ชายหนุ่มกำลังแกะถุงยางอนามัยออกจากกล่องแล้วจัดการสวมมันเข้าไปได้ครึ่งหนึ่ง...
ตอนที่โทรศัพท์มือถือของเขาลั่นขึ้นขณะมันยังซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนซึ่งกองอยู่บนพื้นห้องมันวาว บริเวณปลายเตียงของห้องหรูหรา บรรจุในโรงแรมสูงใจกลางเมืองบอสตัน เมืองที่ใหญ่โตหรูหราและมั่งคั่งที่สุดในเขตนิวอิงแลนด์
“ใครบังอาจโทรมาป่านนี้วะ!!!”
เขาบ่นอุบ เหลียวหลังกลับไปมองสองสาวที่ยังนอนรอเขาอยู่บนเตียงด้วยอารมณ์คุกรุ่น กระหายอยากในรสรักอันเร่าร้อนและรุนแรงจากขีปนาวุธสุดอลังการของเขาจนแทบจะทนไม่ไหว
พวกหล่อนเป็นฝาแฝดสาวสวยที่แอบลอบปีนหน้าต่างบ้านออกมาเพื่อฉลองวันเกิดปีที่สิบแปดที่ผับแห่งหนึ่งกับเพื่อนชายสองคน คงตั้งใจจะหิ้วกันไปต่อที่ไหนสักแห่ง เพื่อเปิดโลกใหม่แก่สาวพรหมจรรย์ ทว่า สองหนุ่มนั่นกลับทำให้พวกหล่อนเซ็ง เพราะแอบไปพลอดรักกันเองในห้องน้ำ
เขาเจอสองสาวที่ลานจอดรถ เขานัดเพื่อนไว้ แต่ไม่ทันได้เจอเพื่อน สองสาวเข้ามาเสนอให้เขาจัดการพรหมจรรย์ของพวกเธอให้ย่อยยับเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้หน่อย เขาเองเป็นผู้ใหญ่ใจดีพอสมควร เลยเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูให้สองศรีพี่น้องขึ้นนั่ง แล้วจัดการขย่มสองสาวในรถไปคนละสองรอบ อีหนูทั้งสองคงถูกใจสุดๆ เลยขอให้เขาพามาต่อที่โรงแรม
“ไม่มีมารยาทจริง ๆ!”
“โทรศัพท์ของคุณดังหลายครั้งแล้วนะคะ”
“สงสัยแฟนคุณโทรมาตาม” สองสาวหัวเราะคิก พลางส่งจูบให้เขาเพื่อล่อลวงให้เขากระโดดเข้าใส่เป็นรอบที่สามในคืนนี้ แล้วเขาจะเอายังไงดี ระหว่างเดินไปรับโทรศัพท์จากใครสักคนที่ตื๊อสุดๆ หรือกระโดดขึ้นเตียงเพื่อระบายความกำหนัดใคร่ให้ทะลุทะลวงเป็นครั้งที่สี่
“เสียใจด้วย ผมยังไม่มีแฟน”
“โกหกรึเปล่าคะ หล่อขนาดนี้”
“ผมรักใครไม่เป็น” เขาพูดจากใจจริงเลยล่ะ ยิ้มร้าย หลบตาไปมองกางเกงยีนบนพื้นห้อง “และไม่คิดจะรักใครด้วย”
“ถ้าคุณไม่รับโทรศัพท์ คุณจะรออะไรอยู่คะ มาเร็วซี่” แฝดพี่อ้าขารอความบ้าพลังจากชายหนุ่ม ส่งสายตาเชิญชวน แลบลิ้นเลียริมฝีปากจนมันแผล่บ “มาสนุกกันต่อสิคะ”
“มามะคนดี ม้าหนุ่มสุดแสนกำยำของฉัน” แฝดน้องพลิกร่างนอนคว่ำ เผยอสะโพกขึ้น ฝ่ามือเล็กตบแก้มก้นตัวเองเบาๆ สละวิญญาณฮอกกี้สาวที่เข้าสิงเมื่อสิบนาทีก่อนทิ้งไป แล้วกลายร่างเป็นม้าสาวจอมพยศแทน “มาขี่ฉันซะดีๆ แล้วพาฉันไปสวรรค์ชั้นเจ็ด แปด เก้า สิบไปเลย อย่าช้าน่าที่รัก”
“ผมสัญญาจะขี่คุณถึงเช้าเลย แต่...” สายเรียกเข้ายังคงดังต่อเนื่อง ประหลาดดี เขาปฏิเสธที่จะรับสายถึงสี่ครั้ง แต่ฝ่ายที่โทรมาก็ยังไม่ยอมถอดใจง่าย ๆ “ใครวะ???”
เขาชักจะรำคาญ เดาเอาเองว่าไม่น่าจะเป็นโทรศัพท์จากใครสักคนในเมืองนี้ หากเป็นเพื่อนร่วมก๊วนในชั้นเรียนปริญญาโทด้วยกัน ก็น่าจะรู้ว่าเขากำลังประกอบกิจบนเตียงหรือไม่ก็ฟัดกับสาวสองคนนี้ในรถคันหรูอย่างถึงพริกถึงขิงอยู่ ไม่น่าจะเสียมารยาทขนาดนั้น
“ผมจำเป็นต้องรับโทรศัพท์ว่ะ”
จอมทัพ เอื้ออังกูรไกรหยุดฝีเท้าที่นำเขาเข้าสู่วังวนแห่งกามรส เขาสลัดความกำหนัดใคร่ชั่วครู่ เดินล่อนจ้อนมาหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วดูชื่อปลายสาย
“คุณแม่!!!” เขาอุทานลั่น ก่อนหันไปส่งสัญญาณบอกให้สาวๆ เงียบเสียงเดี๋ยวนี้ “โทรมาทำไมป่านนี้?”
เขาคว้าโทรศัพท์เดินไปที่ประตูกระจกตรงระเบียงห้อง ขยายริมฝีปากให้เหมือนกับยิ้ม กดรับโทรศัพท์ แล้วทักทายด้วยน้ำเสียงดีใจเหมือนปกติ ไม่ต่างหากตอนที่เรียนหรืออ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่
“สวัสดีครับสุดสวย” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปด้วยประโยคทักทายคุ้นปาก เขารอฟังปลายสายอย่างอารมณ์ดี ทว่า ไม่มีเสียงพูดใดตอบกลับ นอกจากเสียงสะอื้นอย่างหนักหน่วงและรุนแรง “คุณแม่!!!”
จอมทัพตกใจหน้าเหวอ ก่อนจะตั้งสติ แล้วเรียกอีกฝ่ายซ้ำๆ ละล่ำละลัก
“คุณแม่เป็นอะไรไปครับ นั่นคุณแม่ใช่ไหมครับ”
หญิงนางนั้นเอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมตอบคำถามของชายหนุ่ม
“ตอบสิครับ ผมจะบ้าตาย” เสียงสะอื้นของมารดาทำให้อารมณ์เขาตีกลับ ไอ้หนูตัวแสบของเขาหดเหมือนหมดแรงไปในทันที “คุณแม่ร้องไห้หรือครับ”
“จอม...” หญิงสูงวัยที่สวยและสง่ายิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยรู้จัก คนที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยพลังในการใช้ชีวิต คนที่เต็มไปด้วยอำนาจบารมีจนไม่มีใครกล้าหือ คนที่ทำให้เด็กน้อยอ่อนแออย่างเขาลุกขึ้นสู้ไม่รู้สักกี่ครั้ง คุณแม่กุลธิดาที่เขารักยิ่งชีวิต ต้องไม่ใช่เธอคนนี้แน่นอน คนที่กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด คนที่กำลังพ่ายแพ้กับอะไรบางอย่างจนไม่อาจดิ้นรนต่อสู้ คนที่กำลังอ่อนแอถึงขีดสุด
จอมทัพมั่นใจเหลือเกินว่า เรื่องที่มารดาของเขากำลังเผชิญอยู่นี้ ต้องเป็นปัญหาใหญ่ยักษ์ที่มารดาของเขายากจะรับมือได้
“แม่ขอโทษนะลูก”
“ขอโทษเรื่องอะไรครับ เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
“คุณพ่อ...” แน่นอน คุณพ่อของเขาเท่านั้นที่มารดาของเขาสยบลงแทบเท้า เขารู้ดี หากมารดาต้องเสียน้ำตาสักหยด ก็ต้องเกิดจากผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่น “แม่อาจต้องหย่ากับคุณพ่อ”
“หย่า!!!” เกิดอะไรขึ้น เรื่องที่เพิ่งผ่านหูเขาไปนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงอย่างแน่นอน เขาต้องฝันไปแน่ “หย่าเหรอครับ ผมหูฝาดแน่ๆ”
บิดาของเขาไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน และเคยรับปากเขาไว้ด้วยว่าจะไม่ทิ้งมารดาของเขาเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะแอบมีเล็กมีน้อย หรือมีเมียเก็บที่ไหน เขาต้องไม่แต่งงานกับใครและให้เกียรติมารดาของเขา...กุลธิดาต้องเป็นที่หนึ่ง
ผู้หญิงที่เลี้ยงดูบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลเอื้ออังกูรไกรอย่างทะนุถนอม ผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับสองพ่อลูกที่ร้ายพอกัน ผู้หญิงที่อดทนมาตลอด เพราะพฤติกรรมเจ้าชู้ของบิดาที่ตะลอนไปทั่ว แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อให้เขาได้เติบโตอย่างงดงาม
“เป็นไปไม่ได้ คุณแม่โกรธคุณพ่อเรื่องอะไรครับ”
“คุณพ่อของลูกต่างหากที่เป็นคนขอหย่า”
ฟังคำตอบแล้ว ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจ หมายความว่าบิดากลืนน้ำลายตัวเองอย่างนั้นหรือ จอมทัพแทบอยากจะบินกลับเมืองไทยเสียตอนนี้เลยจริงๆ
“คุณพ่อ...” สัญญากับเขาแล้วว่าจะไม่เอาอีหนูคนไหนมาเป็นแม่เลี้ยงของเขาเด็ดขาด ส่วนตัวเขาเองก็ให้สัญญาว่าจะเรียนให้จบปริญญาโท เพื่อกลับไปช่วยบริหารงานในบริษัท แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ยึดถือคำมั่นสัญญาเท่าชีวิตคนนั้น “เพราะอะไรครับ”
กุลธิดายังคงสะอื้นไม่หยุด เขาอยากจะปลอบใจมารดาด้วยการกอดและหอมแก้มสักสองสามฟอด แต่คงทำไม่ได้ในเวลานี้ เขากับมารดาอยู่ห่างกันคนละทวีป ทว่า เสียงสะอื้นของมารดากรีดหัวใจของเขาจนเจียนจะขาดเป็นริ้วๆ ร่างกายของเขาเหน็บหนาวรวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก
“ลูกไม่ควรรู้เรื่องนี้ ลูกยังเรียนไม่จบ แม่ไม่ควรนำเรื่องปวดหัวมาบอกลูกตอนนี้ ไม่ควร”
“คุณแม่ครับ คนที่ควรจะรู้เรื่องนี้ก่อนทุกคนก็คือผมนะครับ ผมคือจอมทัพ เอื้ออังกูรไกร ลูกชายคนเดียวของคุณพ่อคุณแม่นะครับ” ชายหนุ่มอยากย้ำให้มารดารู้ว่าเขาพร้อมจะยืนเคียงข้างทุกวินาที เขาไม่มีวันยืนอยู่ข้างบิดา คนที่ทำให้มารดาของเขาร้องไห้เด็ดขาด
“เล่าผมมาเถอะครับ มันเกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มไม่ได้คาดคั้น แต่ขอร้อง...
“ถ้าแม่เล่าให้ลูกฟัง ลูกต้องสัญญานะว่าจะอยู่ที่นั่นจนเรียนจบ” เขาไม่อยากโกหกเลยว่าเขาต้องพิจารณาก่อนว่าเรื่องราวของปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มันสมควรแก่การอยู่นิ่งเฉยรึเปล่า
“ได้ไหมลูก”
จอมทัพเลื่อนกระบอกโทรศัพท์ไปอยู่ที่หูอีกข้าง พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด
“ผมเรียนจบแน่ครับ ไม่ต้องห่วง” เขาไม่เลือกโกหก แต่จะทำรึเปล่านั้นอีกเรื่อง นี่ละ นิสัยเขา มารดาน่าจะรู้ดีที่สุด
“สัญญาสิ” มารดาของเขาห่วงไม่เข้าเรื่อง ถึงเขาจะเกเร ไม่สนใจเรียนมาก่อน แต่สำหรับการเรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจในเวลานี้ เขาอยู่ระดับแนวหน้าของชั้นเรียนเชียวนะ เพราะฉะนั้น วิชาเรียนตัวสุดท้ายที่ต้องจัดการก่อนจบ เขาพักไว้ก่อนได้ หากเขาต้องบินกลับเมืองไทยอย่างเร่งด่วนเพราะต้องกลับไปจัดการเรื่องความยุ่งยากใจของมารดาสุดที่รัก
“ผมยี่สิบแปดแล้วนะครับคุณแม่”
กุลธิดาเงียบไปอึดใจหนึ่ง เธอลืมไปได้อย่างไรว่าบุตรชายไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เขาโตพอที่จะรับรู้ทุกเรื่อง เขาคงมีวุฒิภาวะมากพอที่จะฟังอย่างผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีประสบการณ์ในชีวิตมาพอสมควร และเขาคงไม่อารมณ์รุนแรงร้ายกาจและก้าวร้าวเหมือนสมัยวัยรุ่นหรอก
“ลูกเองก็คงจะรู้ว่าคุณพ่อมีผู้หญิงพัวพันเยอะ”
“แล้วไงครับ” เรื่องผู้หญิงจนได้...เขาตั้งใจฟังมารดาจนลืมหายใจเลยทีเดียว เดินงุ่นง่านไปมาจนเผลอเหยียบบราเซียสุดเซ็กซี่ของสองสาวไม่รู้ตัว “แล้วไงครับคุณแม่”
“แต่ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้ามาเหยียบที่บ้านของเรา”
“ครับ” หัวใจเขาเต้นตุบๆ เมื่อคิดว่ามีผู้หญิงโสโครกสักคนเข้ามาในบ้านแล้วชี้หน้ามารดาของเขาให้ออกไปจากบ้านเหมือนฉากในละครน้ำเน่า “ไม่มีใครได้สิทธิ์นั้นแน่”
“แต่ตอนนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำให้คุณพ่อของลูก แหกทุกกฎที่ลูกตั้งเอาไว้” พูดถึงประโยคนี้ กุลธิดาสะอื้นปริ่มจะขาดใจ เธอเอามือปิดปากตัวเองไว้ แต่เสียงนั้นก็ยังเล็ดรอดถึงหูลูกชายที่ตั้งใจฟังด้วยใจจดจ่อ เขากดกรามเบาๆ หันหน้าดุเข้มหนีสาวเปลือยที่ยังพยายามส่งจูบยั่วยวนเขาไม่หยุด
“ผู้หญิงคนนั้นคือใครครับ??” เขาอยากรู้แทบคลั่งแล้ว แต่เขาสะกดตัวเองให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ “คนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ต้องร้องไห้”
“แม่ไม่ขอพูดชื่อผู้หญิงคนนั้น”
“ทำไมครับ” ไม่บอก เขาก็ยิ่งอยากรู้ มารดาน่าจะรู้จักนิสัยของเขาดีนี่นา “หรือว่า เป็นคนที่ผมรู้จัก”