกูยังไม่อุ้มขึ้นบันไดเลย ให้ตายเถอะไอ้รามมึงจะอะไรนักหนากับเด็กคนนี้ว่ะ ตึก ตึก ตึก ผมค่อยๆ เดินขึ้นบันไดอย่างช้า ๆ จนถึงชั้นสามแล้วเดินไปที่ห้องของน้ำฟ้า “ห้องไหน” “ห้องที่4ค่ะ” ผมเดินไปที่ห้องหมายเลข304พอถึงแล้วน้ำฟ้าจึงใช้กุญแจไขประตูในขณะที่ผมยังอุ้มเธอเปิดเข้าไป ลักษณะห้องทำผมขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง คือห้องแม่งเล็กฉิบหาย แล้วพอผมที่ตัวใหญ่เข้าไปยิ่งรู้สึกว่าห้องเล็กกว่าเดิมไปอีก ซึ่งมันโคตรจะแตกต่างจากคอนโดของผมอย่างสิ้นเชิง ผมเดินไปที่เตียงเล็ก ๆ ตรงหน้าพร้อมกับค่อย ๆ วางน้ำฟ้าลงไป “เธออยู่ที่นี่กับใคร” “คนเดียวค่ะ น้องสาวอยู่ที่หอพักของมหาลัย” หลังจากที่ได้คำตอบผมก็ยืนจ้องหน้าน้ำฟ้านิ่ง พร้อมกับสังเกตใบหน้าและแววตาของเธออยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยบอกกับเธอว่าผมจะกลับแล้ว “อืม นอนพักเถอะฉันจะกลับแล้ว” “ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้” “อืม” ผมเดินลงมาจากหอพักของน้ำฟ้าไปขึ้นรถที่จอดไว้พร้อมกับกลับรถและขับกลับคอนโดทันที แต่ในระหว่างที่กำลังขับรถ ผมกำลังคิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องทำงานส่งตัวเองเรียนแล้วยังต้องส่งน้องเรียนอีกแล้วไหนจะสภาพความเป็นอยู่ที่มันโคตรจะแย่แบบนั้นอีก คือมันน่าสงสารเกินไปป่าวว่ะ ทำงานที่คาสิโนผมถึงเงินจะดีแต่ดูเธอก็ยังเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่ดี แล้วเรื่องทำงานที่คาสิโนผม ผมรับรองสภาพจิตใจมันก็ต้องมีแย่บ้างแหละที่ต้องมาคอยรับแขกเหี้ย ๆ ที่เข้ามาเล่นอะ เพราะผมรู้ว่าแขกแต่ละคนเป็นยังไง และผมก็รู้ว่าเด็กที่ทำงานที่นั่นต้องเจออะไรบ้างผมถึงเน้นหนักหนาว่าถ้าไม่เต็มใจให้ออกไปไง ผมถึงบอกไงว่าน้ำฟ้าเธอน่าสงสารเกินไปที่จะต้องมาเจอสภาพแวดล้อมแบบนั้น ใบหน้าหวานและแววตาเศร้าๆ ของเธอไม่เหมาะสมกับเธอเลยสักนิด เธอควรที่จะมีรอยยิ้มมากว่าความเศร้าที่เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้แบบนั้น....อีกอย่างเธอไม่เหมาะกับคาสิโนของผม นั่งคิดอะไรเพลินๆ ตอนขับรถ ผมแม่งก็ขับมาถึงคอนโดแล้ว พอรถเลี้ยวเข้าคอนโดเท่านั้นแหละผมก็เพิ่งนึกออกว่าที่ตัวเองออกไปเพราะออกไปซื้อซีอิ๊วให้จันทร์เจ้าทำข้าวผัดให้กิน แต่แม่งนี่มันจะตีสองอยู่แล้ว ฉิบหายละกู ยัยนั่นคงไม่นั่งรอแยกเขี้ยวใส่ผมอยู่หรอกน่ะที่ให้รอนาน... ติ๊ดติ๊ด เสียงผมสแกนรหัสห้องเพื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง พอเปิดเข้าไปแล้วก็เห็นว่าที่ห้องรับแขกยังมีไฟเปิดสว่างอยู่แสดงว่าจันทร์เจ้าอาจจะยังไม่นอน ผมจึงรีบเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างเร่งรีบ แต่กลับพบความว่างเปล่าไร้เงาของเมียมีแต่ทีวีที่เปิดให้โซฟาดู.... “ไปซื้อซีอิ๊วบนดาวอังคารรึไง” แต่จู่ ๆ เสียงจันทร์เจ้าก็ลอยออกมาจากห้องนอนพร้อมกับที่ตัวเธอเดินออกมาพิงขอบประตูและกอดอกมองหน้าผมด้วยสายตาราบเรียบ “ก็ไปแถวๆ นี้แหละแต่รถมันติด” ผมตอบเธอไปอย่างนิ่งๆ พร้อมกับยื่นถุงซีอิ๊วให้เธอ “อะ ซีอิ๊ว ไปทำให้หน่อย” “นายคิดว่าฉันยังมีอารมณ์จะทำให้นายกินอีกไหมรามสูร ตกลงนายไปไหนกันแน่ไปซื้อซีอิ๊วหรือไปทำอะไร” “ก็ไปซื้อซีอิ๊วไงว่ะ จะอะไรนักหนาว่ะเจ้า” ผมเริ่มหงุดหงิดและเสียงดังใส่จันทร์เจ้าที่เธอเริ่มทำเหมือนสงสัยในตัวผม จนเธอยืนนิ่งมองมาที่ผมที่ผมเสียงดังใส่เธอ และผมก็แอบเห็นแววตาเธอสั่นไหวตอนที่ผมเสียงดังเมื่อกี้ด้วยผมจึงหันหน้าไปทางอื่นแทน คือผมแม่งหงุดหงิดกับเธอบ่อยก็จริง แต่คราวนี้ผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ มันแม่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนเมียจับผิดอยู่ ซึ่งผมไม่ชอบไง “....” “แล้วนั่นเธอจะไปไหน” จันทร์เจ้ากำลังเดินไปที่ประตูห้องที่ผมเพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้ ผมจึงเอ่ยถามเธอออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ แต่เธอไม่ตอบและเตรียมจะเปิดประตูผมจึงเดินไปจับแขนเธอไว้ หมับ!! “ฉันถามว่าจะไปไหนไม่ได้ยินหรือไง” “ปล่อย ฉันจะกลับห้องของฉัน” จันทร์เจ้าตอบผมออกมาโดยที่เธอไม่ได้หันมามองหน้าผม ผมจึงดึงตัวเธอให้หันมามองหน้าผมแต่เธอก็เลือกที่จะเบนสายตาไปทางอื่น “ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น เป็นผัวเมียกันจะให้นอนแยกบ้านแยกเรือนได้ไงว่ะ ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอว่ะเจ้า” “ส่วนเมื่อกี้ที่กลับมาช้า ฉันช่วยไปส่งเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นลมอยู่ริมฟุตบาท จะขับผ่านทั้ง ๆ ที่เห็นมันก็ใจดำเกินไปป่ะว่ะ ถ้าเป็นเธอเธอก็ช่วย” ผมอธิบายให้เธอฟังด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ เพราะเธอเอาแต่หลบสายตาผม “แล้วทำไมไม่บอกฉันตรง ๆ” “ฉันกลัวเธอจะคิดมาก” “ก็ใช่ไงวันนี้ทั้งวันฉันโคตรจะคิดมากเลยราม เพราะนายทำตัวแปลกๆ ทั้งวัน แล้วไหนที่ไซเรนขู่จะบอกฉันอีก ตกลงนายมีเรื่องที่กำลังทำลับหลังฉันอยู่ใช่ไหมราม” “ไม่มี เธอจะไปเชื่ออะไรไอ้ไซมันมากเจ้า” ผมพูดพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหงุดหงิดที่เธอติดใจเรื่องเมื่อตอนเย็นและบวกเพิ่มเรื่องเมื่อกี้อีกแล้วรู้สึกว่าตอนนี้เรื่องมันก็เริ่มจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว “ไม่มี แล้วไซเรนจะพูดแบบนั้นทำไม” “โธ่เว้ย!! ก็บอกอยู่ไงว่ะว่ามันไม่มีอะไร เธอจะซักไซ้ให้ได้อะไรขึ้นมา” “งั้นก็ปล่อยแขนฉัน ฉันจะกลับห้อง คืนนี้นายนอนไปคนเดียวละกัน” พรึบ!! “ฉิบ” ผมได้แต่สบถด่าออกมาอย่างหัวเสียเมื่อจันทร์เจ้าเธอสะบัดแขนออกจากมือผมแล้วเปิดประตูออกไปเลย แต่ผมไม่ยอมไง จึงเดินตามเธอออกไปด้วย แต่สุดท้ายก็โดนไล่กลับมาอยู่ดี... จันทร์เจ้าพาทย์ ฉันเลือกที่จะกลับมานอนที่ห้องของฉันที่อยู่ตรงข้ามห้องของรามสูร หลังจากที่คุยกับมันไม่รู้เรื่องและโดนมันตะคอกเสียงดังกลับมา แรกๆ มันไม่ยอมและจะเดินตามฉันมาด้วย ฉันเลยขู่มันไปว่าคืนนี้คืนเดียว แต่ถ้าตามมาอาจจะไม่ใช่แค่คืนเดียวที่จะปล่อยมันนอนคนเดียว มันถึงยอมหยุดแล้วหันหลังเดินเข้าห้องมันไปอย่างโมโห ฮึ โมโหงั้นเหรอ ฉันไม่สนมันหรอกน่ะ เพราะฉันก็โมโหและโกรธเป็นเหมือนกัน ยิ่งวันนี้ทั้งวันยิ่งโคตรโมโหมันอะ แล้วเมื่อกี้ยังมาตะคอกเสียงดังกับฉันอีก ฉันก็รู้สึกป่ะ... ด้านรามสูร ฉิบ ไอ้ไซนะไอ้ไซ เพราะแม่งคนเดียวเลยไอ้น้องเวร วันนี้ที่ผมไปคุยกับมันและกลับมาด้วยสภาพสะบักสะบอมกันทั้งคู่เพราะเข้าไปคุยเรื่องที่ป๊าจะให้ผมไปดูงานคาสิโนทีฮ่องกงแต่ผมไม่ว่างไงช่วงนี้ งานที่นี่แม่งก็เยอะฉิบหายอยู่แล้ว แล้วยังให้ผมไปที่โน้นอีก ผมถึงไปบอกมันว่าจะส่งมันไปดูงานที่คาสิโนแทน แต่แม่งกลับหงุดหงิดใส่ผมและไม่ยอมไปเพราะมันบอกผมว่าไม่อยากห่างจากเมียมันที่กำลังงอนกันอยู่ แต่ผมก็ดื้อด้านที่จะให้มันไปไง ก็เลยพูดแค่ว่า มึงต้องไปแค่นั้นแล้วเตรียมจะเดินออกมา แต่แม่งตะโกนกวนตีนผมกลับมา “เฮีย เด็กใหม่ที่ชื่อน้ำฟ้า แม่งน่าลองว่ะ น่าลองเอาเรื่องไปเล่าให้ซ้อฟัง” ผมจึงกำหมัดแน่นกลับหลังเดินไปต่อยมันอย่างโมโห แต่มันก็ไม่ยอมผมเหมือนกันไงจึงแลกหมัดอยู่พักใหญ่จนมันไปนอนกองที่พื้นผมถึงเดินออกมา เรื่องน้ำฟ้าผมไม่รู้ว่ามันรู้ได้ไง แต่ที่สำคัญคือจันทร์เจ้าจะรู้เรื่องน้ำฟ้าไม่ได้เพราะถ้าจันทร์เจ้ารู้เธอคงมีอาละวาดบ้างแหละที่ผมยุ่งกับเด็กในคาสิโน ซึ่งเธอเคยบอกผมไว้ว่าถ้าจะยุ่งกับใครข้างนอกเธอไม่ว่าแต่อย่ายุ่งกับเด็กที่เข้าไปทำงาน ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงห้ามแต่ผมก็ทำตามมาโดยตลอดโดยที่ไม่เคยยุ่งกับพวกเด็กในคาสิโนถึงแม้จะมีคนอ่อยผมก็ตาม แต่สำหรับน้ำฟ้าเธอทำให้ผมขัดคำสั่งของจันทร์เจ้าไปแล้ว ผมถึงได้รู้สึกผิดแล้วโทรไปหาเธอตอนเย็นไง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำแบบนั้น แล้วตอนนี้กูก็ต้องมานั่งเครียดเนี่ย สัสเอ้ย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม