“ไม่ลูก อย่าคาดคั้นแม่”
“บอกมาเถอะครับ ว่ายัยนั่นเป็นใคร” ชายหนุ่มรอให้มารดาเปิดปาก สายตาจดจ่อไปบนท้องฟ้าเหนือยอดตึกสูงที่รายรอบ โดยไม่ทันตั้งตัว แฝดสาวสองนางก็เข้ามากอดจูบลูบคลำเขาอย่างรุกเร้าเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของเขาให้พลุ่งพล่านต่อเนื่อง หลังจากโหมเซ็กซ์อย่างหนักมาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนจนกระทั่งเช้าวันนี้
“ไม่เอาน่า” เขากระซิบกระซาบใกล้หูหญิงสาว พลางปลดมือปลาหมึกของเธอทั้งสองออก และชี้ไปที่เตียง ส่งสัญญาณบอกว่ารอแป๊บ เดี๋ยวเขาจะจัดชุดใหญ่ให้แบบต้องคลานลงจากเตียงในตอนมื้อเที่ยงของวันนี้เลยทีเดียว
“โอเค” แฝดผู้พี่เข้าใจง่ายกว่า เยื้องย่างกลับไปนอนรอบนเตียงแบบไม่ต้องสั่งหลายรอบ แต่แฝดผู้น้องยังพยายามจับไอ้หนูแข็งทื่อของเขาเล่นอย่างเอาแต่ใจ ปากก็ร่ำจะเข้ามารวบไม่หยุด
“ผม...เตือน...แล้ว...นะ!” เขาส่งสายตาดุกร้าว หญิงสาวทำหน้างอ สะบัดหน้าใส่ แล้วเดินย้ายสะโพกไปนั่งแหมะที่โซฟา ดึงบุหรี่จากกล่องมาจุดสูบพ่นควันปรอยๆ “อย่า...”
“จอมฟังแม่อยู่รึเปล่าลูก”
ชายหนุ่มกระแอมในลำคอ แล้วพูดน้ำเสียงปกติ “ฟังสิครับ บอกมาสิครับ ว่าผู้หญิงโสโครกคนนั้นเป็นใคร เพราะถ้าคุณแม่ไม่บอก ผมกลับเมืองไทยพรุ่งนี้”
“อย่านะลูก” กุลธิดาตั้งสติ กลั้นสะอื้น แล้วบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด “แม่ขอบอกให้ลูกรู้แค่ว่า แม่กับพ่อกำลังจะหย่ากัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ที่สุดแล้ว คือคนของเรา เขาไม่อยากอยู่กับแม่อีกแล้ว เพราะฉะนั้น ลูกทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด เรียนให้จบแล้วกลับมาเป็นผู้บริหารของบริษัทของเรา ส่วนแม่...”
“ช้ำใจ ร้องไห้ เจ็บปวด ผมคงมีความสุขมากนะครับ” จอมทัพเข้าใจดีว่ามารดาไม่ต้องการให้เขายุ่งเรื่องนี้นัก เธอเพียงต้องการกำลังใจจากเขา แต่คนอย่างเขา คงอยู่เฉยไม่ได้แน่ หากผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดต้องทุกข์ใจ แต่ในเมื่อมารดาไม่ยอมเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนั้น เขาก็ไม่ควรจะตื๊อมารดาให้เหนื่อย อีกอย่าง หากชื่อนั้นเป็นเสนียดริมฝีปากของมารดา เขาเองก็ไม่อยากให้มารดาพูดชื่อนั้นเช่นกัน “ตกลงครับ ไม่บอกก็ไม่บอก”
เมื่อมารดาไม่ยอมบอกว่าใคร เขายิ้มเจ้าเล่ห์ บอกตัวเองว่า มันไม่ยากเลยสักนิด หากเขาจะสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
“จอมไม่ต้องคิดมากนะลูก แม่อยู่ได้”
“ครับ” ถึงเขาไม่เชื่อ แต่ก็ต้องตอบตามที่มารดาต้องการจะฟัง “ว่าแต่ คุณแม่ยังรักคุณพ่ออยู่รึเปล่าครับ หรือสะอิดสะเอียนจนไม่อยากเห็นหน้าแล้ว”
“รักสิลูก รักมากที่สุด แม่รักพ่อของลูกมากกว่าชีวิตของแม่เสียอีก”
“แล้วคุณแม่จะยอมเสียคุณพ่อให้กับ...”
“ก็แค่ผู้หญิงแพศยาคนหนึ่งเท่านั้น”
“ครับ” เขายิ้มพอใจที่มารดายอมสบถออกมา เพราะเขาอยากให้มารดาได้ระบายความรู้สึกอัดอั้นเสียบ้าง “นั่นสินะ ผู้หญิงที่ขายตัวเพื่อเงิน คุณแม่จะยอมเสียคุณพ่อให้กับผู้หญิงแบบนั้นหรือครับ”
“แต่คุณพ่อของลูกหลงมันมากนะ ถึงขนาดมาขอหย่า ทั้งที่อยู่กันมา 25 ปี เขาไม่เคยเอ่ยคำนี้ออกมา ไม่เคยเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาดูจริงจังจนแม่กลัว”
“อย่ากลัวครับ ในเมื่อเรามีดีกว่า” เขามั่นใจว่ามารดาของเขาชนะผู้หญิงทุกคนด้วยความดี “เอาเป็นว่า คุณแม่รั้งเรื่องนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ อย่าไปยอมคุณพ่อง่ายๆ อย่าให้เขาได้ใจและมีความสุขอยู่คนเดียว”
“แม่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้นานแค่ไหน”
“ถ้าคุณแม่คือกุลธิดา เอื้ออังกูรไกร คุณแม่ต้องทำได้ครับ”
กุลธิดาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มออกมา แต่ฟังดูไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่นัก
“ได้จ้ะ แม่จะพยายามรั้งคุณพ่อไว้ให้นานที่สุด และแม่จะพยายามทำให้เขากลับมาให้ได้ แม่สัญญา”
“ผมรักคุณแม่มากนะครับ อย่าทำให้ผมผิดหวัง” ชายหนุ่มกดวางโทรศัพท์ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ความโกรธแค้นอัดแน่นคุกรุ่น เขากัดกรามจนแน่นนูน ก่อนต่อยบานกระจกไปหนึ่งทีเพื่อระบายความโกรธ วินาทีนี้ เขาอยากหายตัวไปอยู่หน้าห้องทำงานของบิดา ถีบประตูห้องเขา แล้วเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอดเลยว่า... “เด็ดกว่าโสเภณีรึไง ถึงได้หิ้วเข้าบ้าน!!!”
และเขาอาจโดนบิดาต่อยจนสลบในเวลาต่อมาอย่างไม่ต้องสงสัย เขาคงเจ็บทั้งกายและใจ แต่สิ่งที่ได้รับอย่างท่วมท้นคือความสะใจที่ได้ต่อว่าบิดาอย่างเจ็บแสบ
“อีตัวจากเล้าไหนวะ” เขายิ้มร้าย สายตากลัดความแค้นและเย้ยหยันดูถูก เขาเข้าใจความเป็นผู้ชายด้วยกันดี เด็กกว่าสาวกว่าและคงลีลาเด็ดถึงใจมากกว่า ถึงได้อยากเลี้ยงดูประจำ “คงหนีไม่พ้นพวกดารานางแบบเหมือนเคย แต่ความสวยระดับไหนกันนะ ที่ทำให้เขายอมหย่าเมีย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ!!”
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครไม่รู้ แต่สาวหุ่นอวบสวยที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มแสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรืออีกครั้ง หลังจากรอให้เขาทำธุระเสร็จมาหลายอึดใจ เจ้าหล่อนกระดิกนิ้วเรียกเขาอย่างเย้ายวน พลิกร่างไปมาอย่างเร่าร้อน เพื่อสร้างบรรยากาศความคึกคักให้ชายหนุ่มหน้าเครียดอีกครั้ง
“มีปัญหาอะไรก็ลืมไปซะเถอะค่ะ มาคลายเครียดกันดีกว่า” เจ้าหล่อนเลื่อนมือขึ้นบีบจับหน้าอกเต่งตึงของตัวเองเพื่อกระตุ้นทั้งต่อตัวเองและชายหนุ่ม แต่เขายังคงทำหน้าเซ็งอยู่ดี
ส่วนแฝดผู้น้องที่นั่งรอเขาอยู่ที่โซฟา เจ้าหล่อนพยายามเชิญชวนเขาด้วยท่าทางสยิว ที่พอจะงัดขึ้นมาได้ เขามองสาวบนเตียงที สาวที่โซฟาที เพื่อให้เกิดความอยากอันเร่าร้อนอีกครั้ง ทว่า พยายามเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ เขาจะมีความสุขได้อย่างไร ขณะที่มารดาสุดที่รักกำลังร้องไห้และเศร้าเสียใจอย่างหนัก ถึงเขาจะไม่ได้ยินมันกับหู แต่เขารู้สึกได้กระทั่งวินาทีนี้
“มาเถอะน่าเบบี๋”
“มาจัดการฉันให้แหลกตามที่คุณประกาศไว้สิ”
“เราสองคนไม่ยอมให้คืนแสนหวานแรกรุ่นของความสาว ต้องหมดไปเพราะแฟนบอกเลิกคุณหรอกนะ” เจ้าหล่อนเดาเพราะฟังภาษาไทยไม่ออก เห็นจากสีหน้าท่าทางข้นเครียดก็เดาเอาเล่นๆ “คุณห้ามหยุดจนกว่าพวกฉันจะหมดแรง ต้องทำให้พวกฉันสลบเหมือดให้ได้”
พี่น้องไร้เดียงสาคู่นี้!! สั่งฉอดๆ อย่างกับเขาเป็นทาส ไม่รู้รึไงว่าเขารังเกียจพวกผู้หญิงที่อยากเท่าเทียมกับผู้ชายที่สุดและสั่งโน่นสั่งนี่เพื่อความต้องการของตัวเอง การที่เขาใจดีสนองความอยากให้ไปหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะต้องการเอาใจพวกหล่อน เพราะเด็กกว่านี้เขาก็เคยมาแล้ว
แต่ที่เขาทำลงไปในคืนนี้ ก็เพื่อสนองความอยากของตัวเองล้วนๆ เขาเองตักตวงความสาวอย่างอิ่มเอมเปรมปรีดิ์แล้ว หากต้องการไปต่อ เขาจะทำเอง แต่หากไม่ เขาก็หยุด มันของๆ เขานี่ เขาจะเอามันเก็บเข้าในกางเกงบ็อกเซอร์ หรือเอาเข้าไปยัดไว้ตรงไหน มันก็เรื่องของเขา
“ตามใจไอ้หนูของคุณเดี๋ยวนี้”
“งั้นเหรอ” จอมทัพไม่ได้กระโดดขึ้นเตียง แต่เดินไปเปิดตู้เย็นที่มุมห้อง หยิบเบียร์กระป๋องหนึ่งขึ้นมาดึงสลัก แล้วเงยหน้าซดจนฟองติดหนวดหรอมแหรมตรงปลายคางและกราม “แต่ไอ้หนูของผมมีเรื่องต้องคิดว่ะ”
“คิดอะไรอยู่หรือคะ”
“คิดว่าจะทำให้คุณสองคนสลบได้ยังไง”
สองสาวหัวเราะคิก คนพี่พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “งั้นอย่ามัวแต่คิด เข้ามาทำเลยดีกว่า”
“ทำให้แรงและเร็วกว่าทุกครั้งนะคะ”
“แต่ถุงยางหมดแล้ว อันสุดท้ายผมสวมอยู่ แต่มันเลอะไปตั้งแต่ตอนที่พวกคุณไปเร้าผมที่ระเบียง” เขาซดเบียร์อีกครั้ง สีหน้ายังเครียดขมและขึงขัง “ถ้าพวกคุณรอได้ ผมจะลงไปซื้อถุงยางมาอีกโหล ตกลงไหม”
สองสาวหันมองหน้ากัน อยากจะกรี๊ด
“ตกลงค่ะ”
“ซื้อโซ่แส้มาด้วยก็ดีนะคะ ฉันอยากลอง”
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในคอ “เดี๋ยวผมมานะ”
“คุณเจ๋งมากๆ เลยค่ะ มะรืนนี้ฉันจะไปเล่าเพื่อนๆ ที่โรงเรียนว่าฉันไปโดนอะไรมา ถึงได้สะบักสบอมขนาดนี้”
สองสาวภูมิใจกับวีรกรรมของตัวเองสุดๆ ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าขึ้นสวมใส่จนครบ โดยที่ยังสวมปลอกอยู่เหมือนเดิม เขาเดินไปจุ๊บแก้มสองสาวแล้วออกจากห้องมาอย่างเซ็งๆ
ไม่ใช่เพราะอารมณ์ค้าง แต่เป็นเพราะอารมณ์มันเหือดแห้งไปแล้วต่างหาก