หญิงสาวยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายให้แก่เขา รอยยิ้มอบอุ่นและใสสะอาด ก่อนหันหลังแล้วลากกระเป๋าเดินห่างเขาไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตายังจับจ้องหญิงสาวผู้นั้น โดยไม่ละไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ขอเวลาอีกสักยี่สิบชั่วโมงได้ไหม” เขาบอกตัวเอง เขาควรวิ่งไปหาหญิงสาวคนนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอบางอย่าง ก่อนที่เธอจะถึงเมืองไทย ก่อนที่วงการมายาจะหล่อหลอมเธอจนกลายเป็นอีกคน ซึ่งเขามั่นใจว่าอีกไม่นานเกินรอ คนจนตรอกอย่างเธอต้องต้านความกดดันไม่ไหวแน่
จอมทัพสาวเท้าอย่างรวดเร็ว ฝ่าฝูงชนพลุกพล่าน จนถึงตัวหญิงสาว เขาคว้าจับข้อมือเธอไว้ หญิงสาวตกใจ หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยสายตางงงัน แต่สายตานั้นก็เต็มไปด้วยความยินดี หากเขาต้องการสานต่อความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนหรือมากกว่านั้น เธอก็ยินดีที่จะตอบรับไมตรี
“คุณ” เขาจ้องมองใบหน้าของเธอแน่วนิ่งหลายวินาที “ไปกับผมไหม”
เธองง “ไปไหนคะ”
“ผมเช่าเครื่องบินส่วนตัวไปเมืองไทย เครื่องจอดอยู่ทางโน้น” เขาบุ้ยใบ้ไป ก่อนก้มหน้าเข้าใกล้เธอ สายตาจริงจังกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น ทำเอาหัวใจเธอเต้นระส่ำ “ว่าไง”
ขวัญชนกยิ้มให้เขา ถามด้วยความใสซื่อ “ฉันไปกับคุณได้หรือคะ”
“ได้อยู่แล้ว ผมอนุญาต แต่มีข้อแม้นะ”
“ข้อแม้อะไรคะ” เธอถามเพราะกลัว เขาค่อนข้างกะล่อนและไวไฟไม่น้อย
เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้อแม้ของผมคือ ผมจะบอกคุณบนเครื่อง”
นั่นปะไร เธอยิ้มเจื่อน แกะมืออุ่นๆ ของชายหนุ่มออกอย่างนุ่มนวล แต่เด็ดขาด “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเดินทางร่วมกับสายการบินที่ฉันจองไว้จะดีกว่าค่ะ หวังว่าคุณจะเดินทางปลอดภัยนะคะ สวัสดีค่ะ”
แล้วเจ้าหล่อนก็เดินจากเขาไป โดยไม่หันกลับมามองเขาอีก
“ทำยังไงดีวะ”
เพราะไม่ใช่แค่วิญญูเท่านั้นที่อยากได้เธอ เขาเองก็เช่นกัน เขามีโอกาสตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่ยอมจู่โจม หรือว่าเพราะฤทธิ์ฝ่ามือของเจ้าหล่อน ถึงไม่ยอมพูดกับเธอตรงๆ ว่าอยากได้เธอเป็นคู่ขาแก้เบื่อสักพักระหว่างทำธุระที่เมืองไทย
ขวัญชนกขึ้นเครื่องเกือบเป็นคนสุดท้าย เมื่อเจอที่นั่งตามที่จองไว้ก็นั่งลง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่เคยอยากกลับบ้านเท่านี้มาก่อนเลย” เธอยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตาที่อ่อนล้า เธอตั้งใจจะนอนหลับเต็มที่เพื่อฆ่าเวลาที่ยาวนานในการบินข้ามทวีปไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไป “ถึงกรุงเทพฯ ปุ๊บ ก็ขอให้ได้งานใหม่ปั๊บเลยนะ เพี๊ยง!!!”
ขวัญชนกอยากยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว แต่คงทำได้แค่คิดเท่านั้น
“ขอบคุณนะนายเสือผู้หญิง ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาที่นี่ จะเอาเงินมาคืนนายด้วยมือตัวเองเลย” และเธอตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันจะอยู่วงการนี้ให้ได้ ฉันต้องอยู่ต่อให้ได้”
หญิงสาวลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาที่มุ่งมั่น เปี่ยมพลัง หากแล้วความหวังความฝันของเธอแทบจะสลายลงในพริบตา เมื่อเธอได้เห็นว่าผู้โดยสารคนสุดท้ายของเที่ยวบินคือใคร “พี่เป๊ก...!!!”
วิญญูเดินยิ้มร่าขึ้นเครื่องมา เขายังไม่เห็นเธอ เพราะมัวแต่สนทนาการแอร์โฮสเตส
“อย่าบอกนะว่านั่งข้างเรา” หญิงสาวไม่รอรี เธอลุกขึ้นทันที แล้วเดินไปทางห้องน้ำ จากนั้นก็แอบมองชายหนุ่มที่กำลังเดินมายังที่นั่งของตัวเอง เขานั่งลงตรงเก้าติดกับเธอ “ซวยแล้ว”
ขวัญชนกหน้าเสีย คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี
“ทำยังไงดี...หรือว่า” เธอนึกออกแล้ว “เสือ...เสือไปรึยัง”
หญิงสาวเดินไปชะโงกมองเครื่องบินลำเล็กที่ชายหนุ่มอ้างว่าเขาเช่าเพื่อโดยสารแบบส่วนตัวเพื่อบินกลับไปยังเมืองไทย เครื่องบินลำนั้นยังจอดอยู่ และชายหนุ่มคนนั้นยังยืนสนทนากับกลุ่มคนประมาณห้าคนใกล้ๆ
“เอาไงดี”
เธอยังไม่ตอบคำถามตัวเองด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีคือลงจากเครื่องมาแล้ว เธอแจ้งกับเคาน์เตอร์สายการบินว่ามีธุระด่วนต้องลงจากเครื่อง จึงขอฝากสัมภาระไปเพียงอย่างเดียว แล้วจะมาติดต่อขอรับทีหลัง เสร็จเรื่องแล้ว เธอก็รีบออกไปหาชายหนุ่มที่จุดจอดเครื่องบินลำเล็กอย่างไม่ลังเล
“ฉันมาหาคนที่เช่าเครื่องลำนี้น่ะค่ะ” เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ลงจากเครื่อง เขาอาจโกหกก็ได้ ทำไมเธอจึงไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี เธอควรไตร่ตรองทุกอย่างอย่างมีสติ เขาเป็นคนแปลกหน้าที่เธอแทบไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ หากเสี่ยงเดินทางด้วยการนั่งไปกับวิญญู อย่างน้อยหากเขาทำอะไรเธอ เธอก็ยังให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ตำรวจได้ “เขา...”
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องคนนั้นมองเธออย่างละอา “อีกแล้วหรือครับ ตะกี้ผมเพิ่งไล่ผู้หญิงไปสองคน เขาบอกว่าถ้ามีผู้หญิงมาตามเขาอีก บอกให้เธอกลับไปครับ”
“อะไรนะคะ”
“ครับ เขาบอกอย่างนั้น ใกล้เวลาบินแล้ว ผมขอตัวนะ”
“คุณช่วยบอกเขาได้ไหมคะ ว่าฉัน...”
“กลับไปเถอะครับ ไม่มีประโยชน์หรอก
“คุณ!”
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องขึ้นบันไดไป ก่อนประตูเครื่องจะปิดสนิท เธอตัดสินใจตะโกน
“คุณ!!! คุณเสือ...เสือผู้หญิง!”
สิบวินาทีต่อมา...จอมทัพโผล่มาที่ประตูเครื่อง ยิ้มกริ่ม
“ยินดีต้อนรับสู่สายการบินของเรา”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเปลี่ยนใจ?”
เขาถามทันทีที่เธอนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ ซึ่งทั้งใหญ่ กว้างและนุ่มสบายก้น เธอยังคงสอดสายตามองความหรูหราและทันสมัยของเครื่องบินลำนี้ ด้วยความตะลึงและชื่นชมระคนกัน
“คุณคงรวยมากสินะ ถึงได้มีเงินเช่าเครื่องบินส่วนตัวไปไหนมาไหนได้”
“ผมถามคุณ ได้ยินรึเปล่า”
“ถามอะไรคะ”
“ทำไมถึงเปลี่ยนใจมาหาผม” ...เพราะคุณไม่ได้โง่ใช่ไหม ผมรวยขนาดนี้...ไอ้ที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ใสซื่อ แกล้งปฏิเสธ คงเป็นเพราะอยากอัพราคาน่ะสิ “ว่าไง”
หญิงสาวถอนหายใจอย่างระอา “ฉันเจอเขาบนเครื่อง นั่งติดกันด้วย ฉันซวยจริงๆ ทำไมหนีไม่พ้น”
เขายิ้มนิดๆ “เคยได้ยินไหม ยิ่งหนียิ่งเจอ”
“แต่ฉันยังโชคดีที่คุณยังไม่บิน”
“อย่าเพิ่งตัดสินเลย ว่าคุณโชคดีรึเปล่า”
หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทำไมเขาพูดอย่างนั้น
“ทำไมคะ หรือว่าข้อแม้คุณ...คุณต้องการอะไรคะ”
“จ่ายค่าเดินทางให้ผม ด้วยการ...”
หัวใจของหญิงสาวเต้นรัว วินาทีนี้ เธอต้องลุ้นแล้วว่าเขาจะมาไม้ไหน และเธอจะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อให้รอดจากกรงเล็บของชายหนุ่มได้ เพราะเครื่องบินลอยลำอยู่เหนือปุยเมฆมาสักพักแล้ว หากเธอจะหนีลงจากเครื่องก็คงทำไม่ได้เสียแล้ว สรุปคือ เธอโง่ยิ่งกว่าควายเสียอีก
“คุณห้ามหลับเด็ดขาด” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ยิ้มมุมปาก
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ “ทำไมคะ”
“เพราะผมจะไม่รับรองความปลอดภัยของคุณ”
“คุณยิ่งพูด ฉันยิ่งงง ถ้าฉันหลับ มันจะอันตรายยังไงคะ”
“ต้องให้ผมพูดตรงๆ เหรอ”
“คุณก็เห็นแล้วนี่คะ ว่าฉันเป็นคนโง่แค่ไหน” เธอชักยัวะ สะบัดหน้าใส่เขาอย่างงอนๆ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าของเธออย่างตั้งใจ จนเธอต้องเลื่อนตัวออกห่างอย่างระวัง
“เพราะถ้าคุณหลับเมื่อไหร่ คุณเสร็จผมแน่”